ตอนที่ 1129 ทนไม่ได้

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1129 ทนไม่ได้

อันชิงซานอยากกล่าวโต้แย้ง ทว่า เขาเห็นสายตาของไป๋ชิงเหยียนหยุดอยู่ที่เขา “เจ้าวิเคราะห์สถานการณ์รบถูกต้องแล้ว ทว่า เจ้าไม่เข้าใจเหตุผลที่แท้จริงที่สองแคว้นต้องทำสัญญาเป็นพันธมิตรกัน…”

“สองแคว้นทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันเพื่อผลประโยชน์ก็จริง ทว่า สองแคว้นทำสัญญาเป็นพันธมิตรเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางบรรดาทหารของต้าเยี่ยนที่กำลังมองมาทางนาง “ตอนนี้ต้าเยี่ยนขาดแคลนเสื้อเกราะเหล็กของกองทัพช้างที่สามารถนำมาหล่อหลอมเป็นอาวุธสงครามมากกว่าต้าโจวของพวกเรา พวกเขาต้องการเสบียงมากกว่าพวกเรา ดังนั้นทหารต้าเยี่ยนจึงลุกขึ้นมาแย่งจำนวนช้างกับต้าโจวทั้งๆ ที่เพิ่งทำสงครามเสร็จเช่นนี้ มิเช่นนั้นชายอกสามศอกคนใดอยากลุกขึ้นมาทำลายไมตรีระหว่างสองแคว้น ทำลายมิตรภาพของสหายที่ร่วมสู้รบกันมาเพียงเพราะผลประโยชน์เล็กน้อยเช่นนี้กัน พวกเจ้าล้วนเป็นทหาร พวกเจ้าไม่เข้าใจศักดิ์ศรีและมิตรภาพระหว่างทหารด้วยกันอย่างนั้นหรือ”

ทหารต้าเยี่ยนได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจึงก้มหน้างุด ตอนที่พวกเขาทะเลาะแย่งชิงช้างศึกของเทียนเฟิ่งมาเป็นของตัวเองพวกเขาอาจไม่ได้นึกถึงศักดิ์ศรีของทหาร ไม่เคยนึกถึงมิตรภาพระหว่างสหายที่ร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา…

ทว่า เมื่อไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นเช่นนี้ ทหารบางคนของต้าเยี่ยนนึกขึ้นได้ว่าตอนที่พวกเขาทำสงครามอยู่ที่ประตูทิศใต้ของเมืองผิงตู้ ทหารต้าโจวยึดประตูเมืองทิศเหนือไว้ได้ พวกเขายิงธนูใส่กองทัพช้างเหล่านั้นจากบนกำแพงสูง ทำให้กองทัพช้างเหล่านั้นเปลี่ยนทิศทางโจมตี พวกเขาช่วยชีวิตทหารต้าเยี่ยนจำนวนมากเอาไว้ ถือเป็นมิตรภาพที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมากจริงๆ

เมื่อคิดได้ว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวกำลังปรึกษากับอ๋องเก้าของพวกเขาว่าจะมอบช้างให้พวกเขามากกว่าต้าโจว ทว่า พวกเขากลับมาทะเลาะโวยวายกันอยู่ที่นี่ กระทั่งเกือบต่อสู้กันเองเพียงเพราะต้องการช้างจำนวนเท่ากันกับต้าโจวเท่านั้น

แววตาของหัวหน้าทหารของต้าเยี่ยนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและละอายใจ

“พวกเราต้าโจวแบ่งผลประโยชน์ที่ได้มาในวันนี้ให้ต้าเยี่ยนมากหน่อย วันหน้าหากต้าเยี่ยนได้ผลประโยชน์ที่ต้าโจวกำลังขาดแคลน ต้าเยี่ยนย่อมแบ่งผลประโยชน์เหล่านั้นให้พวกเราเช่นกัน! นี่คือความหมายที่แท้จริงของการเป็นพันธมิตรกัน นี่จึงจะทำให้พวกเราจับมือกันเดินไปได้ไกลมากขึ้น!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางทหารต้าโจวและต้าเยี่ยนที่อารมณ์เย็นลงแล้ว “ในเมื่อสองแคว้นจับมือเป็นพันธมิตรกันแล้ว สองฝ่ายก็ควรมองอีกฝ่ายเป็นดั่งสหายร่วมรบของตัวเองที่สามารถฝากฝังชีวิตในสนามรบให้แก่กันได้ นอกสนามรบ…สามารถยอมถอยให้แก่กันได้ หากเห็นแก่ตัวคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของแคว้นตัวเอง การเป็นพันธมิตรในครั้งนี้จะมีประโยชน์อันใดกัน พวกเราทำเพื่อจับมือกันโจมตีเมืองๆ หนึ่งเสร็จ จากนั้นหันมาทะเลาะกันเองอย่างนั้นหรือ”

