บทที่ 1135+1136 จากไปแล้ว/นางยังไม่ไป

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1135+1136 จากไปแล้ว/นางยังไม่ไป

บทที่ 1135 จากไปแล้ว

“ท่านแม่ทัพถาน ท่านกับข้าก็เป็นพ่อคนเหมือนกัน ข้าว่าสิ่งที่ท่านคิดคงเหมือนกับข้าในตอนนี้ ไม่ว่าจะมีคนตายมากแค่ไหน ขอแค่ตัวเองยังสบายดีก็พอ”

จินติ่งเทียนหัวเราะออกมาดัง ๆ จากนั้นก็มองไปที่ใบหน้าของถานเย่สิงที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

ต่อมา ได้ยินว่าสมาชิกตระกูลจินทั้งหมดถูกขับไล่ออกจากเมืองในคืนนั้น

ไม่มีการนองเลือดในตระกูลจิน มีเพียงจินติ่งเทียนและจินโหย่วกุ้ยเท่านั้นที่เสียชีวิต

ตระกูลจินได้ทำสิ่งชั่วร้ายมากมายและการตายของสองคนนี้ถือได้ว่าเป็นการเติมเต็มความปรารถนาของผู้คน

จินซื่อข่ายถูกตัดแขนข้างหนึ่ง และถูกโยนออกจากบ้านตระกูลจิน

เขาเจ็บปวดจนหมดสติไป ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

……

ถานเย่สิงกลับไปที่ร้านจิ่นฝูเพื่อไปรับถานวอี้ซู

อาอวี้มาเคาะประตูห้องของถานอวี้ซู บอกว่าท่านปู่ของนางกำลังมารับกลับไปที่เมืองหลวง

และให้นางรีบออกไปทันทีราวกับว่ามีอะไรเร่งด่วน

เมื่อเห็นท่าทางกระสับกระส่ายของปู่ ถานอวี้ซูก็สงสัยว่ามีเรื่องอะไรเร่งด่วนหรือไม่ นางยังไม่ทันได้บอกลากู้หนิงผิง ถานเย่สิงก็ลากนางออกไปเสียก่อน

กู้เสี่ยวหวานบังเอิญอยู่ในห้องโถง หลังจากบอกลาลูกหลานของตระกูลถานแล้ว ถานอวี้ซูก็แอบส่งบางอย่างให้กู้เสี่ยวหวานและกระซิบว่า “พี่เสี่ยวหวานถ้าท่านมาที่เมืองหลวง โปรดใช้สิ่งนี้เพื่อตามหาข้า”

จากนั้นก็แอบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและมอบให้กู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าน่ารักขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยและพูดอย่างเขินอายว่า “นี่สำหรับพี่หนิงผิง ข้าเรียนเย็บปักถักร้อยกับเสี่ยวอี้”

ทันทีที่สิ้นเสียง รถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่ออกไป

จากนั้นก็ได้ยินถานวอี้ซูโบกมือให้กู้เสี่ยวหวานและตะโกนเสียงดัง “พี่เสี่ยวหวาน ท่านต้องมาหาข้านะ! มาหาข้าพร้อมกับพี่หนิงผิง!”

เสียงนั้นเบาลงเรื่อย ๆ และหายไปในที่สุด

รถม้าวิ่งไปด้วยความเร็วสูง หายไปจนลับสายตา

เมื่อได้ยินเสียงร้องอันเศร้าสร้อยของถานอวี้ซูจากชั้นบน กู้หนิงผิงก็รีบวิ่งลงมาเพื่อไม่พบผู้ใดหน้าประตู และดูเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

ถานอวี้ซูจากไปแล้ว…

ไปกับท่านปู่ของนาง…

นางเพิ่งจะออกไป…

ไม่มีเวลาแม้แต่จะร่ำลากับนาง นางก็จากไปเสียแล้ว

กู้หนิงผิงมองไปที่จุดสิ้นสุดของถนน ทันใดนั้นเขาก็ก้าวขาและวิ่งตามไปในทิศทางที่ถานอวี้ซูจากไปอย่างสิ้นหวัง

ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะมีเวลาหยุดเขา กู้หนิงผิงก็หายลับไปจากสายตา

“พี่ฉือโถวรีบตามเขาไป เขาตามอวี้ซูไปแล้ว” กู้เสี่ยวหวานรีบตะโกน

ฉือโถววิ่งตามออกไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่ากู้หนิงผิงจะอารมณ์ร้อน แต่เขาก็ยังเป็นเด็กที่ใจดี และคงไม่ตัดสินใจทำสิ่งใดโง่ ๆ

ยิ่งกว่านั้น พี่ฉือโถวไล่ตามเขาไปจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร

อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานกังวลว่า หากถานอวี้ซูจากไปโดยไม่บอกลา มันจะส่งผลกระทบต่อกู้หนิงผิง

นางขึ้นหลังม้าและควบม้าตามกู้หนิงผิงไปอย่างรวดเร็ว

บทที่ 1136 นางยังไม่ไป

ตอนที่เจอกู้หนิงผิง เขายืนหมดแรงอยู่บริเวณชานเมือง หากแต่ก็ยังไม่ตัดใจและก้าวขาวิ่งตามต่อไป

ฉือโถวที่วิ่งตามมาข้างหลังก็รู้สึกเหนื่อยเช่นกัน

กู้เสี่ยวหวานรีบลงจากหลังม้าแล้วพยายามดึงกู้หนิงผิงไว้ “หนิงผิง”

ตอนนี้ร่างกายของเขาเหมือนวิญญาณเร่ร่อนพเนจร และเอาแต่วิ่งไปข้างหน้าไม่หยุด

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานลงจากหลังม้า ฉือโถวก็วิ่งไปสองสามก้าวแล้วไล่ตามกู้หนิงผิง เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของกู้หนิงผิง เขาจึงพูดกับกู้เสี่ยวหวานว่า “เสี่ยวหวาน ข้าบอกเขาแล้ว แต่เขาไม่ฟัง เขายังต้องการไล่ตามไป”

ฉือโถวหอบหายใจ ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับว่าเพิ่งอาบน้ำมาใหม่

กู้หนิงผิงก็เช่นเดียวกัน ผมของเขาเปียกชื้นปกหน้าผาก เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมลงมาตามแก้มของเขา

กู้หนิงผิงต่อสู้กับแรงดึงของกู้เสี่ยวหวานราวกับว่าเสียสติ และเอาแต่พึมพำกับตัวเอง “อวี้ซู อวี้ซู ข้าต้องการพบอวี้ซู”

ถานอวี้ซูจากไปพร้อมกับถานเย่สิง

“หนิงผิง อวี้ซูและท่านปู่ของนางกลับไปบ้านแล้ว” เมื่อเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของกู้หนิงผิง กู้เสี่ยวหวานรีบปลอบโยนเขาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ครั้งหน้าถ้าเราไปเมืองหลวง เราจะไปพบอวี้ซูด้วยกัน ตกลงไหม”

ใครจะไปคาดคิดว่ากู้หนิงผิงจะแทบเสียสติ เมื่อเขาได้ยินว่าไปที่เมืองหลวงเพื่อตามหาถานอวี้ซู

“ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่ต้องการไปเมืองหลวง อวี้ซูเป็นจวิ้นจู่ ข้าเป็นเพียงคนจน ข้าไม่อยากไป ข้าไม่อยากไป” กู้หนิงผิงคำรามอย่างโศกเศร้า

ท่ามกลางเสียงคำรามของกู้หนิงผิงเต็มไปความโศกเศร้าและความลำบากใจ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สถานะของตนเองดี

ชายผู้ถ่อมตัวที่ทำได้แค่เพียงเงยหน้ามองหญิงที่เขารัก

กู้หนิงผิงกำลังคลั่งไคล้

เมื่อเขารู้ว่าถานอวี้ซูเป็นจวิ้นจู่ และเป็นหลานสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ เขาก็แทบคลั่ง

“ตกลง ตกลง เราจะไม่ไป เราจะไม่ไป” คิดไม่ถึงเลยว่ากู้หนิงผิงจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก

ไม่แปลกใจเลย…

กู้หนิงผิงชมชอบคนคนหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าสถานะของคนผู้นี้จะสูงส่งมากเสียจนเขาไม่อาจเอื้อมถึง

กู้เสี่ยวหวานปลอบโยนกู้หนิงผิงด้วยคำพูดที่นุ่มนวล และภายใต้น้ำเสียงที่สงบของนาง กู้หนิงผิงก็ค่อย ๆ สงบลง

ขณะนี้เขากำลังยืนพิงต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงอย่างอ่อนแรง ท่าทางหมดอาลัยตายยาก ดูน่าสงสารยิ่งนัก

“ท่านพี่ อวี้ซูจากไปแล้วจริง ๆ หรือ ทำไมข้าไม่เห็นรถม้าของนางเลย ทั้งที่ข้าวิ่งเร็วมาก”

กู้หนิงผิงพึมพำกับตัวเอง

ดูเหมือนว่าจะถามกู้เสี่ยวหวาน แต่ก็ดูเหมือนจะตอบตัวเองด้วย

ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของรถม้า บางทีนางอาจจะยังไม่ได้จากไป

