ตอนที่ 1136 จนปัญญา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1136 จนปัญญา

“หากไม่ตายไม่มีวันถอดเกราะ บุรุษคนดีของแคว้น”

เสียงเพลงในกระโจมรักษาตัวของทหารดังแว่วออกไปด้านนอก บรรดาทหารต่างมองไปยังด้านในกระโจม ทุกคนวางตะเกียบหรือเกี๊ยวที่ถืออยู่ในมือลง เสียงเพลงดังขึ้น…

“สวมเกราะไว้บนร่าง สู้รบกับศัตรูร่วมกับลูกชาย”

“กำดาบยาวสังหารศัตรูแน่น ร่วมเป็นร่วมตายกับสหาย”

“ปกป้องแผ่นดิน ปกป้องชาวบ้าน ทหารกล้าผู้ไม่เคยหวาดหวั่น”

“หากไม่ตายไม่มีวันถอดเกราะ บุรุษคนดีของแคว้น”

เมืองผิงตู้ที่สว่างไสวและถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะเต็มไปด้วยเสียงเพลงประจำกองทัพไป๋นานแสนนาน พวกเขาสื่อถึงความหนักแน่น หน้าที่และใจที่มุ่งมั่นอยากปกป้องแผ่นดินและชาวบ้านของทหารทุกคนของกองทัพไป๋ผ่านบทเพลงนี้ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮ

หยางอู่เช่อเคยได้ยินเพลงนี้ ทว่า เขาไม่เคยได้ฟังบทเพลงนี้ตั้งแต่ต้นจนจบมาก่อน บัดนี้เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงอวี๋ ไป๋จิ่นจื้อและบรรดาแม่ทัพของกองทัพไป๋ร้องเพลงนี้ออกมาทั้งน้ำตา เขารู้สึกสะเทือนใจจนยากจะสงบลงได้

ที่แท้นี่คือเหตุผลที่กองทัพไป๋เป็นที่รักของชาวบ้านทั้งแคว้น พวกเขาปกป้องแผ่นดิน ปกป้องชาวบ้าน หากไม่ตายไม่มีวันถอดเกราะ ชาวบ้านมีกองทัพเช่นนี้คอยปกป้องคุ้มครองอยู่ พวกเขาจะไม่รู้สึกปลอดภัยได้อย่างไรกัน

เสียงเพลงค่อยๆ สงบลง ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางบรรดาทหารที่ดวงตาดวงก่ำ จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

ทหารทุกคนมองไปทางไป๋ชิงเหยียน ต่างพากันวางตะเกียบในมือลง

พวกเขาได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวขั้น “วันนี้พวกเราฉลองปีใหม่ที่ต่างแคว้น พวกเราจึงได้แต่นั่งทานเกี๊ยวฉลองร่วมกัน ลำบากทุกท่านติดตามไป๋ชิงเหยียนมาออกรบเพื่อปกป้องบ้านเมืองจนไม่สามารถอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวแล้ว! ทว่า ความลำบากของทุกท่านจะไม่เสียเปล่า พวกเราจะขับไล่แคว้นเทียนเฟิ่งกลับไปยังดินแดนหลังภูเขาหิมะของพวกเขา พวกเราปกป้องดินแดนที่สงบสุขให้ครอบครัวและลูกหลานของพวกเรา ไป๋ชิงเหยียนขอขอบคุณทุกท่านแทนคนเหล่านั้นด้วย!”

ทหารทุกคนพากันยกมือคารวะ

“พวกเราคือนักรบ พวกเราเกิดมาเพื่อปกป้องแคว้น วันนี้คือวันสิ้นปี ทว่า ฝ่าบาทและสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาล้วนอยู่ข้างกาย พวกเราคือครอบครัวของกันและกัน พวกเราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับคนในครอบครัวแล้วขอรับ” ทหารได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งยกชามเกี๊ยวขึ้นสูง “พวกเราคือทหารจึงไม่สามารถดื่มเหล้าขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ ข้าขอใช้น้ำแกงคารวะฝ่าบาทแทนเหล้า! ขอให้ฝ่าบาทพาพวกเราไปรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ทำให้ใต้หล้าแห่งนี้ไม่มีสงครามอีกต่อไป ให้ชาวบ้านทุกคนในใต้หล้ามีชีวิตที่สงบสุข แผ่นดินงดงาม ใต้หล้ามีแต่สันติสุขขอรับ!”

