บทที่ 1138 พรสวรรค์ที่ขาดไป

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1138 พรสวรรค์ที่ขาดไป

บทที่ 1138 พรสวรรค์ที่ขาดไป

แม้ซูโส่วเวินจะอยากถาม แต่ไม่มีคนให้ถาม

ถึงจะได้ยินมาว่าเธอไม่ได้โดนเอาเปรียบ แต่ก็ยังไม่วางใจอยู่ดี

สิ่งนี้เลยทำให้เขาดูฟุ้งซ่าน

คนที่สนิทกับชายหนุ่มเอ่ยถาม

ซูโส่วเวินจึงบอกความกังวลออกไป

“อย่างนี้นี่เอง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันก็ได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน น้องนายสบายดี ส่วนซ่งหงปิงมีปัญหาจริง ๆ”

เขาเอ่ยเสียงเบาก่อนมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่

“แล้วสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” ชายหนุ่มไม่มีความเห็นใจต่อคนที่รังแกน้องอยู่แล้ว

แต่ก็ไม่ได้ซ้ำเติม

“เรื่องแปลพลาดก็โดนตรวจสอบแล้ว เหมือนว่าระหว่างนั้นจะเกิดเรื่องด้วย แต่ไม่รู้มีอะไร อย่าบอกคนอื่นให้รู้เชียวนะ!”

ซูโส่วเวินตกใจ

มีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างตรวจสอบด้วย? ทำไมบังเอิญจัง?

แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม เขาทำงานได้อย่างสบายใจแล้ว

จากนั้นก็ไม่สนใจแล้วทำงานต่อ

แต่ก็ต้องให้ความสนใจกับน้องด้วย จะได้ปกป้องไม่ให้เธอโดนกลั่นแกล้ง

ระหว่างซูเสี่ยวเถียนแปลงานอยู่ เธอก็ได้ฟังคำเชิญชวนจากรัฐมนตรีฉางให้ไปทำงานในกระทรวงพาณิชย์ด้วยกัน

“หนูไปไม่ได้หรอกค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ

ที่เลือกมากระทรวงการต่างประเทศก็เพราะที่นั่นไม่เหมาะกับเธอไม่ใช่หรือไง?

“ทำไมเธอไปไม่ได้ล่ะ?”

“หนูมีโรงงานสองแห่ง มีร้านค้า ไหนจะลงทุนสร้างตึกอีกค่ะ แล้วทรัพย์สินภายใต้ชื่อของหนูก็จะเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ”

เธอยิ้มแล้วบอกแผนการในอนาคตข้างหน้าให้ฟัง

ทีแรกรัฐมนตรีฉางไม่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นก็ตระหนักได้

เธอต้องการทำธุรกิจสินะ ไม่มีแผนจะทำงานด้านการเมือง

“เธอเป็นเด็กผู้หญิงนะ มีการงานมั่นคง งานสบายมากเลยด้วย ทำไมถึงคิดทำธุรกิจล่ะ?” เขาเอ่ยอย่างเสียใจ

เด็กผู้หญิงควรมีชีวิตที่สะดวกสบายสิ โดยเฉพาะตระกูลซูที่ตามใจหลานสาว จะปล่อยให้เธอทำธุรกิจไปสู้กับพวกผู้ชายได้ยังไง?

“มีบางส่วนที่พูดไม่ถูกนะคะ งานมั่นคงมันก็ดีแต่การทำให้ดี ให้สบายมันเป็นไปไม่ได้ค่ะ หรือมันไม่เหมือนกับการทำงานหนักคะ?”

เธอถามเสียงเรียบ อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนพูดไม่ออก

ทำงานในระบบกับทำธุรกิจก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไร

ทำให้ดีก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ต้องตั้งใจทำงานให้หนักอยู่ดี

ไม่ว่าพื้นฐานจะดีเด่แค่ไหน แต่ถ้าไม่พยายามจะไม่มีวันประสบผลสำเร็จแน่

“เสี่ยวเถียน ไม่ยกธุรกิจให้พี่ชายจริงหรือ? ปู่จำได้นะว่าพี่สี่เก่งเรื่องธุรกิจมากนี่นา กำลังเรียนบริหารด้วยนี่!”

รัฐมนตรีฉางไม่ยอมแพ้ พยายามใช้เหตุผลมาว่า

ซูเสี่ยวเถียนส่ายหัว “ธุรกิจพี่สี่ดีจริง ๆ ค่ะ แต่มันเป็นของเขา อันนี้ก็ส่วนของหนูเอง เส้นทางของเขาไม่เหมือนกับของหนูค่ะ”

รัฐมนตรีฉางถึงกับเงียบไป “…”

สาวน้อยตั้งใจมากจริง ๆ สินะ!

