ตอนที่ 2447 ฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์!

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตอนที่ 2,447 : ฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์!

“วันนี้เราผู้เฒ่าจักสังหารเด็กน้อยปากมิสิ้นกลิ่นน้ำนมเจ้าเสีย!!”

“หากชาติหน้ามีจริงเจ้าก็จดจำใส่หัวเอาไว้ให้ดี…ว่าในโลกนี้เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคนเสมอ!!”

ร่างที่พุ่งทะยานแหวกฟ้าไปราวพญาเหยี่ยวของอาวุโสฉี เมื่อพุ่งทะยานเข่นฆ่าสังหารไปเจียนถึงตัวต้วนหลิงเทียนมันก็กล่าววาจาออกมาเสียงเย็น!

เรียกว่าคำพูดที่มันกล่าวออกก็เหมือนพิพากษาโทษตายให้ต้วนหลิงเทียนโต้งๆ!

และแทบจะพร้อมกันกับที่คำของอาวุโสฉีดังจบคำ

“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน?”

“ให้ข้าชมดูหน่อยปะไร!”

ห่างออกไปไม่ไกลนัก ท่ามกลางรังสีกระบี่นับหมื่นพันที่เริ่มรวมตัวกัน ก็มีเสียงต้วนหลิงเทียนดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ

วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!

และแทบจะเป็นเวลาที่เสียงต้วนหลิงเทียนดังจบคำ รังสีกระบี่นับหมื่นพันรวมถึงร่างกายเขาที่แปรเปลี่ยนไปเป็นรังสีกระบี่อย่างอัศจรรรย์ก็เริ่มหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง!

ภายใต้สายตาของทุกคน ต่างเห็นได้ชัดว่ารังสีกระบี่ทั้งหมดควบรวมกันเป็นหนึ่งได้อย่างอัศจรรย์นัก!

และเมื่อรังสีกระบี่นับหมื่นพันที่ว่าผสานหลอมรวมเป็นหนึ่งแล้ว แสงสว่างเจิดจ้าปานตะวันก็สาดส่องออกมาอย่างแรงกล้า พาลให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะหยีตาลงโดยไม่รู้ตัว!

และในขณะที่หยีตาพวกมันก็พบว่า

รังสีกระบี่นับหมื่นพันหลังผสานหลอมรวมกันจนส่องแสงสว่างเจิดจ้า บัดนี้ได้กลับกลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง…ยังเป็นกระบี่ที่แลดูธรรมดาอย่างถึงที่สุด

รูปลักษณ์กระบี่ไม่ได้มีใดโดดเด่นแม้แต่น้อยหากจะเทียบกับแสงสว่างเจิดจ้าที่สาดส่องออกมาเมื่อครู่

“กระบี่เล่มนี้มัน…”

อย่างไรก็ตามกระบี่ธรรมดาๆแลดูไม่มีราคาค่างวด กลับทำให้เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ทั้งหมดที่ชมดูเรื่องราวอยู่ถึงกับชักสีหน้าจริงจังขึ้นมา

เพียงเพราะตอนนี้พวกมันสามารถตระหนักได้รางๆ…

กระบี่เล่มนี้หาได้ธรรมดาไม่!

ซู่ม! ซู่มม!!

ด้านอาวุโสฉีที่โจนทะยานเข้ามา บัดนี้สภาวะทั่วร่างถูกเร่งเร้าถึงขีดสุดมือทั้ง 2 ที่งองุ้มเป็นกรงเล็บยิ่งมายิ่งแผ่งกลิ่นอายคมกล้า เงาร่างวิหกที่ปรากกฏคลุมกายสยายปีกออกกว้างฉีกแหวกอากาศปรี่เข้ามาดั่งมีดคม!

“ลงนรกไปเสีย!!”

ทันใดนั้นอาวุโสฉีพลันตะโกนออกมาอย่างอำมหิต สองมือแผ่พุ่งรังสีพลังออกมาถึงขีดสุด ราวกับมันได้รีดเค้นพลังเพิ่มเข้าไปอีกส่วน! เป็นพลังที่เหลือในร่างทั้งหมด!!

และเหตุผลที่ไฉนมันถึงได้เร่งเร้าพลังออกมาทั้งหมดอย่างไม่ออมรั้ง เพราะมันเองก็ตระหนักได้ถึงความไม่ธรรมดาของกระบี่แลดูสามัญที่ต้วนหลิงเทียนแปลง!

