ตอนที่ 2462 ใครขวางข้าตาย!

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตอนที่ 2,462 : ใครขวางข้าตาย!

“ท่านกล่าวแบบนี้หมายความว่า…หากอิงจากเวลาเปิดออกของแดนลับต่างสวรรค์ครั้งล่าสุด ป่านนี้มรดกต้าหลัวจินเซียนสมควรถูกคนค้นพบแล้วงั้นสิ?”

“กระทั่ง…มีความเป็นไปได้ว่ามรดกต้าหลัวจินเซียนจะมีคนได้รับสืบทอดไปแล้ว!?”

ได้ยินคำของจางยี่ สองคิ้วต้วนหลิงเทียนขดย่นเป็นปมทันที ขณะเดียวกันทั่วร่างก็ปรากฏมวลพลังขุมหนึ่งปะทุออก ยังไม่รอช้าใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกินดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบทันที

“แต่เรื่องก็มิแน่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป…”

จางยี่ที่สัมผัสได้ถึงพลังที่ปะทุขึ้นมาทั่วร่างของต้วนหลิงเทียน ก็เร่งกล่าวปลอบออกมา “เพราะในบันทึกที่ส่งต่อกันมา ไม่ใช่ว่าแดนลับต่างสวรรค์จะมีสภาพการณ์เป็นเหมือนครั้งที่แล้ว บางครั้งก็กินเวลานานหลายปีนักกว่าจะมีผู้คนค้นพบมรดกสถานต้าหลัวจินเซียน”

“รีบไปหน่อยดีกว่า”

อย่างไรก็ตามคำปลอบของจางยี่ไม่ได้ทำให้ต้วนหลิงเทียนวางใจแม้แต่น้อย ยังเริ่มหอบหิ้วจางยี่ หานเฉวี่ยไนเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดทันทีหลังปฐมเวทย์กลืนกินสำแดงอำนาจ แน่นอนว่ารอบนี้เขาหอบหิ้วเฉินอี้หรูไปด้วยอีกคน

หากเขาพุ่งไปด้วยความเร็วแบบนี้ เฉินอี้หรูไม่มีทางตามทันแน่นอน

ครู่ต่อมาหลังจากตะลุยฝ่าสมบัติสถานระดับมนุษย์อีก 2 แห่งด้วยความเร็วสูงสุด ต้วนหลิงเทียนและพวกก็ได้รับเบาะแสอันนำมาสู่มรดกสถานต้าหลัวจินเซียน

เป็นสถานที่อันปกคลุมไปด้วยม่านหมอก

“ที่นี่…คือมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียน”

ไม่ทันที่จะได้เข้าใกล้ ต้วนหลิงเทียนก็พบกลุ่มเซียนอมตะเสเพลมากมาย เหินลอยกันอยู่หนาตา

อีกทั้งจากวาจาที่พวกมันสนทนากันก็ทำให้เขาสะท้านใจไม่น้อย เพราะสถานที่แห่งนี้สมควรเป็นมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนจริงๆ!

“มีคนเข้าไปเยอะแล้วงั้นเหรอ?”

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบข้อมูลจากปากเซียนอมตะเสเพลเหล่านี้

กลับมีรุ่นเยาว์มากมายที่ได้เข้าไปในมรดกสถานแล้ว!

นั่นกล่าวได้อีกอย่างว่า ตอนนี้มรดกของต้าหลัวจินเซียนอาจตกอยู่ในมือของผู้อื่นได้ตลอดเวลา!!

“ดีที่มันยังไม่สายเกินไป!”

สูดลมหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ก้าวไปข้างหน้าโดยนำพาจางยี่กับหานเฉวี่ยไน่เข้าไปใกล้มรกดกสถานต้าหลัวจินเซียน พริบตาการปรากฏตัวของเขาก็ดึงดูดความสนใจของเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่เฝ้ารออยู่ไม่น้อย

จะอย่างไรกลุ่มเขาก็พึ่งมาถึง

ทว่าปกติแล้วทุกคนสมควรมาถึงแต่แรก

ผู้ที่ไม่ได้มาถึงแต่แรก สมควรยังไม่รู้ว่ามรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนตั้งอยู่ที่นี่

“ต้วนหลิงเทียน! นั่นคือต้วนหลิงเทียน!!”

และทันทีที่พวกต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้น เซียนอมตะเสเพลหลายคนที่เคยพบเจอพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“ต้วนหลิงเทียน?”