“แผ่นดินงดงาม ใต้หล้ามีแต่สันติสุข!”

“แผ่นดินงดงาม ใต้หล้ามีแต่สันติสุข!”

“แผ่นดินงดงาม ใต้หล้ามีแต่สันติสุข!”

ขอบตาของไป่ชิงเหยียนร้อนผ่าวขึ้นทันที นางยกถ้วยน้ำแกงตรงหน้าพลางจับมือเสิ่นชิงจู๋ลุกขึ้น จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวัง!”

เมื่อดื่มน้ำแกงหมดไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวต่อยิ้มๆ “เอาล่ะ ทานเกี๊ยวกันต่อเถิด วันนี้มีเกี๊ยวจำนวนมากที่ห่อด้วยเนื้อช้างที่พวกเราสังหารได้ ทุกคนทานกันให้เต็มที่!”

ทหารทุกคนรับคำ จากนั้นเริ่มทานเกี๊ยวต่ออย่างมีความสุข

ความครื้นเครงดำเนินต่อไปจนถึงกลางดึก ไป๋ชิงเหยียนพาไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นจื้อเดินสำรวจความเรียบร้อยของค่ายทหารอีกครั้ง ทหารบางคนกินอิ่มจนนอนหลับคาที่ เมื่อหัวหน้าของพวกเขาเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนเดินมาจึงอยากปลุกทหารเหล่านั้นให้ตื่นขึ้น ทว่า ไป๋ชิงเหยียนห้ามไว้ยิ้มๆ

เหล่าทหารทำสงครามกันมาทั้งวัน สงครามจบต้องเก็บกวาดสถานที่ต่อโดยไม่ได้หยุดพัก พวกเขาคงเหนื่อยมากดังนั้นควรปล่อยให้พวกเขาพักผ่อนอย่างเต็มที่

กว่าจะสำรวจความเรียบร้อยของค่ายทหารเสร็จก็ดึกมากแล้ว ไป๋ชิงอวี๋สงสารพี่สาวของตัวเอง “พี่หญิงกำลังตั้งครรภ์อยู่จะอดนอนเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะขอรับ มันไม่เป็นผลดีต่อเด็กในท้องขอรับ วันหน้าเรื่องสำรวจค่ายทหารปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้ากับเสี่ยวซื่อเถิดขอรับ”

“มิเป็นอันใดพี่แข็งแรงดี ลูกในท้องก็เป็นเด็กดีมาก…” ไป๋ชิงเหยียนลูบหน้าท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

“ร่างกายพี่หญิงใหญ่อ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เด็กคนนี้ถือเป็นของขวัญสำหรับพวกเราทุกคนในตระกูลไป๋ ถึงแม้เขาจะเป็นเด็กดี ทว่า พี่หญิงใหญ่ก็ไม่ควรละเลยตัวเอง ควรพักผ่อนให้มากๆ เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อมองท้องของไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาเป็นกังวล “พี่หญิงใหญ่ต้องดูแลหลานชายหรือหลานสาวของข้าให้ดีนะเจ้าคะ”

ไป๋จิ่นจื้อกล่าวจบจึงหันเอ่ยถามไป๋ชิงอวี๋อย่างประหลาดใจ “พี่ชายห้า ข้ารู้สึกว่าท้องของพี่หญิงใหญ่โตเร็วกว่าที่ควรเป็น เป็นไปได้หรือไม่เจ้าคะว่าในนั้นจะมีเด็กถึงสองคน!”

ไป๋จิ่นจื้อไม่รู้ว่าอายุครรภ์ของไป๋ชิงเหยียนมากกว่าที่ประกาศให้คนภายนอกรับรู้หนึ่งเดือน ทว่า ไป๋ชิงอวี๋รู้ดี ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นพลางปัดมือไป๋จิ่นจื้อที่กำลังเอื้อมไปลูบท้องของพี่หญิงออก “อย่าลูบท้องของพี่หญิงซี้ซั้วเช่นนี้ ไม่ว่าจะหนึ่งคนหรือสองคนก็ล้วนเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้ตระกูลไป๋ของเราทั้งสิ้น”

ไป๋จิ่นจื้อหัวเราะออกมาน้อยๆ จากนั้นพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