กระบี่แลดูธรรมดาเล่มนั้น เพียงแค่ลอยล่องอยู่เฉยๆ ก็ให้ความรู้สึกอันตรายอย่างถึงขีดสุดกับมัน!

มันไม่อาจประมาท!

“เจ้าจะเป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์คนแรกที่ข้าต้วนหลิงเทียนฆ่า!”

ในขณะที่อาวุโสฉีคำรามเสียงอำมหิตพร้อมเร่งเร้าพลังชั่วชีวิตจู่โจมโถมมา กระบี่สามัญที่เกิดจากกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของต้วนหลิงเทียน ก็เปล่งเสียงออกมา!

ฟั่ฟฟฟ!!

และแทบจะพร้อมกันกับที่เสียงกล่าวต้วนหลิงเทียนดังจบคำ กระบี่สามัญที่ว่าก็พุ่งทะยานออกไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน!

กระบี่หมุนควงตามแกนนอน ความเร็วแลดูเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง

อย่างน้อยๆจางยี่กับหานเฉวี่ยไน่ที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดในบรรดาทุกคนในที่นี้ ก็สามารถเห็นวิถีกระบี่ดังกล่าวได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามทั้งคู่ไม่อาจสัมผัสได้…

กระบี่ที่กำลังหมุนควงและพุ่งออกไปด้วยความเร็วไม่สูงที่ว่า ที่แท้แล้วอัดแน่นไปด้วยความลึกล้ำมากมาย

และความลึกล้ำของกระบี่ ก็มีแต่เพียงเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เท่านั้นที่สัมผัสได้!

กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ ก็ไม่อาจแลเห็น

“กระบี่เล่มนี้…มิใช่แค่กระบี่!”

สีหน้าของเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ 5 คนที่เหลือเริ่มเปลี่ยนเป็นตึงเครียด

เนื่องจากพวกมันสัมผัสได้ว่าต้วนหลิงเทียนที่แปลงเป็นกระบี่และพุ่งควงออกไปอย่างเชื่องช้านั่น หาได้ธรรมดาแม้แต่นิดเดียว

มองแว่บแรกก็เห็นเป็นเพียงกระบี่ธรรมดาๆ กำลังทะยานออกไปด้วยความเร็วต่ำต้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตามพวกมันสัมผัสได้ถึงพลังลึกลับประการหนึ่ง!

และพลังลึกลับที่ว่า พวกมันก็สัมผัสได้ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนลงมือเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ก่อนหน้า

ก่อนหน้านี้พวกมันได้ยินเสียงตวัดกระบี่อย่างน้อย 5ครั้ง ก่อนที่รังสีกระบี่ทั้งหลายจะหลอมรวมกันก่อให้เกิดเป็นพลังทำลายอันน่าพรั่นพรึง!

และตอนนี้ขณะที่กระบี่ท่องไปอย่างไม่รีบไม่ร้อนในอากาศพวกมันก็สัมผัสได้ถึงพลังอันลึกลับดุจเดียวกัน!

“กายกระบี่รวมหนึ่ง!”

“13 กระบี่บงกชฟ้า!”

ต้องกล่าวเลยว่าสายตาของเหล่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์นั้นไม่ใช่ชั่ว

เนื่องเพราะกระบี่แลดูสามัญของต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ได้ง่ายดายจริงๆ!

ตัวกระบี่ยามนี้ไม่เพียงอัดแน่นไปด้วยสำนึกกระบี่สูงล้ำจากขอบเขตที่ 4 ของยอดใจกระบี่อย่าง กระบี่ใจกระจ่าง ยังอัดแน่นไปด้วยเวทย์พลัง 13 กระบี่บงกชฟ้า!

สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว พลังของยอดใจกระบี่นั้นแทบไม่ต่างอะไรจากวรยุทธ์เซียนอมตะในระนาบเทวโลกเลย อีกทั้งมันก็สามารถผสานเข้ากับเวทย์พลังได้อย่างสมบูรณ์!

ซู่ม! ซู่มมม!!

อาวุโสฉีเองก็โจนทะยานเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ ปีกเงาร่างวิหกตัวเขื่องยิ่งมายิ่งคล้ายเปี่ยมล้นไปด้วยสภาวะแหลมคม ปานจะฉีกกระชากได้ทุกสิ่ง!