“เจ้าหนูนั่นคือต้วนหลิงเทียนงั้นเหรอ?!”

“เจ้าหนูหน้าอ่อนนี่น่ะหรือต้วนหลิงเทียนที่เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ไป 2 คน? กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ในมือก็ยังตกตาย?!”

“มัน…มันยังไม่ได้เข้าไปด้านในหรอกเหรอ!?”

เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายพอได้ยินเสียงอุทานทักของเซียนอมตะเสเพลไม่กี่คน ต่างก็หันมามองทางกลุ่มต้วนหลิงเทียนและเริ่มสนทนากันด้วยความสนใจทันที

ในวาจาของพวกมันคล้ายประหลาดใจมากที่พบว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งจะมาถึง

และในบรรดาเซียนอมตะเสเพลที่มองไปยังต้วนหลิงเทียน ก็มีหลายคนที่เผยความหวั่นหวาดขลาดกลัวออกมาในสายตาอย่างเห็นได้ชัด

เพราะสุดท้ายในข่าวก็ลือกันว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้สามารถเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์สองคนอย่างง่ายดาย

ที่สำคัญ 1 ในเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่ตกตาย ก็ยังมียอดสมบัติสวรรค์ในมือ ซึ่งหมายความว่าพลังรบของคนๆนั้นย่อมเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่ไร้ศาสตรา!

ถึงแม้ก่อนหน้าพวกมันจะคิดว่าเรื่องนี้สมควรเป็นเรื่องเหลวไหล แต่พอได้รับคำยืนยันจากปากเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่เห็นเหตุการณ์หลายคน พวกมันก็ไม่กล้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเหลวไหลอีกต่อไป

“นั่นน่ะเหรอต้วนหลิงเทียน…เห็นว่ามันกับคนรอบกายคล้ายมียอดสมบัติสวรรค์ไม่น้อยเลยทีเดียว”

นอกจากนั้นยังมีกลุ่มเซียนอมตะเสเพลบางกลุ่มที่มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความโลภ

พวกมันคิดเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนกับพวกเพื่อแย่งชิงยอดสมบัติสวรรค์!

และเหล่าเซียนอมตะเสเพลเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นยอดฝีมือทั้งสิ้น

ในบรรดาพวกมันไม่ขาดยอดฝีมือขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ และยอดฝีมือขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์

“ซานเตา เจ้ารอพวกเราอยู่แถวนี้เถอะ”

เนื้องจากเซียนอมตะเสเพลไม่อาจเข้าไปในมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนได้ ต้วนหลิงเทียนจึงหันไปกล่าวบอกเฉินอี้หรู ก่อนจะเข้าสู่มรดกสถานต้าหลัวจินเซียน

“ขอนายท่านกับสหายโปรดระวังตัวด้วย”

เฉินอี้หรูพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะกล่าวลาพวกต้วนหลิงเทียน

“อืม”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ หลังจากนั้นเขาก็เหินร่างนำออกไปโดยมีหานเฉวี่ยไน่กับจางยี่เหินตามมาติดๆ พร้อมเข้าสู่มรดกสถานต้าหลัวจินเซียนเบื้องหน้า

ทว่าทันใดนั้นเอง

ฟุ่บ!

พร้อมเสียงของสายลมดังขึ้น ปรากฏร่างหนึ่งวูบมาดั่งภูตผีหยุดขวางทางพวกต้วนหลิงเทียนเอาไว้

“หืม?”

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนที่คิดเข้าสู่มรดกสถานต้าหลัวจินเซียนพร้อมพวกจางยี่ ก็อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าถมึงทึง ใบหน้ายังเริ่มมืดลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมร้อนใจอยากเข้าสู่มรดกต้าหลัวจินเซียนให้เร็วที่สุด!

เพราะสุดท้ายก็มีคนเข้าไปกันแล้วมากมาย…

มรดกต้าหลัวจินเซียนอาจตกเป็นของคนอื่นได้ทุกเมื่อ!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การที่มีใครบางคนมาขวางทางเขา ย่อมไม่ต่างอะไรจากขัดขวางไม่ให้เขาได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียน!!

“ไสหัวไป!!”

เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่คิดสุภาพกับผู้ขวางทาง ยังตะคอกเสียงขับไล่อีกฝ่ายให้หลีกไปตรงๆ

ผู้ที่มาขวางทางต้วนหลิงเทียนเอาไว้มาในรูปลักษณ์ชายวัยกลางคน หน้าตาแลดูธรรมดาๆ หากทว่ายามมันลอยตระหง่านขวางทางเอาไว้ ก็เผยให้เห็นถึงอำนาจบารมีประการหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นชนชั้นเจ้าคนนายคนมานาน ถึงเพาะสร้างบารมีและสง่าราศีได้ขนาดนี้

และแทบจะทันทีที่เสียงตะคอกต้วนหลิงเทียนดังจบคำ สีหน้ามันก็มืดดำคล้ำลงทันใด

“เจ้า…ตะคอกไล่ข้าให้ไสหัวไป?”

ชายวัยกลางคนมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น ราวกับกำลังมองศัตรูโง่งม

“หากเจ้ายังไม่อยากตาย…ก็รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!”

เมื่อเห็นว่าชายวัยกลางคนคล้ายได้ยินไม่ชัด ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายเจียนทนไม่ไหวเต็มที สองตายังฉายประกายเยียบเย็นปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน

เรียกว่าตอนนี้ความอดทนของต้วนหลิงเทียนใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มทีแล้ว

“นั่นมัน อู่เซี่ยว อดีตประมุขพรรคเมฆาสีชาดในระนาบโหมหลัวของข้านี่นา!!”

ตอนนี้เองในบรรดาเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่ชมดูเรื่องราวอยู่ ก็มีคนหนึ่งโพล่งออกมา กล่าวเปิดเผยฐานะของผู้ที่ไปหยุดขวางต้วนหลิงเทียนเอาไว้เพียงลำพังดั่งขุนเขายืนหยัดต้านลมฝน

“อู่เซี่ยว? ยอดฝีมือขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อันดับ 1 ของระนาบโหมหลัวเราผู้นั้นน่ะรึ!?”

ไม่นานก็มีเซียนอมตะเสเพลอีกคนที่มาจากระนาบโหมหลัวอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

“เป็นมันไม่ผิดคนแน่! ข้าเคยเห็นมันครั้งหนึ่ง…แต่ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะมาถึงที่นี่แต่แรกแล้ว เพราะก่อนที่มันจะออกมาขวางทางต้วนหลิงเทียนข้าไม่เห็นมันเลย!”

เซียนอมตะเสเพลจากระนาบโหมหลัวที่โพล่งอุทานคนแรก กล่าวออก

“นั่นคือยอดฝีมืออันดับ 1 ในบรรดาเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ของระนาบโหมหลัวหรือ…”

“ระนาบโหมหลัวจะอย่างไรก็เป็นมหาระนาบโลกียะ…ไม่ง่ายเลยที่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในบรรดาเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์! หมายความว่ามันเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆของมหาระนาบโลกียะ!!”

“จากข่าวลือก่อนหน้า…ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงมีวรยุทธ์ผีสางที่สามารถฉกชิงยอดสมบัติสวรรค์ของผู้อื่นได้ กระทั่งกระบวนท่าสังหารยังทรงพลังทัดเทียมการลงมือของเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ ไม่ทราบว่าจะทำอะไรอู่เซี่ยวผู้นี้ได้หรือไม่…”

“ไม่น่าจะไหวหรอก…หากอู่เซี่ยวนั่นเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในบรรดาเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์จริง มันก็หาได้ง่ายดายไม่!”

ตอนนี้เหล่าผู้คนอีก 3 ระนาบที่เหลืออดไม่ได้ที่จะซุบซิบสนทนากัน

หลายคนเชื่อว่าหากอู่เซี่ยวมีพลังฝีมือสามารถครองนามอันดับ 1 ได้จริง เช่นนั้นย่อมไม่ใช่อะไรที่เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั่วไปจะรับมือได้!

“ให้ตายเถอะ ก่อนหน้าเจ้านั่นมันลอยร่างไม่ห่างจากข้าสักเท่าไหร่ แต่เห็นเงียบๆไม่ทำอะไร ใครจะไปรู้ว่าที่แท้มันจะมีความเป็นมาไม่ธรรมดาแบบนี้!”

เซียนอมตะเสเพลคนหนึ่งกล่าวออก

“คิดฆ่าข้า อู่เซี่ยว ให้ตาย? ”

ได้ยินวาจาเยียบเย็นเปี่ยมเจตนาฆ่าฟันของต้วนหลิงเทียน อู่เซี่ยว อดไม่ได้ที่จะแค่นยิ้มแสยะกล่าวเย้ยเยาะออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลน “เช่นนั้นให้ข้าดูว่าเจ้าจะเอาปัญญาฆ่าข้ามาจากไหน!”

