ตอนที่ 2,452 : ยากพบพาน…
ที่ไฉนอยู่ๆจี้เซียง อาวุโสที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์เผ่ามังกรผู้นี้อยู่ๆก็นึกถึงจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน อันเป็นอดีตเซียนกระบี่อัจฉริยะที่เคยท้าทายจนเอาชนะประมุขเผ่ามังกรในอดีตขึ้นมา
ล้วนเป็นเพราะว่า
นางเห็นเงาของเซียนกระบี่อัจฉริยะผู้นั้นยามใช้กระบี่บิน ซ้อนทับกับชายหนุ่มยามใช้กระบี่บินที่สำนึกเทวะของนางตรวจพบได้เมื่อครู่!
ถึงแม้กระบี่บินที่เซียนกระบี่ในอดีตใช้จะมีความลึกล้ำยิ่งกว่าที่ชายหนุ่มชุดม่วงใช้ออก
อย่างไรก็ตามกลับมีความคล้ายคลึงกันหลายส่วนนัก เรียกว่าวิชากระบี่บินที่ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ใช้ออกสมควรมีรากเหง้าต้นกำเนิดเดียวกันไม่ผิดแน่!?
‘ชายหนุ่มผู้นั้น…ใช่เกี่ยวข้องอันใดกับคนผู้นั้นของจี้เมี่ยเทียนหรือไม่?’
กระทั่งจี้เซียงก็ไม่อาจอธิบายได้ ว่าไฉนอยู่ดีๆนางก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
หากเป็นก่อนหน้านี้ นางคงพบว่าสิ่งที่ตัวเองคิดช่างเป็นเรื่องเหลวไหลนัก!
ตัวตนที่สูงส่งอย่างจักรพรรดิสวรรค์คนปัจจุบันของจี้เมี่ยเทียน ไหนเลยจะมีความเกี่ยวข้องกับคนในระนาบโลกียะได้?
ทว่าตอนนี้นางกลับเห็นเงาเซียนกระบี่อัจฉริยะของจี้เมี่ยเทียนผู้นั้น จากร่างชายหนุ่มชุดม่วงอย่างประหลาด!
ดังนั้นนางไม่กล้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเหลวไหล และเป็นไปไม่ได้
‘เจ้าหนูมือกระบี่นั่น…เป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่มันกลับฆ่าเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ลงได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ผู้นั้นจะไม่มีศาสตราเซียนอมตะก็ตามที’
กระทั่งเป็นจี้เซียงผู้อาวุโสของเผ่ามังกรแห่งว่านโช่วเทียน ที่เคยพบเห็นอัจฉริยะมามากมายนับไม่ถ้วน จังหวะนี้ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
หากเป็นในระนาบเทวโลก นางจะไม่แปลกใจอันใดหากได้เห็นตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะเข่นฆ่าสังหารเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์
เนื่องเพราะครึ่งก้าวเซียนอมตะของระนาบเทวโลกนั้น ไม่อาจนำไปเทียบกับครึ่งก้าวเซียนอมตะของระนาบโลกียะได้เลย…
“ศาสตราเซียนอมตะ” ที่จี้เซียงกล่าวถึง ก็คือยอดสมบัติสวรรค์นั่นเอง
ในระนาบเทวโลก ส่วนใหญ่แล้วผู้คนมักเรียกหายอดสมบัติสวรรค์ประเภทศาสตราว่า ศาสตราเซียนอมตะ
นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นในระนาบเทวโลกก็ดีหรือระนาบโลกียะก็ดี ปกติแล้ว 99 ในร้อยส่วนของเซียนอมตะเสเพลสามารถใช้ได้แค่ศาสตราเซียนอมตะเท่านั้น พวกมันไม่อาจใช้วรยุทธ์เซียนอมตะหรือเวทย์พลังของระนาบเทวโลกได้
นั่นเพราะวรยุทธ์เซียนอมตะกับเวทย์พลังของระนาบเทวโลก ไม่ใช่อะไรที่เซียนอมตะเสเพลไร้ร่างจะใช้ได้!
ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ฝึกฝนเวทย์พลังทั้งวรยุทธ์เซียนอมตะจนสำเร็จ ทว่าหากล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะสู่สวรรค์ไม่อาจเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ…จนในที่สุดก็กลายเป็นเซียนอมตะเสเพล พวกมันก็ไม่อาจใช้เวทย์พลังทั้งวรยุทธ์เซียนอมตะที่ฝึกฝนสำเร็จแล้วได้อีก…
เว้นเสียแต่พวกมันจะอยากตาย!
จนเมื่อมันทะลวงผ่านขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์ โดยการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพลรอบที่ 10 และขึ้นสู่ระนาบเทวโลก จนสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่แล้วเท่านั้น…พวกมันถึงจะสามารถใช้เวทย์พลังทั้งวรยุทธ์เซียนอมตะได้อีกครั้ง!
ข้อเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเซียนอมตะเสเพลอยู่ที่เรื่องนี้นั่นเอง
สามารถใช้ได้เพียงศาสตราเซียนอมตะ หากแต่มิอาจใช้วรยุทธ์เซียนอมตะและเวทย์พลังสวรรค์ได้!
แน่นอนว่ายังมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง นั่นก็คือเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่บ่มเพาะร่างควบแน่นวิญญาณ!
ตัวตนเหล่านี้ไม่เพียงใช้ทักษะวิญญาณหรืออำนาจจิตได้เท่านั้น ยังสามารถใช้วรยุทธ์เซียนอมตะและเวทย์พลังสวรรค์ได้
‘สมควรเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า…’
สุดท้ายจี้เซียงก็ส่ายหน้าไปมา นางรู้สึกว่าชายหนุ่มชุดม่วงที่นางกำลังให้ความสนใจอยู่ผู้นี้ ไม่น่าจะมีใดเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนได้…
ฉากใช้กระบี่บินอย่าง ‘ใจกระบี่เหิน’ ที่ทั้งสองใช้ออกคล้ายยกัน สมควรเป็นเรื่องบังเอิญ
ไม่นานจี้เซียงก็รั้งสำนึกเทวะกลับก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปสำรวจจุดอื่น
ส่วนด้านสตรีชุดแดงที่ติดตามอยู่ข้างๆจี้เซียงเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆเช่นกัน นางพยายามแผ่สำนึกเทวะออกไปช่วยชี้เซียงตามหาเบาะแสเด็กชายชุดดำกับเด็กหญิงในชุดขาวด้วยเหมือนกัน
แต่แน่นอนว่านางตั้งใจหาเด็กหญิงตัวน้อยในชุดทองมากกว่า
…
“ฮั้ย!! ในที่สุดข้าก็เจอสมบัติสถานระดับมนุษย์เสียที!!”
“ด้วยได้รับเบาะแสมรดกต้าหลัวจินเซียนมา จะอย่างไรอีกไม่นานข้าก็ต้องได้เจอพี่ใหญ่หลิงเทียนแน่!!”
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองพุ่งร่างออกมาจากทะเลสาบแห่งหนึ่ง
ความสงบของทะเลสาบถูกทำลายลงในพริบตา เสาน้ำพุ่งขึ้นสูงก่อนจะร่วงตกลงมาเป็นห่าพิรุณพาลซ่านกระเซ็น หากทว่าร่างของนางก็ไม่เปียกน้ำแม้แต่น้อย
และตอนนี้เด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองก็มองจ้องเข็มทิศในมืออย่างตื่นเต้นยินดี
“ไหนๆ…หัวมันชี้ไปทางนี้ ถ้างั้นต้องไปทางนี้สินะ!!”
และในขณะที่เด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองกำลังจะออกเดินทางไปตามทิศทางที่เข็มทิศชี้ไปนั้นเอง
ฟุ่บ!
ดั่งสายลมหอบหนึ่งกรรโชกผ่าน อยู่ๆก็มีร่างในชุดสีแดงปรากฏขึ้นขวางทางเด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทอง
“พะ…พี่สาวท่านเป็นใครหรือ?”
