บทที่ 1136 ระงับ

บทที่ 1136 ระงับ

ฟู่กั๋วหยางพูดไปได้ครึ่งทาง ฟ่านชูฟางก็กลับมาอีกครั้ง

“เอาชาของฉันไปก่อนแล้วกันค่ะ ส่วนถ้วยชาจะเอามาคืนให้ในตอนบ่ายนะคะ!”

เห็นอีกฝ่ายจากไปพร้อมแก้ว เขาก็ได้แต่ระบายยิ้มออกมา

เพราะเป็นเพื่อนร่วมงานรุ่นอาวุโสเหมือนกัน หรือเพราะอีกฝ่ายเข้าใจความคิดของเขากันนะ?

ณ สำนักงานข้าง ๆ

ซ่งหงปิงมองซูเสี่ยวเถียนที่แปลอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้มเยาะ

เด็กคนนี้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเลยจริง ๆ ทำงานเร็วขนาดนั้นงานจะไปมีคุณภาพสูงได้ยังไง?

แล้วจะคอยดูตอนที่ทำพลาด ดูสิว่าจะทำยังไง

แม้จะไม่ถือว่างานมีปัญหา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางออกเสียหน่อย?

เหอะ ๆ

ซ่งหงปิงเห็นความสามารถแปลด้วยปากเปล่าแล้ว แต่ไม่มั่นใจว่าความเร็วที่เธอทำจะรับประกันความถูกต้อง

ขนาดฟู่กั๋วหยางยังไม่เร็วขนาดนี้เลย!

เขาเชื่อว่าเด็กคนนี้เก่ง แต่ไม่เชื่อว่าจะเก่งกว่าฟู่กั๋วหยางได้

ไม่ว่าซูเสี่ยวเถียนจะทำอะไรย่อมมุ่งความสนใจไปที่มันทั้งหมด

เธอจมอยู่กับมันเกือบชั่วโมงก่อนจะทำเสร็จ

จากนิสัยเด็กสาวจะต้องตรวจทานงานก่อน

ขณะที่กำลังตรวจก็พบข้อผิดพลาดร้ายแรงในงานแปลของซ่งหงปิง

แต่หลังจากแก้แล้วแก้อีกก็เจอเรื่อย ๆ

มันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าพิจารณาให้ดี จะมีผลกระทบต่อการเจรจาที่จะถึงด้วย

นี่อาจทำให้จีนไม่มั่นคงได้เลยนะ

ซูเสี่ยวเถียนเป็นคนฉลาด เธอไม่เชื่อว่าซ่งหงปิงนักแปลผู้อาวุโสจะทำพลาดขนาดนี้ได้

มีความไปได้เพียงอย่างเดียวคือ ที่เขาขอให้เธอทำงานให้วันนี้คือกับดัก

เป้าหมายคือตัวเรา

อีกความเป็นไปได้หนึ่งคือซ่งหงปิงเป็นสายลับของประเทศ Y แต่เหมือนจะไม่น่าใช่

คิดว่าเขาคงผลักภาระให้เธอรับผิดชอบความผิดพลาดเอง

ซ่งหงปิงกำลังวางแผนทำลายทุกอย่างในกระทรวง!

ซูเสี่ยวเถียนลอบยิ้มเยาะ

เธอเป็นคนให้อภัยผู้อื่น แต่ก็ไม่ใช่คนยอมโดนเสียเปรียบ

ในเมื่ออีกฝ่ายพร้อมโจมตี เธอย่อมสู้กลับอยู่แล้ว

ซูเสี่ยวเถียนจดข้อผิดพลาดไว้อย่างใจเย็น และคัดลอกมันออกมา

“อาจารย์ซ่ง หนูแปลเสร็จแล้วค่ะ ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะ?” เธอส่งให้ด้วยท่าทางเคารพ

ซ่งหงปิงรับไว้ แล้วเอ่ยโดยไม่มอง

“เสี่ยวซู ยังหนุ่มยังสาวมันก็ดี แต่ดูสิ ฉันงานยุ่งตั้งแต่เช้าใช้เวลาเป็นชั่วโมงถึงจะเสร็จ ไม่ต้องห่วงนะ งานแปลนี้เป็นผลงานเธอ ฉันจะบอกเบื้องบนให้อย่างแน่นอน”

ซูเสี่ยวเถียน “…”

เชื่อแล้วว่าคุณมันร้าย!

แม้ใจบ่นแต่ปากยังเอ่ยด้วยความสุภาพ “เกรงใจกันเกินไปแล้วค่ะ หนูทำแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ไม่สมควรได้รับคำชมหรอกค่ะ!”