ฟั่ฟฟฟฟ!

เผชิญหน้ากับการลงมืออย่างดุร้ายของอาวุโสฉี ร่างต้วนหลิงเทียนที่แปรเปลี่ยนไปเป็นกระบี่ แม้จะพุ่งไปอย่างไม่รีบไม่ร้อนหากแต่พริบตาที่จะปะทุมันก็ปะทุพลังคมกล้าออกมาสายหนึ่ง

เมื่อพลังดังกล่าวปะทุออกความว่างเปล่าคล้ายถูกทะลวงเจาะ จนก่อเกิดเป็นอุโมงค์อากาศ!

และอุโมงค์อากาศที่ว่ายิ่งมาก็ยิ่งใหญ่ขึ้น!

สุดท้ายก็ใหญ่พอจะคลุมครอบไปทั้งร่างอาวุโสฉี!

ฉัวะ!!

เสียงเบาๆดังขึ้นเข้าหูทุกคน มองไปทั้งหมดเห็นเป็นร่างอาวุโสฉีกับต้วนหลิงเทียนที่กลายเป็นกระบี่พุ่งสวนกัน…

ต้วนหลิงเทียนที่กลายเป็นกระบี่ไปแล้วตอนนี้ลอยอยู่ตำแหน่งของอาวุโสฉีก่อนหน้า กลับกันอาวุโสฉีก็หยุดลอยในตำแหน่งที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ก่อนหน้า

วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!

ทันใดนั้นทุกสายตาของผู้คนในที่เกิดเหตุก็หันมองสลับไปมาระหว่างต้วนหลิงเทียนที่เป็นกระบี่ไปแล้วกับอาวุโสฉีด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าที่แท้ผลลัพธ์เป็นเช่นไร

ส่วนเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ทั้ง 5 ตอนนี้ต่างมองจ้องไปยังร่างอาวุโสฉีไม่วางตา ไม่มีใครหันไปมองต้วนหลิงเทียนที่แปลงเป็นกระบี่สักคน

วู้มม!!

ทันใดนั้นกระบี่ที่ลอยล่องอยู่ก็ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าออกมาอีกรอบ และหลังจากที่แสงสว่างจ้าจางลงร่างต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏขึ้นให้เห็นอีกครั้ง

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏร่างแล้ว เขาก็ค่อยๆหันหลังกลับไปมองอาวุโสฉีที่พุ่งสวนกับร่างกระบี่เขาไปเมื่อครู่ด้วยสายตาเฉยเมย

“มัน…มันยังอยู่ดีหรือ?”

“หากมันอยู่ดี…แล้วเสียงเมื่อครู่เล่า?”

ตอนนี้แทบจะทุกสายตาต่างหันไปมองด้านอาวุโสฉีอย่างพร้อมเพรียง

และทันทีที่ทุกสายตาทอดมองลงไปบนร่างอาวุโสฉี

เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!

ภายใต้สายตาของทุกคนร่างอาวุโสฉีสั่นสะท้านขึ้นมา ก่อนที่ทั่วร่างจะเริ่มบังเกิดรอยร้าวอันมีต้นตอมาจากหลุมหนึ่งบริเวณหว่างคิ้ว!

เป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพลได้!

เปรี๊ยะ!

และความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นชัด บัดนี้กลิ่นอายชีวิตไม่หลงเหลืออยู่บนร่างอาวุโสฉีอีกต่อไป ร่างมันสะท้านเบาๆขึ้นอีกครา ก็เริ่มแตกสลายกลายเป็นละอองพลังหายสาบสูญไปในสวรรค์และโลก…

เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ ตาย!

เงียบ!

ทุกคนล้วนเงียบกริบ!!

หลังจากที่ร่างอาวุโสฉีดั่งธุลีต้องลมปลิวหายไปไม่เหลือแม้แต่ละอองคลี ทุกสายตาก็หันขวับไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

“พี่ใหญ่หลิงเทียน…กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ยังฆ่าได้ง่ายๆ นั่นมิใช่หมายความว่า…ความแข็งแกร่งของพี่ใหญ่เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์แล้วหรือไร!?”

