บทที่ 1142 ไปพักที่บ้านข้าสิ
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมีแผนการอื่นอยู่ในใจ แต่เป็นแผนการที่ล้วนเกี่ยวข้องกับคนคนนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องการปรับความเข้าใจกับกู้เสี่ยวหวานให้โดยเร็วที่สุด
สถานะของกู้เสี่ยวหวานในเวลานี้คือการเป็นเสี้ยนจู่ ฉะนั้นแล้วจะทำให้นางไม่พอใจไม่ได้ เพราะการที่นางจะกลับมาที่หมู่บ้านอู๋ซีนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย นอกจากนั้นยังต้องรีบคว้าโอกาสนี้เพื่อพูดคุยกับนางอีก
เมื่อภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเห็นสามีของตนป่าวประกาศออกมา กู้เสี่ยวหวานก็หยุดพูดและขมวดคิ้วราวกับมองบ้านเก่าของตระกูลกู้อย่างไม่พอใจ
ภายใต้คำพูดบอกใบ้ของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็เข้ามาโอบอย่างเร็ว เพื่อต้องการที่จะโน้มน้าวให้กู้เสี่ยวหวานไปพักที่บ้านของตัวเอง
ครั้นมองเห็นสีหน้านิ่งเฉยของกู้เสี่ยวหวาน ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็เกิดอารมณ์เสียอยู่ในใจเล็กน้อย หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้เป็นเสี้ยนจู่ นางก็วางอำนาจเสียจนผู้คนหวาดกลัวจริง ๆ
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเองก็หวั่นใจอยู่บ้าง จึงโก่งตัวและโค้งคำนับไปสักเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงหันไปมองนาง แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ได้เรื่องได้ราว เขาจึงกลอกตาใส่อย่างเบื่อหน่าย
กู้เสี่ยวหวานยังคงมองหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงหมู่บ้านโดยไม่แสดงออกอะไร ได้แต่ขมวดคิ้วกับการประจบสอพลอบนใบหน้าของชายผู้นี้
พอเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเงียบไป หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจึงหันไปมองกู้หนิงอัน
กู้หนิงอันผู้นี้สอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉ และหลังจากนี้เกรงว่าเขาจะได้เป็นขุนนาง
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมองกู้หนิงอันที่ท่าทางมีความรู้ เขาก็รู้สึกว่ากู้หนิงอันผู้นี้เก่งมากกว่ากู้จือเหวินของกู้ฉวนลู่
ใบหน้ากู้ของจือเหวินดูโอ้อวดราวกับกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าเขาก็เป็นซิ่วไฉ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาจะภูมิใจแค่ไหน
แต่เขาไม่ได้อยู่ในสายตาของหัวหน้าหมู่บ้านเลย เมื่อมองไปที่กู้หนิงอันตอนนี้ ดูแล้วเขาเป็นคนสุภาพและมีมารยาทโดยไร้ซึ่งท่าทางผู้ดีของขุนนางหรือความโอหังในการเป็นซิ่วไฉ
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเห็นว่ากู้หนิงอันเหนือกว่ากู้จือเหวินหลายร้อยเท่า ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดแผนอยู่ในใจเพื่อที่จะไปประจบประแจงกู้หนิงอันแทน
เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่อาจเข้าใกล้กู้เสียวหวานได้ ทำได้เพียงถอยกลับและมุ่งไปที่กู้หนิงอันอีกครั้ง
“หนิงอัน ข้าต้องแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยนะ เจ้าสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉในครานี้มันช่างเป็นเกียรติให้กับหมู่บ้านของเรายิ่งนัก”
กู้หนิงอันเห็นหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงหัวหน้าเดินมาหาตนด้วยใบหน้าที่ประจบประแจง คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นไม่ต่างกับกู้เสี่ยวหวาน
ครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเป็นคนอย่างไร สำหรับกู้หนิงอันไม่มีอะไรคุ้นเคยไปกว่านี้แล้ว
ก็แค่คนที่กลัวว่าคนอื่นจะได้ผลประโยชน์ครึ่งหนึ่งไป ก็เลยต้องแย่งผลประโยชน์อีกครึ่งจากคนอื่น ยิ่งกว่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่สาวของเขาคราวที่แล้วก็เป็นฝีมือของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงอีกเช่นเคย
พี่สาวของเขาเกือบถูกไฟคลอกตาย ซึ่งทั้งหมดเป็นความคิดของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงคนนี้ ทั้งหมอดูที่ทำนายว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นดาวหายนะของหมู่บ้านนั้นก็ล้วนเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงที่เชิญมาที่นี่ทั้งสิ้น
ก็ไม่รู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงให้ค่าตอบแทนหมอดูมากน้อยเพียงใด