ซ่งหงปิงไม่รู้จะพูดอะไร

เด็กคนนี้ไม่มีความโผงผางแบบหนุ่มสาว มันทำให้เขารู้สึกไร้พลังเวลาที่ต้องการจะหาเรื่อง

ซูเสี่ยวเถียนรอให้อีกฝ่ายรับงานไปก่อนจึงค่อยออกมา

ตอนนี้ 11.50 น. แล้ว อีกไม่นานจะถึงเวลาอาหารกลางวัน

ซ่งหงปิงเห็นเธอออกไปก็ดูข้อผิดพลาดที่ตนทำไว้ หลังจากแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เผยยิ้มเยาะ

เด็กสาวหยิบงานแปลอีกฉบับแล้วตรงไปหาฟ่านชูฟาง

หญิงชราเพิ่งกลับมาจากห้องอธิบดีตู้ ตั้งใจจะไปหาซูเสี่ยวเถียนพอดี แต่อีกฝ่ายก็มาถึงแล้ว

“เสี่ยวเถียน ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

สิ่งแรกที่นึกออกคือหลานโดนรังแก

ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “มีเรื่องจัดการลำบากเกิดขึ้นจริง ๆ ค่ะย่ารอง หนูก็เลยมาหาย่า”

เธอบอกปัญหาที่พบทั้งหมดให้ฟัง

สีหน้าหญิงชรามืดมนลง

ไม่คิดเลยว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในกระทรวงเราด้วย

เรื่องขี้ปะติ๋วต้องคิดร้ายใส่เด็กใหม่เลยหรือ

ถึงขนาดเมินเฉยผลประโยชน์ของประเทศด้วยซ้ำ

คนแบบนี้น่าผิดหวังจริง ๆ!

“เสี่ยวเถียน ตั้งแต่บ่ายนี้เราจะสลับงานของหนูกับซ่งหงปิงเลยนะ”

อะไรนะ?

เด็กสาวตกใจ

นี่มันเรื่องใหญ่มากนะ จะให้ความสงสัยที่ซ่งหงปิงคิดร้ายต่อตนเองทำให้ย่าตัดสินใจแบบนี้ไม่ได้หรือเปล่า?

“ย่ารอง สิ่งนี้เป็นเพียงการคาดเดาของหนูค่ะ แต่เขาก็ทำผิดพลาดแค่นี้เองนะ?”

“เรื่องผิดแบบนี้ไม่เล็กแล้วนะ ถึงจะแค่ผิดพลาดแต่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่มีความสามารถ”

หลังจากเอ่ยด้วยสีหน้าเข้ม จากนั้นก็ตรงไปยังห้องอธิบดีตู้พร้อมเอกสารที่หลานสาวส่งมาให้

สีหน้าอธิบดีตู้เข้มกว่าฟ่านชูฟานเสียงอีก

“ดี ดีจริง ๆ!”

นักแปลผู้คร่ำหวอดกลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว เหมือนว่าตั้งแต่ตนมาทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศจะอ่อนโอนเกินไปสินะ

“ลองปรึกษากับผู้อาวุโสฟู่ดูว่ามีใครใช้ได้อีกไหม จะได้ส่งมาสักคนหนึ่ง”

จากนั้นก็ว่าต่อ “ส่วนซ่งหงปิงให้ระงับการทำงานและบอกเขาไปไตร่ตรองดูเสีย!”

“ถ้าทำแบบนี้จะไม่ยิ่งแย่หรือคะ? ซ่งหงปิงไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงมากเลยด้วยค่ะ”

ฟ่านชูฟางกลัวว่าถ้าฝ่ายนั้นโดนกล่าวหาแบบผิด ๆ จะลำบากซูเสี่ยวเถียนเอา

“งั้นก็รออีกหน่อยแล้วกัน แต่เตรียมหาคนมาเปลี่ยนด้วย!”

หลังออกจากห้องอธิบดีตู้ก็ตรงไปยังห้องทำงานของฟู่กั๋วหยางต่อ

อีกฝ่ายที่เตรียมตัวไปกินข้าวเห็นแขกมาก็ประหลาดใจมาก

“มาคืนถ้วยชาผมหรือครับ?”

“ผู้อาวุโสฟู่ อธิบดีตู้เพิ่งจัดการธุระให้ค่ะ ช่วยแนะนำนักแปลท่านอื่น ๆ ให้ในงานเลี้ยงครั้งนี้ได้ไหมคะ?”

เธอเอ่ยตรง ๆ

ฟู่กั๋วหยางเดาได้แล้วว่ามีเรื่องเกิดขึ้น

แต่ฉลาดเกินกว่าจะถาม

“มีคนหนึ่งนะ ถึงจะไม่ค่อยสนิทมาก แต่ความสามารถดีพอจะรับหน้าที่นี้ได้”

จากนั้นก็ว่าต่อ “ที่จริงปรับสักหน่อยก็ได้ เดี๋ยวฝั่งผมจะรับเพิ่มอีกหน่อย แล้วฝั่งซูเสี่ยวเถียนก็เพิ่มสักหน่อยแล้วกันนะ”

ฟ่านชูฟางยิ้ม “ผู้อาวุโสฟู่มั่นใจในตัวสาวน้อยแล้วสินะคะ!”