หานเฉวี่ยไน่มองชมต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจ และบัดนี้ความกังวลที่ท่วมท้นในใจก็สลายหายไปไม่มีเหลือ

ถึงแม้นางจะเชื่อใจพี่ใหญ่หลิงเทียนมาโดยตลอด แต่เพราะก่อนหน้านี้นางไม่รู้ถึงกุ้นบึ้งพลังของพี่ใหญ่ จึงอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นออกมาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายแบบนั้น

มาตอนนี้พอเห็นพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้ง่ายๆ นางจึงอดไม่ได้ที่จบังเกิดความโล่งใจถึงที่สุด

“นะ…นี่มัน”

จางยี่บัดนี้ตะลึงค้างไปแล้ว เพราะเรื่องราวตรงหน้าเป็นอะไรที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของมันอย่างสิ้นเชิง

ในฐานะที่เป็นคนของสำนักเทียนซือ ขุมพลังระดับแนวหน้าของระนาบเหยียนหวง มันย่อมรู้เป็นธรรมดา…

ว่าตลอดทั้งประวัติศาสตร์อันยาวนานของระนาบเหยียนหวง เคยปรากฏขึ้นแต่ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 7 เท่านั้น…เหนือกว่านั้นไม่เคยมีมาก่อนเลย!!

ทว่าตอนนี้กลับปรากฏครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ขึ้นต่อหน้าต่อตา!!

‘เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์มันพูดกัน…ว่าระนาบอื่นๆก็ไม่เคยปรากฏครึ่งก้าวเซียนอมตะที่เหนือกว่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์มาก่อน’

‘นั่นมิใช่ว่าน้องหลิงเทียนได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่แล้วหรือไร?’

‘ไม่สิ! ครั้งสุดท้ายที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก ในระนาบเซียนของน้องหลิงเทียนก็เคยปรากฏตัวตนอย่างฟงชิงหยางขึ้นมา พลังฝีมือยังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!’

‘แต่นั่นก็เอามาเทียบไม่ได้…เพราะที่พลังฝีมือของฟงชิงหยางบรรลุถึงระดับนั้น ล้วนแล้วแต่เพราะได้รับมรดกสืบทอดของต้าหลัวจินเซียนไปแล้ว! ตอนที่ยังไม่ได้รับสืบทอดมรดก ต่อให้จะมีกระบี่เซียนอมตะในมือให้ใช้ทุกสิ่งที่มี พลังก็เพียงเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์เท่านั้น ยังอ่อนด้อยกว่าน้องหลิงเทียนในตอนนี้นัก!’

‘ไม่อยากจะเชื่อเลย! เรื่องแบบนี้มันเป็นไปได้ยังไงกัน…นี่ถ้าหากน้องหลิงเทียนได้รับมรดกของต้าหลัวจินเซียนเล่า? ความแข็งแกร่งของน้องหลิงเทียนจะกลายเป็นน่ากลัวถึงขนาดไหนกัน!?’

คิดถึงจุดนี้ใจจางยี่ก็แทบจะหยุดเต้น

เรียกว่ามันมั่นใจถึงที่สุด

หากต้วนหลิงเทียนได้รับมรดกของต้าหลัวจินเซียนรอบนี้ล่ะก็ พลังฝีมือจะก้าวข้ามทุกขอบเขตในระนาบโลกียะที่ผู้คนสามารถจินตนาการออกได้เป็นแน่ จะกลายเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานหนึ่งเดียวในระนาบโลกียะทั้งมวลก่อนที่จะขึ้นสู่สวรรค์!

กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่ทรงพลังสูงสุดในระนาบโลกียะ ก็ยากจะเป็นคู่มือให้ต้วนหลิงเทียนได้!!

เมื่อนึกถึงจุดนี้พอจางยี่มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้งในแววตาก็ฉายความนับถือเลื่อมไสและบังเกิดความยินดีกับต้วนหลิงเทียนจากใจ

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

ขณะเดียวกันทางด้านเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ทั้งหลายก็พึ่งจะกลับสู่ความรู้สึก และพอรู้สึกตัวสิ่งแรกที่ทำก็คือสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ!

ตอนนี้บรรยากาศโดยรอบเสมือนเปลี่ยนเป็นตึงเครียดบีบคั้นในพริบตา

“มัน…ไฉนร้ายกาจถึงขนาดนี้ได้!”

สีหน้าท่าทีของเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ทั้ง 5 ก็แลดูเคร่งขรึมนัก!