เผชิญหน้ากับสตรีในชุดสีแดงที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาขวางทางราวกับผุดโผล่ขึ้นมาจากอากาศแบบนี้ สีหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยชุดทองเปลี่ยนไปทันที ในแววตายังเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนกหวาดกลัว
นั่นเพราะว่า…
สตรีในชุดแดงดั่งจะผุดโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า!นางไม่อาจจับทิศทางการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้เลยว่ามาจากไหนกันแน่…!!
เรื่องนี้หมายความว่าอะไรน่ะเหรอ?
หมายความว่าพลังฝีมือของสตรีชุดแดงเบื้องหน้าสูงกว่านางมากมายอย่างไรเล่า!!
“หนูน้อย เจ้าจะโลภมากเกินไปแล้ว”
สตรีชุดแดงนางนี้ก็คือ เมิ่งเยา ที่พึ่งเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์นั้นเอง
นางมองไปยังเด็กหญิงตัวน้อยชุดทองพลางกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจว่า “หนูน้อยตัวเจ้าได้รับสืบทอดมรดกในบ่อโลหิตสืบทอดของหุบจันทร์โลหิตเราแล้ว เจ้าก็ควรจะขึ้นไปยังระนาบเทวโลกและไปยังว่านโช่วเทียนทันที”
“ถึงแม้เจ้าจะอยากรั้งอยู่ในระนาบโลกียะต่อเป็นการชั่วคราว แต่เจ้าก็ไม่ควรเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้”
เมิ่งเยากล่าว
และพอได้ยินคำของเมิ่งเยาเด็กหญิงตัวน้อยหรือก็คือเสี่ยวจินก็ถึงกับอึ้งไปทันที
บ่อโลหิตสืบทอด?
“ทะ…ท่านรู้เรื่องบ่อโลหิตสืบทอดได้อย่างไร?”
พอเสี่ยวจินมองไปยังสตรีชุดแดงเบื้องหน้าอีกครั้ง ไม่เพียงความตื่นตระหนกหวาดกลัว ความสับสนงุนงงยังฉายชัดขึ้นในแววตา
เพราะนางไม่รู้จริงๆว่าไฉนอีกฝ่ายถึงได้รู้เรื่องบ่อโลหิตสืบทอด กระทั่งรู้ว่าตัวนางได้รับมรดกในนั้นมาแล้ว
“ก็บ่อโลหิตสืบทอดที่เจ้าเข้าใช้ มันถูกหลอมกลั่นโดยเจ้าหุบจันทร์โลหิตของข้าอย่างไรเล่า…แล้วเจ้าจะคิดว่าข้ายังไม่รู้ได้เหรอ?”
เมิ่งเยา
“เจ้าหุบจันทร์โลหิต?”
“บ่อโลหิตสืบทอด…ถูกหลอมกลั่นโดยเจ้าหุบที่ว่าหรือ?”
เสี่ยวจินกล่าวพึมพำกับตัวเล็กน้อย ค่อยหันไปมองถามเมิ่งเยาต่อว่า “ถ้างั้น…พี่สาว ท่านก็มาจากระนาบเทวโลกน่ะสิ?”
ถามจบสองตาเสี่ยวจินก็ส่องประกายขึ้นมาทันใด
ตอนนี้นางตระหนักได้แล้วว่าสตรีชุดแดงเบื้องหน้าไม่ได้มาร้ายและคิดทำอันตรายนาง
หาไม่แล้วจะเสียเวลากล่าวบอกเรื่องราวพวกนี้ทำอะไร?
ด้วยพลังฝีมือสูงล้ำของอีกฝ่าย คิดฆ่านางก็ง่ายดายราวกระพริบตา!
“ใช่แล้ว”
เมิ่งเยาพยักหน้าพลางกล่าวต่อว่า “ที่ข้าเข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะพาเจ้าออกไปจากแดนลับต่างสวรรค์โดยเฉพาะ…นี่เจ้าไม่รู้เลยหรือว่าการเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้มันเป็นอันตรายกับเจ้าถึงขนาดไหน?”
ขณะกล่าวถามออกมา น้ำเสียงของเมิ่งเยาก็จริงจังขึ้นไม่น้อย
“มันอันตรายมากหรือ?”