ทำอะไรไม่ได้เลย ไว้ว่ากันแล้วกัน!

“แล้วไม่ตั้งใจจะทำงานในกระทรวงต่างประเทศด้วยหรือ?”

ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “มีพี่ใหญ่อยู่แล้วค่ะ และตัวหนูก็คงไม่อยู่ด้วย!”

รัฐมนตรียิ้มสดใส “งั้นก็ดี ไม่ได้อยู่ทั้งคู่ปู่สบายใจแล้ว!”

คราวนี้ซูเสี่ยวเถียนถึงกับพูดไม่ออก

ตำแหน่งใหญ่โตแต่ใจแคบคิดเทียบกับคนอื่นเนี่ยนะ?

ความสามารถของเด็กสาวสูงมาก ย่อมรู้เจตนาร้ายผู้อื่น แถมการเจรจานี้เธอก็มีส่วนร่วมด้วย

รัฐมนตรีฉางสังเกตเห็นแล้ว

จากนั้นก็รายงานให้อธิบดีตู้ทราบ

อธิบดีตู้ไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะโดดเด่นขนาดนี้ หลังจากนั้นก็ซาบซึ้งในความสามารถมากขึ้น

ถึงขนาดคิดด้วยซ้ำว่าถ้าเธอไม่ได้อยู่กระทรวงเราคงเสียเปรียบเขา

แต่พอถามฟ่านชูฟาง ก็ทราบว่าเด็กสาวไม่คิดจะทำงานที่นี่

“เหล่าฟ่าน ชวนเธอมาหน่อยเถอะ เราอยากได้คนเก่ง ๆ แบบนี้มาทำงานด้วยนะ”

ฟ่านชูฟางพูดไม่ออก

ซูเสี่ยวเถียนไม่ใช่คนโน้มน้าวง่าย ๆ ด้วยสิ ในเมื่อเจ้าตัวตัดสินใจแล้วก็ตามนั้น

“น่าจะยากนะคะ เสี่ยวเถียนมีแผนของเขาแล้วน่ะ”

“ลองดูก่อนน่า บอกถึงประโยชน์และความลำบากของเราในตอนนี้ไปด้วยสิ”

อธิบดีตู้คิดว่าด้วยนิสัยของเธอแรงจูงใจไม่น่าพอ

พูดตรงไปตรงมาจะดีกว่า เพราะตอนนี้เราขาดแคลนคนเก่ง ๆ ในการทำงาน

อธิบดีตู้ไม่ได้โอดครวญนะ

แต่สองปีมานี้เรามีการติดต่อกับต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วช่องว่างความสามารถก็ห่างชั้น ถึงมหาวิทยาลัยจะเปิดหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง มีเด็กที่ฝึกอบรมพื้นฐานให้แน่นแล้วแต่มันก็ยังมีน้อยอยู่

อธิบดีตู้พยายามทำทุกวิถีทางหาคนเก่ง ๆ มาตลอด แต่ก็มีน้อยมาก

แล้วเราก็ต้องฝึกเด็กอีกถึงจะใช้การได้

ตอนนี้มีคนเก่งแบบซูเสี่ยวเถียน เขาจะไม่อยากได้ได้ยังไง?

ถึงจะยังเด็กแต่เก่งภาษาต่างประเทศ เก่งเจรจา ความสามารถแบบนี้จะไปหาจากไหน?

“เดี๋ยวจะลองดูค่ะ เธอตั้งใจว่าจะทำธุรกิจน่ะ”

แม้จะไม่ค่อยแน่ชัด แต่บอกได้ว่าเส้นทางของหลานสาวต่างกับซูเสี่ยวซื่อ

ซูเสี่ยวซื่อต้องการการพัฒนาอุตสาหกรรมค้าปลีกให้เป็นธุรกิจที่แท้จริง แต่เสี่ยวเถียนต้องการพัฒนาโรงงานตัวเอง ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อการพัฒนาแบรนด์ในอนาคต

อย่างที่เดาไว้

เด็กสาวตั้งใจจะพัฒนาหลู่เซียงเซียงให้เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ

อย่าเห็นว่าสินค้าแบรนด์เล็ก ๆ แบบนี้ไม่ควรนำเสนอนะ ไอ้แบบนี้แหละที่ตลาดใหญ่สุด มีกลุ่มผู้บริโภคมากที่สุด

ล่าสุดพี่สี่เตรียมขยายตลาดหลู่เซียงเซียงไปต่างประเทศแล้ว

ถ้าทำสำเร็จ ธุรกิจย่อมขยายตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้

โชคดีที่มีเงินอยู่เลยลงทุนได้อีก จะได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดอย่างมีคุณภาพ