บัดนี้ตระกูลกู้เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจะไม่ประจบประแจงได้อย่างไร
ยิ่งกว่านั้น การที่พวกเขามาที่หมู่บ้านอู๋ซี หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านก็คงอยากที่จะมาเอาอกเอาใจตระกูลกู้อยู่แล้ว
กู้หนิงอันไม่ได้รู้สึกดีกับคนคนนี้เลยสักนิด เมื่อเห็นว่าเขายิ้มให้ตัวเอง ความเอือมระอาก็ปรากฏขึ้นที่หางตาทันที
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเป็นคนหัวดี จึงมองเห็นความรังเกียจที่อยู่ในดวงตาของกู้หนิงอัน เขาก็รู้สึกขุ่นเคืองใจเล็กน้อย แต่ไม่กล้าพอที่จะเผยออกมา จึงทำเป็นยิ้มและแสร้งมองไม่เห็น
ฉือโถวและกู้หนิงอันพยุงลุงจางลงมานั่งบนเก้าอี้ที่มีล้อ เก้าอี้นี้เหมือนกับรถลาก ไม่คิดเลยมันว่าจะสามารถเคลื่อนไปได้
กู้เสี่ยวหวานเป็นผู้สั่งให้ช่างไม้ทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อลุงจาง ซึ่งนี่ก็จะทำให้ลุงจางเคลื่อนไหวสะดวกขึ้นด้วย
ในเวลานั้น ลุงจางพึงพอใจกับเก้าอี้ตัวนี้มาก เพราะทำให้ตัวเองสามารถเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ได้เพียงแค่เลื่อนล้อ ทั้งยังไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมายอีก เขาจึงมีความสุขมาก
นอกจากนี้ กู้เสี่ยวหวานยังสร้างทางลาดเรียบ ๆ ในพื้นที่ที่มีบันไดในสวน เพื่อจะได้ง่ายต่อการเคลื่อนที่ของรถเข็น
เมื่อเห็นว่าลุงจางนั่งอยู่บนรถเข็นและสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างอิสระโดยการหมุนล้อ ทุกคนต่างก็อยากรู้อย่างเห็น และพากันถกเถียงถึงเก้าอี้ที่ลุงจางนั่ง
ทว่าความสนใจของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงไม่ได้อยู่ที่รถเข็นนั่น แต่อยู่ที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ
ตอนนี้สมาชิกทั้งสี่คนของครอบครัวกู้เสี่ยวหวาน สมาชิกทั้งสามคนของครอบครัวลุงจาง อีกทั้งกู้ฟ่างสี่ ฉินเย่จือและชายหนุ่มด้านหลังที่ไม่คุ้นหน้าสักเท่าไรนัก ทุกคนต่างก็มาที่หมู่บ้านอู๋ซี
นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ตีสนิทกับกู้เสี่ยวหวาน
โอกาสเช่นนี้มาประเคนให้ถึงที่
แล้วหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจะปล่อยมันไปได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงกล่าวทักทายลุงจางอย่างอบอุ่นอีกครั้ง “พี่น้องตระกูลจาง พวกเจ้ากลับมาแล้ว”
ลุงจางไม่ใช่คนอารมณ์ดี เขากลอกตาแล้วพูดประชด “เหตุใดเล่า หัวหน้าหมู่บ้านหลียง หมู่บ้านอู๋ซีแห่งนี้พวกข้าจะกลับมาไม่ได้หรือ”
“ไม่ใช่ ๆ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น” พอเห็นลุงจางไม่สบอารมณ์ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจึงรีบโบกมือและกล่าวปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าแค่จะบอกว่าพวกเจ้าไม่ได้มาที่หมู่บ้านอู๋ซีนานแล้ว เป็นแขกที่นาน ๆ จะมาครั้งหนึ่งน่ะ”
“ดูหมือนว่าหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจะลืมว่า เหตุใดพวกข้าถึงได้ออกจากหมู่บ้านอู๋ซี” ป้าจางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กู้เสี่ยวหวานเดินมาอยู่ที่ด้านหลังรถเข็นของลุงจาง นางเข็นรถแล้วพูดน้ำเสียงไม่พอใจ “ในตอนนั้น หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงได้เผาบ้านของเสี่ยวหวาน ขับไล่นางและคนอื่น ๆ ออกจากหมู่บ้านอู๋ซี ใช่พวกข้าหรือไม่ ใช่คนที่เจ้าขับไล่หรือไม่”
“ทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เข้าใจผิดทั้งหมด” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงรีบอธิบายทันที “นี่ไม่ใช่ว่าเข้าใจผิดมาก่อนหน้าแล้วหรือ”
“เข้าใจผิด” เมื่อป้าจางได้ยิน นางเลิกคิ้วและชำเลืองมองไปที่ชาวบ้านรอบๆ ที่รู้จักมักคุ้นในอดีตอย่างไม่ได้เกรงใจแม้แต่น้อย ก่อนจะพูดเสียงดัง “เสี่ยวหวานนำพาให้พวกเจ้าร่ำรวย แต่พวกเจ้ากลับตอบแทนน้ำใจด้วยการคิดว่านางเป็นดาวหายนะและเกือบจะเผานางให้ตาย นี่เป็นความเข้าใจผิดต่อตระกูลที่พวกข้ารู้จักดี เจ้าเองก็คิดว่าพวกข้าแปดเปื้อนความอัปมงคล การที่เจ้าไล่พวกข้าออกจากอู๋ซีมันจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร”
เมื่อเห็นว่าป้าจางยกเรื่องราวในครานั้นขึ้นมาพูดใหม่อีกครั้ง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แต่ผู้คนรอบตัวนางก็โกรธเช่นกัน