เสี่ยวจินสะดุ้งเล็กน้อย ค่อยส่ายหัวไปมาตอบว่า “ก็ขอแค่ข้าไม่ไปตอแยเซียนอมตะเสเพลที่ร้ายกาจกว่าข้า ไม่ใช่ว่าข้าก็จะไม่มีอันตรายหรือไร นอกจากนี้ข้าว่าด้วยพลังของข้า…กว่า 9 ส่วนในแดนลับต่างสวรรค์น่าจะอ่อนแอกว่าข้าด้วยซ้ำ แล้วไฉนอย่างข้าถึงจะอยู่ไม่ได้เล่า?”
ตอนนี้เสี่ยวจินเพียงคิดไปว่าคำ ‘อันตราย’ ที่เมิ่งเยากล่าว หมายถึงคนที่แข็งแกร่งกว่านาง
“หนูน้อยเอย…อันตรายที่ข้าพูดถึงน่ะ มันไม่ได้มาจากเซียนอมตะเสเพลที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าหรอกนะ”
เมิ่งเยาตอบ หลังจากนั้นก็เริ่มอิบายเรื่องราวทั้งกฏเกณฑ์ต่างๆให้เสี่ยวจินฟังอย่างอดทน
หลังจากนั้นไม่ทันไรนางก็กล่าวถึงเรื่อง ผู้ตรวจสอบ กระทั่งยังอธิบายให้เสี่ยวจินรู้ว่า
หากได้รับสืบทอดมรดกจากบ่อโลหิตสืบทอดแล้ว การเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์โดยแบบนี้จะถือว่าผิดกฏ! และจะทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างไร ถ้านางดันไปเจอเข้ากับผู้ตรวจสอบที่ว่า…
“เอ่อ พี่สาวท่านหมายความว่า…หากข้าเจอผู้ตรวจสอบใจร้าย ไม่เพียงแต่พลังฝึกปรือจะถูกทำลายร้ายเข้าหน่อยมันก็จะฆ่าข้าทิ้งเลยหรือ…”
ในที่สุดหน้าเสี่ยวจินก็เปลี่ยนเป็นสีซีด
“ถูก”
เมิงเยาพยักหน้าค่อยกล่าวต่อออกมาว่า “ดังนั้นพวกเราต้องรีบออกไปทันที…หากผู้ตรวจสอบเกิดมาเจอเจ้าเข้าล่ะก็ ไม่ใช่แค่เจ้าจะตายเท่านั้น ข้าที่ซวยถูกผู้ตรวจสอบเจอเข้าจังๆพร้อมเจ้าสุดท้ายก็ไม่พ้นต้องตายด้วยอีกคน!”
วาจาประโยคหลังขณะกล่าวเมิ่งเยายังเผยทีท่ารีบร้อนทั้งหวั่นใจไม่น้อย
“ขะ…ข้ายังมีเพื่อนอีก 2 คนอ่า พี่สาวท่านช่วยพวกมันด้วยนะ!”
สีหน้าของเสี่ยวจินตอนนี้เริ่มไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทว่านางยังไม่วายนึกถึงสหายทั้งสองอย่างเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วง…ตอนนี้เพื่อนทั้ง 2 ของเจ้าสมควรถูกช่วยออกจากแดนลับต่างสวรรค์ไปแล้ว”
“ข้าจะพาเจ้าไปเจอพวกมันเอง”
เสียงกล่าวของเมิ่งเยาดังไม่ทันจบคำดี นางก็พาตัวเสี่ยวจินเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูงล้ำไม่นานก็ผ่อนช่องทางเคลื่อนย้าย จนไปโผล่ในวิหารเหนือฟ้าบริเวณที่มีข่ายอาคมเคลื่อนย้ายทันที
“เสี่ยวจิน!”