มู่หรงเหยี่ยนขี่ม้าไปด้านหน้า จากนั้นมองไปทางทหารของต้าเยี่ยนด้วยแววตาเย็นชา “แบ่งผลประโยชน์ตามสถานที่ที่ตัวเองทำสงครามไม่ยุติธรรมอย่างนั้นหรือ นั่นคือวิธีที่ยุติธรรมที่สุด! เพราะพวกเราไม่ได้ส่งกองกำลังมาสู้รบเท่ากับต้าโจว แม้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะตรัสว่ากองทัพช้างเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บมาก่อนก่อนจะล้มตายลงที่หุบเขาหานเหวิน ทว่า นั่นนอกเหนือจากพื้นที่ที่พวกเราควบคุมดูแลแล้ว!”

“จักรพรรดินีแห่งต้าโจวกำลังโน้มน้าวให้ต้าเยี่ยนรับช้างกว่าครึ่งหนึ่งไว้เห็นแก่ความสัมพันธ์ของสองแคว้น ทว่า พวกเจ้ากลับมาแย่งชิงของที่ได้จากสงครามกันอยู่ที่นี่! ต้าเยี่ยนของพวกเราขาดแคลนอาวุธและเสบียงก็จริง ทว่า พวกเราไม่ได้ขลาดแคลนถึงขนาดให้พวกเจ้ามาแย่งชิงของที่ไม่ใช่ของของต้าเยี่ยนเช่นนี้! พวกเราไม่ได้ขาดแคลนถึงขนาดต้องไปแย่งชิงของของแคว้นพันธมิตรของเราอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ พวกเจ้าคือทหารกล้าของต้าเยี่ยน คือกระดูกสันหลังหลักของแคว้น ทว่า พวกเจ้ากลับทำเรื่องขายหน้าให้ต้าเยี่ยนถึงเพียงนี้!” น้ำเสียงของมู่หรงเหยี่ยนทุ้มต่ำ “พวกเจ้าควรรู้สึกละอายใจบ้าง”

ไป๋ชิงเหยียนและมู่หรงเหยี่ยนรู้ดีว่าไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

วันหน้าสองแคว้นจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถบอกให้เหล่าทหารรับรู้ได้ ทว่า พวกเขาต้องทำให้ทหารเหล่านี้ร่วมมือกันทำสงครามอย่างสามัคคีปรองดองให้ได้ วันหน้าเมื่อสองแคว้นรวมเป็นหนึ่งอุปสรรคจากฝ่ายกองทัพจะได้ลดน้อยลงที่สุด

การที่จักรพรรดินีแห่งต้าโจวโน้มน้าวให้ต้าเยี่ยนรับส่วนแบ่งจำนวนช้างที่มากกว่าต้าโจวทำให้ทหารของต้าเยี่ยนรู้สึกละอายใจมากจริงๆ

“การแก่งแย่งผลประโยชน์ที่ได้จากการทำสงครามมีแต่จะทำให้สองแคว้นผิดใจกัน กระทั่งกลายเป็นศัตรูกันในไม่ช้า วันหน้าพวกเราจะร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรูได้อย่างไร” น้ำเสียงใสกังวานของไป๋ชิงเหยียนอ่อนโยนกว่ามู่หรงเหยี่ยนมาก หญิงสาวกำลังกล่าวให้ทหารทั้งสองแคว้นฟัง “เมื่อพันธมิตรกลายเป็นศัตรู วันหน้าหากเทียนเฟิ่งยกทัพโจมตีต้าเยี่ยนหรือต้าโจวแคว้นใดแคว้นหนึ่งแล้วอีกแคว้นมองดูอยู่เฉยๆ พวกเจ้าจะรอให้เทียนเฟิ่งทำลายล้างอีกแคว้นเสร็จแล้วค่อยมาจัดการกับแคว้นของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ”

“ฝ่าบาท พวกเราผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” อันชิงซานกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน “พวกเราใจแคบเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”

“พวกเราผิดเองพ่ะย่ะค่ะ!” หัวหน้าทหารต้าเยี่ยนก้มศีรษะคารวะไป๋ชิงเหยียนและมู่หรงเหยี่ยนเช่นเดียวกัน