เสิ่นชิงจู๋ประคองไป๋ชิงเหยียนกลับไปยังห้องนอน ไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นจื้อย้อนเดินกลับไปตามระเบียงทางเดิน ไป๋ชิงอวี๋มอบอั่งเปาให้ไป๋จิ่นจื้อเช่นเดียวกัน น้ำเสียงแหบพร่าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเอ็นดู

“โตขึ้นอีกปีแล้ว ต่อไปจงรอบคอบให้มากกว่าเดิมนะ”

แสงสีแดงนวลจากโคมไฟส่องกระทบใบหน้างดงามของไป๋จิ่นจื้อ สาวน้อยเงยหน้ามองพี่ชายห้าของตัวเอง จากนั้นคลี่ยิ้มกว้างราวกับพระจันทร์ออกมา “ขอบพระคุณเจ้าค่ะพี่ชายห้า!”

ศิษย์ของจอมเวทย์แห่งเทียนเฟิ่งที่ร่างเต็มไปด้วยเลือดนั่งอยู่ในคุกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้น เขาเจ็บปวดจนร่างทั้งร่างแทบไม่มีความรู้สึกอันใดแล้ว เขาได้แต่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปที่ใดทั้งสิ้น เส้นผมของเขามีแต่เศษเลือดที่แห้งกรังติดอยู่ ดวงตาของเขาขยับเล็กน้อย จากนั้นมองไปทางหิมะที่โปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง

ไม่ใช่ว่าเขาไม่จงรักภักดีต่อเทียนเฟิ่ง ทว่า วิธีทรมานนักโทษของต้าโจวโหดร้ายเกินไป เขาไม่เคยพบวิธีการทรมานคนเช่นนี้มาก่อน ไม่สู้แทงเขาให้ตายด้วยดาบเดียวไปเลยดีกว่า

ทว่า สิ่งที่เขาบอกออกไปล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อต้าโจวแต่ไม่มีผลกระทบร้ายแรงต่อเทียนเฟิ่งทั้งสิ้น ยกเว้นเรื่องหยกจักจั่นเพียงเรื่องเดียวที่เขาทนทรมานไม่ไหวจึงจำต้องสารภาพออกไป…

ทว่า ตอนนี้เขาไม่โดนทรมานแล้ว เมื่อนึกย้อนไปศิษย์คนโตของจอมเวทย์จึงตระหนักได้ว่าสำหรับแคว้นเทียนเฟิ่งแล้ว…ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหยกจักจั่นชิ้นนั้น! เขาบอกเรื่องนี้ให้ต้าโจวรับรู้ไปแล้ว เขาไม่รู้จะมีหน้ากับไปพบจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งของเขาได้อย่างไรจริงๆ

เขาคือลูกศิษย์คนโตของจอมเวทย์แห่งแคว้นเทียนเฟิ่ง วันหน้าเขาจะกลายเป็นจอมเวทย์คนต่อไปของแคว้น เขาเรียนรู้การติดต่อกับเทพเจ้าตั้งแต่เล็ก ทว่า เขาไม่เคยเรียนรู้วิธีการอดทนต่อการทรมานที่โหดร้ายเช่นนี้มาก่อน

แม้เขาจะรู้สึกผิด รู้สึกละอายใจต่อจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่ง ทว่า เขาจนปัญญาแล้วจริงๆ

ขณะที่ศิษย์ของจอมเวทย์กำลังจะสลบไปเขาได้ยินเสียงเปิดประตูกรงขังดังขึ้น

เขาถูกทหารต้าโจวสองคนแบกร่างขึ้น สมองของเขามึนงงไปหมด ไม่รู้ว่าการทรมานเช่นไรกำลังรอเขาอยู่ เขาอยากบอกต้าโจวว่าเขาไม่มีเรื่องอันใดจะสารภาพกับต้าโจวอีกแล้ว ทว่า ตอนนี้เขาไม่สามารถแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นได้

“ฝ่าบาท! คนมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ศิษย์ของจอมเวทย์เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากทันทีที่ได้ยินเสียง เขาเหมือนจะเห็นไป๋ชิงเหยียนนั่งถือเตาอุ่นมืออยู่บนเก้าอี้ในห้องสอบสวนพลางมองตรงมาที่เขาอย่างเลือนลาง