เสี่ยวจินที่รู้สึกเสมือนรอบด้านกลายเป็นลำแสงตั้งแต่ต้นจนจบ พอภาพเรื่องราวกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ไม่ทันได้มองอะไรเสียงคุ้นเคยสองเสียงก็ดังเข้าหูนาง
“ฮ้า เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋”
เสี่ยวจินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นเด็กชายชุดำกับเด็กหญิงชุดขาวเบื้องหน้า
“ข้าจะพาคนจากไปก่อน…อีกหนึ่งเดือนให้หลังเจ้าสามารถไปรับรางวัลที่เผ่ามังกรได้เลย”
ตอนนี้เองเสี่ยวจินพลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
จากนั้นนางค่อยพบว่าภายในสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้มีแต่สตรีชุดแดงและเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ที่พึ่งถูกพาตัวออกมาจากแดนลับต่างสวรรค์เท่านั้น แต่ยังมีคนอีก 2 คนอยู่ด้วย
เป็นสตรีในชุดสีเขียวอ่อนนางหนึ่งที่กำลังกล่าวคำกับชายวัยกลางคน
“ขอบพระคุณขอรับอาวุโสจี้เซียง”
ชายวัยกลางคนเร่งกล่าวขอบคุณออกไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ
สำหรับมันแล้ว ของรางวัลจากเผ่ามังกรย่อมสร้างความปิติยินดีให้มันถึงขีดสุด!
ต้องทราบด้วยว่าตอนแรกมันเพียงติดต่อไปยังคนของหุบจันทร์โลหิตเท่านั้น ถึงภายหลังจะพบว่ามีอาวุโสจากเผ่ามังกรคิดจะพามังกรน้อยทั้งสองไปด้วย แต่มันก็ไม่คิดว่าจะได้รับรางวัลสองต่อแบบนี้!
“เมิ่งเยา ข้าไปก่อนนะ”
จากนั้นเสี่ยวจินก็พบว่า สตรีชุดสีเขียวอ่อนดังกล่าวเพียงหันมากล่าวทักสตรีชุดแดงเล็กน้อย จากนั้นก็หายตัวไปพร้อมกับเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ทันที
แต่ต้นจนจบนางยังไม่ทันได้คุยกับเสี่ยวเฮยเสี่ยวไป๋เลย…
“เสี่ยวเฮย! เสี่ยวไป๋!!”
ทันใดนั้นสีหน้าเสี่ยวจินก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะเดียวกันก็หันไปมองถามสตรีชุดแดงนามเมิ่งเยา ด้วยความร้อนใจ “พี่สาว…พี่สาวชุดเขียวคนนั้นพาเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ไปไหนหรือ?!”
“เจ้าไม่ต้องห่วงไป นี่ไม่ใช่เรื่องไม่ดีสำหรับสหายทั้ง 2 ของเจ้า…นางเพียงพาสหายของเจ้ากลับบ้านใหม่เท่านั้น”
เมิงเยากล่าวตอบ และไม่ทันทีเสี่ยวจินจะได้ตอบสนองอะไร นางก็ถูกอีกฝ่ายพาตัวไปเสียแล้ว
แต่ต้นจนจบเสี่ยวจินไม่อาจขัดขืนอะไรได้เลย
‘พลังของนาง…น่ากลัวเกินไป’
‘ต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่เจ๋งที่สุดในระนาบโลกียะก็เกรงว่าจะอ่อนด้อยกว่านางมาก’
เมิงเยาพาตัวเสี่ยวจินไปแบบนี้ แน่นอนว่าเสี่ยวจินต้องมีลองขัดขืนบ้างแต่สุดท้ายค่อยได้ตระหนักว่าพลังน้อยนิดของนางทำอะไรไม่ได้เลย จึงอดไม่ได้ที่จะลอบตื่นตระหนกในใจ
‘น่าเสียดาย…ข้าเลยอดเจอพี่ใหญ่หลิงเทียนกับบพี่สาวเค่อเอ๋อเลย’
พอคิดได้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกพาตัวออกมาจากแดนลับต่างสวรรค์เรียบร้อยแล้ว ในใจเสี่ยวจินก็เต็มไปด้วยความขมขื่น แววตายังเผยความคิดถึงไม่น้อย
‘ไม่รู้เมื่อไหร่ข้าจะได้เจอพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋ออีกครั้ง’
แต่หลังจากเศร้าไปได้สักพัก เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณฟ้าดินที่หนาแน่นในบรรยากาศอย่างน่าเหลือเชื่อ สองตาเสี่ยวจินก็กลมโตขึ้นมาทันที เพราะนางตระหนักได้ว่า…
นางมาถึงระนาบเทวโลกแล้ว!