“พวกเราใจแคบเกินไป จักรพรรดินีแห่งต้าโจวทรงพระทัยกว้างขวาง วันนี้ทรงสอนให้พวกเราได้รู้ความหมายที่แท้จริงของการเป็นพันธมิตรกันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หัวหน้าทหารต้าเยี่ยนที่เริ่มต้นก่อเรื่องหันไปทางอันชิงซานและทหารต้าโจว “ข้าขอขมาสหายต้าโจวทุกคนไว้ ณ ที่นี้ด้วย”

หัวหน้าทหารต้าเยี่ยนนำทหารในกองทัพต้าเยี่ยนทุกคนกำหมัดขอขมากองทัพต้าโจว

อันชิงซานนำทหารต้าโจวขอขมากลับเช่นเดียวกัน “ฝ่าบาทของพวกเราตรัสถูกแล้ว ในเมื่อทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันแล้วก็ควรช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่ทะเลาะกันเองเพียงเพราะเรื่องผลประโยชน์เล็กน้อยเช่นนี้ ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย”

สองฝ่ายขอโทษกันเอง จากนั้นหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขิน บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่สลายไปในทันที

เซี่ยสวินลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เซี่ยสวินมองไปทางไป๋ชิงเหยียน นอกเหนือจากนับถือเรื่องที่หญิงสาววางแผนการรบได้อย่างไม่มีช่องโหว่แล้ว เขายังนับถือในความสามารถที่สามารถทำให้สองแคว้นสามัคคีปรองดองกันได้ของหญิงสาวด้วย

บัดนี้อย่าว่าแต่ทหารในกองทัพต้าเยี่ยนเลย แม้แต่เซี่ยสวินเองก็ยินยอมเสียสละผลประโยชน์ของตัวเองเพื่อช่วยเหลือแคว้นคู่พันธมิตรแบบที่ต้าโจวทำเพื่อความสามัคคีในสงครามวันหน้าเช่นเดียวกัน

ไป๋ชิงเหยียนมองดูทหารต้าโจวและต้าเยี่ยนยิ้มให้กันแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “เอาเถิด รวบรวมจำนวนช้างที่ตายไปทั้งหมดให้ครบ จากนั้นแบ่งช้างจำนวนมากกว่าให้ต้าเยี่ยน อันชิงซานเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้!”

“พ่ะย่ะค่ะ” อันชิงซานกำหมัดรับคำ

“เจ้ามีนามว่าอันใด” มู่หรงเหยี่ยนหันไปถามแกนนำของทหารต้าเยี่ยน

“ทูลอ๋องเก้า กระหม่อมมีนามว่าหวังต้าโก่วพ่ะย่ะค่ะ” หวังต้าโก่วรีบกล่าวตอบ

ไป๋จิ่นจื้อหลุดหัวเราะทันทีที่ได้ยินนามของหวังต้าโก่ว

เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อหลุดหัวเราะหวังต้าโก่วจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะตัวเองอย่างเขินอาย “ท่านแม่ของข้ากล่าวว่าตั้งชื่อต่ำต้อยสักหน่อยจะทำให้ข้าเลี้ยงง่ายขอรับ ข้าเคยหงุดหงิดกับนามของตัวเองอยู่พักใหญ่ อยากเปลี่ยนนามของตัวเองอยู่เหมือนกัน ทว่า ต่อมาท่านแม่และท่านพ่อของข้าเสียชีวิตเพราะอดตายเนื่องจากถูกทหารซีเหลียงปล้นชิงเสบียงไปจนหมด พวกเขาไม่เหลือสิ่งใดให้ข้าแม้แต่อย่างเดียว มีเพียงนามของข้าเท่านั้น ต่อมาข้าจึงไม่อยากเปลี่ยนนามอีกขอรับ”

หวังต้าโก่วคิดถึงบิดามารดาของตัวเอง ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำขึ้น

เมื่อไป๋จิ่นจื้อได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางแข็งทื่อและหายไปทันที เมื่อมองไปทางหวังต้าโก่วที่พยายามฝืนยิ้มอยู่อีกครั้งจึงรู้สึกว่าเขาไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว

“เจ้าเป็นคนรับผิดชอบเรื่องรับมอบช้างจากต้าโจวและขนย้ายช้างกลับต้าเยี่ยน” มู่หรงเหยี่ยนกล่าวกับหวังต้าโก่วเสร็จจึงหันไปทางไป๋ชิงเหยียน “จักรพรรดินีแห่งต้าโจว พวกเรารีบปรึกษาเรื่องแผนการรบขั้นต่อไปกันเถิด”