“หรือเจ้าคิดจริงๆว่าอาศัยการเข่นฆ่าเซียนอมะเสเพล 7 ทัณฑ์สวะเพียงคนสองคนจะทำให้เจ้าไร้เทียมทานในใต้หล้า?”

“วันนี้ข้าจักให้เจ้าได้รับทราบ…ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน!!”

หลังกล่าวจบคำพลังทั่วร่างอู่เซี่ยวก็ปะทุออกมาดั่งเพลิงไฟ มวลพลังลุกโชนขึ้นมาราวจะแผดเผาแผ่นฟ้า

กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงกวาดกำจายไปทั่วสารทิศ เปล่งพลังกดดันบีบคั้นไปในบรรยากาศ สะกดทุกสรรพชีวิตโดยรอบที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าจนหน้าซีด!

เหล่าเซียนอมตะเสเพลที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยเร่งรุดถอยร่างให้ห่างออกไปเป็นพัลวัน ด้วยเพราะจะกลัวถูกลูกหลงจากตัวตนอันน่ากลัวเข่นนี้เข่นฆ่าเอาโดยไม่รู้ตัว!

“สมแล้วที่เป็นอันดับ 1 ในบรรดาเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์แห่งระนาบโหมหลัว แรงกดดันพลังของมันจะร้ายกาจไปไหน!!”

“มิใช่ข้าไม่เคยเห็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ลงมือ…ทว่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่มีแรงกดดันพลังน่ากลัวขนาดนี้ข้าพึ่งเคยพบเคยเจอเป็นครั้งแรก มันไม่ธรรมดายิ่ง!!”

“นามเซียนอมตะเสเพลอันดับ 1 ในระนาบโหมหลัว มันคู่ควรแล้วที่ได้รับ!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างอู่เซี่ยว เหล่าเซียนอมตะเสเพลหลายคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ มองอู่เซี่ยวพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนับถือ

“ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าจะสงเคราะห์เจ้าให้!”

เมื่อเห็นว่าคนที่หยุดขวางเอาไว้ไม่เพียงจะไม่ถอยหนี แต่ยังเร่งพลังขึ้นมาพร้อมรบ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะมีน้ำโหขึ้นมาแล้วจริงๆ

ทันใดนั้นไม่รอช้าอะไร เพียงก้าวออกมาอยู่ด้านหน้าจางยี่หานเฉวี่ยไน่หนึ่งก้าว ทั่วร่างพลันปะทุพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดปานจุดระเบิดออกมาท่วมร่าง

และเมื่อพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลุกโชนท่วมร่าง มวลพลังที่ปะทุออกมาปานเพลิงไฟดังกล่าวก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปคล้ายกระบี่ กลิ่นอายพลังแหลมคมพวยพุ่งออกมาปานทะลวงฟ้า ระเบิดพลังกระบี่อันเกรี้ยวกราดรุนแรงออกมาราวกับพร้อมทำลายสรรพสิ่งโดยรอบ!

“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”

“หมื่นศาสตราสยบ!”

“13 กระบี่บงกชฟ้า!”

และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียยังสำแดงทักษะที่เขาชำนาญออกมาอย่างพร้อมเพรียง

คิดเข่นฆ่าสังหารผู้ที่หาญกล้าขวางทางให้สิ้นโดยเร็วที่สุด!

ตอนนี้เขารีบร้อนเข้าสู่มรดกต้าหลัวจินเซียนเพื่อรับมรดกนั่นมาให้ได้โดยเร็วที่สุด!

ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน หากกล้าขวางเขาตอนนี้ย่อมเป็นศัตรู!

ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ขวางเขาไม่เพียงแต่คิดจะถ่วงเขาให้ไม่อาจได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียนเท่านั้น

ยังหาเรื่องเขา กระทั่งคิดฆ่าเขา!

ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะเดาจุดประสงค์ของมันไม่ออก

ไม่พ้นหมายตายอดสมบัติสวรรค์ในมือเขากับสหาย!

เพราะนอกจากเหตุผลข้อนี้แล้ว เขาก็นึกเรื่องอื่นไม่ออก

“ใครขวางข้าตาย!!”

ใจต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด!!