“ท่านพี่ ท่านกับอวี้ซูกำลังร่วมมือกันโกหกข้าใช่ไหม ท่านบอกกับอวี้ซูนะว่าข้าไม่โกรธนาง ข้าไม่โทษนางเลย ให้นางออกมาเถอะ ให้นางออกมาเถอะนะ” กู้หนิงผิงดึงกู้เสี่ยวหวาน ฝ่ามือของเขาสั่นสะท้าน

เสียงของกู้หนิงผิงเศร้าสร้อย ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น และเอาแต่ดึงกู้เสี่ยวหวานไม่หยุด

ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“หนิงผิง คุณหนูถานนางไปแล้ว นางไปแล้ว” ฉือโถวเป็นคนที่สนิทสนมกับกู้หนิงผิงมากที่สุด เมื่อเห็นว่ากู้หนิงผิงเป็นบ้าไปแล้วและยอมรับความจริงไม่ได้ ฉือโถวจึงรีบกอดกู้หนิงผิง “หนิงผิง คุณหนูถานและท่านปู่ของนางกลับเมืองหลวงไปแล้ว”

ฉือโถวพยายามดึงสติอีกฝ่าย แต่กู้หนิงผิงยังคงพูดด้วยความไม่เชื่อ “ไม่ ๆ ทำไมนางไม่แม้แต่จะบอกลาข้า ทำไมนางถึงจากไป ข้าต้องการไปหานาง นางต้องคิดว่าข้าโกรธนาง นางเสียใจใช่ไหมท่านพี่”

กู้หนิงผิงพยายามที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของฉือโถว และต้องการค้นหาถานอวี้ซู แต่ฉือโถวจะปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร

กู้หนิงผิงอยู่ในสภาพคลุ้มคลั่งในเช่นนี้ แต่เพราะเขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก ความแข็งแกร่งของเขาจึงแข็งแกร่งกว่าฉือโถวอย่างเห็นได้ชัด เขาบิดร่างกายอย่างแรง และบนแขนของเขามีเลือดสีแดงไหลซึมผ่านเสื้อผ้าออกมา

เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรง บาดแผลจึงเริ่มปริออก

แผลที่เคยตกสะเก็ดก็แตกออกอีกครั้ง

กู้เสี่ยวหวานมองเสื้อผ้าของกู้หนิงผิงที่โชกไปด้วยเลือดในพริบตา นางรีบไปข้างหน้าและตบที่แก้มของกู้หนิงผิง

“หนิงผิง!”

กู้เสี่ยวหวานส่งเสียงเรียก น้ำเสียงคมชัดและดังก้องทำให้กู้หนิงผิงได้สติในทันที

“ท่านพี่” เขามองไปที่ท่าทางเศร้าของกู้เสี่ยวหวาน กู้หนิงผิงกลับมามีสติอีกครั้งเมื่อมองเห็นท่าทางของพี่สาว ตอนนี้เขาสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมด แข้งขาอ่อนแรงทรุดลงกับพื้น กู้หนิงผิงยกมือปิดหน้าของเขาและเริ่มร้องไห้ออกมา

“ท่านพี่…” กู้หนิงผิงร้องไห้พลางนั่งกุมศีรษะของตัวเอง

เมื่อเห็นสภาพของน้องชาย กู้เสี่ยวหวานรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังบีบหัวใจของตอนเอง

นางก้มศีรษะลงช้า ๆ กอดกู้หนิงผิงในอ้อมแขนของนางและปลอบโยนเบา ๆ “หนิงผิง… เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ในอนาคตเราจะได้เจอกับอวี้ซูแน่นอน เจ้าดูสิ นางให้สิ่งนี้แก่ข้าไว้ เราไปเมืองหลวงกันเถอะ ใช้สิ่งนี้เพื่อตามหานาง นางไม่มีเวลาที่จะบอกลาเจ้า ดังนั้นนางจึงฝากข้านำมาให้เจ้า”

กู้เสี่ยวหวานหยิบสองสิ่งที่ถานอวี้ซูมอบให้นางวางไว้ในฝ่ามือของกู้หนิงผิง

ชิ้นหนึ่งเป็นจี้หยกที่มีคำว่าถานสลักอยู่ และอีกชิ้นเป็นผ้าเช็ดหน้าที่มีตัวอักษรสองตัวปักอยู่

เป็นคำว่า หนิง และคำว่า อวี้ อักษรทั้งสองตัวอยู่เคียงข้างกันเหมือนคนสองคน

อยู่เคียงข้างกัน

“ท่านพี่” กู้หนิงผิงมองไปที่ผ้าเช็ดหน้า

“คิดว่านางปักผ้าเช็ดหน้าได้น่าเกลียดหรือ? ถานอวี้ซูเรียนรู้การเย็บปักมาจากเสี่ยวอี้และนางเป็นคนปักมันด้วยตัวเอง”

———————————————–