บทที่ 1144 เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรภาพ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1144 เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรภาพ

บทที่ 1144 เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรภาพ

ซูโส่วเวินนึกได้ก็เอ่ยเตือนซูเสี่ยวเถียน

ด้วยระดับของปู่รอง เขาสามารถคุยกับคนอื่นได้โดยตรง

หากได้รับการสนับสนุนจากเบื้องบน จะทำการอะไรย่อมง่ายกว่ามาก

ซึ่งคนที่บ้านเราไม่เคยให้ต่งหยวนจงช่วยเรื่องส่วนตัวเลย

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องธุรกิจของบ้านเรา จึงไม่ใช่เรื่องผิด

ในฐานะพี่ใหญ่ เขาหวังว่าการเดินทางของน้องจะราบรื่นแทนที่จะต้องมารับมือกับความยากลำบากระหว่างทาง

น่าเสียดายที่ความสามารถของเขามีจำกัด หลาย ๆ เรื่องจึงช่วยไม่ได้

ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้า “รอบคอบมากค่ะ อีกสองสามวันเดี๋ยวหนูจะไปบอกให้ปู่รองฟังค่ะ”

ต่งหยวนจงไม่ได้จัดการเรื่องการศึกษาหรอก แต่เขาเป็นคนที่มีความรักที่ยิ่งใหญ่ ถ้ารู้เรื่องจะต้องช่วยได้แน่

หลังจากพูดคุย ทั้งสองก็กินข้าวเสร็จ

ซูเสี่ยวเถียนกลับสำนักงานทันที

เธอมีหอพักที่กระทรวงการต่างประเทศด้วย จะได้พักผ่อนได้เลยโดยที่ไม่ต้องกลับบ้านหากทำงานล่วงเวลา

แต่เธอไม่ค่อยได้ไปหรอก แม้แต่พักเที่ยงก็ไม่ได้ไป

เธออ่านหนังสือเพลิน ๆ เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เหลืออีกสิบนาทีก่อนเริ่มงาน ถังผิงก็กลับมาแล้ว

ในมือเธอถือถุงอยู่ด้วย

ซูเสี่ยวเถียนเงยหน้ามองเงียบ ๆ

แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือเจ้าตัวไม่ได้กลับโต๊ะ แต่มาหาเธอแทน

เด็กสาวเงยหน้ามองด้วยความสงสัย

จากนั้นอีกฝ่ายก็วางถุงลง แล้วเปิดให้ดู

ข้างในมีส้มและแอปเปิลจำนวนหนึ่ง

ฤดูกาลนี้ผลไม้ทั้งสองชนิดเป็นสินค้าหายาก เธอประหลาดใจมากว่าถังผิงไปซื้อมาได้ยังไง

แถมดูคุณภาพดีด้วย

เจ้าตัวหยิบออกมาวางบนโต๊ะ

ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้พูดอะไร ใช้แววตากลมโตมองเฉย ๆ

ไม่เข้าใจว่าถังผิงจะสื่ออะไร

คนโดนมองรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา

“อันนี้เป็นส้มและแอปเปิลที่ฉันเพิ่งซื้อมาให้เธอจากข้างนอกน่ะ”

“แล้วทำไมหรือ?” เธอไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาดี

เพราะคนคนนี้ไม่ได้ทำดีกับเธอตั้งแต่แรก

“ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจเธอผิด คิดว่าเธอใช้เส้นสายเข้ามาทำงาน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าผิดไปเอง เธอใช้ความสามารถเข้ามาจริง ๆ ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วยนะ!”

ถังผิงเป็นคนเปิดกว้าง ในเมื่อตั้งใจขอโทษแล้วจึงไม่รีรอเอ่ยทันที

เจ้าตัวถึงกับโค้งคำนับแสดงการขอโทษด้วยความจริงใจ

เด็กสาวได้ยินเช่นนั้นก็ชื่นชมเพื่อนมากขึ้น ก่อนเข้าไปจับให้เธอเงยหน้าขึ้น

ผู้หญิงคนนี้ถือว่าเป็นคนดีมากนะ รู้จักข้อผิดพลาดของตัวเอง และรู้จักแก้ไขด้วย

“ได้สิ ฉันยกโทษให้เธอ!”

แม้จะขอโทษแล้วแต่ยังคงไม่สบายใจ กลัวว่าซูเสี่ยวเถียนอาจพูดอะไรไม่น่าฟังออกมา

ถึงจะยังเด็กแต่หลักแหลมไม่น้อย

แล้วครั้งนี้เธอก็ผิดด้วย

ทว่าไม่นึกเลยว่าเพื่อนจะให้อภัยตรง ๆ

ตอนนี้เลยได้แต่รู้สึกไม่อยากเชื่ออยู่

“จริงหรือ? ยกโทษให้ฉันหรือ?”

ซูเสี่ยวเถียนหัวเราะ

“ฉันจะไม่ยกโทษให้เธอเว้นแต่จะเลี้ยงส้มและแอปเปิลฉันนะ!”

พูดได้แบบนั้นก็หยิบมันแล้วโยนไปมา

ถังผิงเข้าใจดี เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“ได้เลย ฉันจะเลี้ยงเธอเยอะ ๆ เลยนะ!”

สองสาวยิ้มให้กัน ความเป็นปรปักษ์ได้เปลี่ยนเป็นมิตรภาพ

ความรู้สึกของพวกสาว ๆ ก็แปลกแบบนี้แหละ

ความตึงเครียดในตอนแรกได้รับการแก้ไขแล้ว

เมื่อลู่เซวียนและเยี่ยไคอวี่เดินเข้ามาก็เห็นทั้งสองเฮฮากันอยู่ เหมือนสนิทกันมานาน

ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกว่าสิ่งที่เคยเข้าใจล้วนแต่ผิดไปหมด

เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้นี่นา?

แล้วทำไมความแค้นถึงหายไปแล้วล่ะ?

ความคิดของสาว ๆ คาดไม่ได้เลยจริง ๆ

ถ้าซูเสี่ยวเถียนรู้ว่าอีกสองคนที่เหลือคิดอะไรคงบอกว่า ‘อย่าเดาเลยว่าสาว ๆ คิดอะไร ต่อให้เดาได้ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี’

เยี่ยไคอวี่มองซูเสี่ยวเถียนด้วยความรู้สึกแปลก ๆ แต่สุดท้ายบรรยากาศมันก็ดีขึ้นมาก

ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของซูเสี่ยวเถียนดำเนินไปอย่างราบรื่น

นอกจากทำงานก็ยังได้พูดคุยกับเพื่อนฝูงด้วย

เมื่อได้ติดต่อกันทุกวัน พวกถังผิงได้รู้ว่าซูเสี่ยวเถียนเป็นสมบัติล้ำค่าจริง ๆ เก่งกว่าที่รู้เสียอีก

แม้เราเรียนภาษาต่างประเทศ แต่ถ้าเทียบระดับความมืออาชีพแล้วก็ไม่ได้ต่างจากเธอเท่าไร

อย่าพูดถึงเรื่องภาษาต่างประเทศที่เราถนัดเลย เชี่ยวชาญน้อยกว่าซูเสี่ยวเถียนเยอะ

เป็นผลให้เจ้าตัวไม่ได้รับแค่มิตรภาพจากพวกถังผิงเท่านั้น แต่ยังได้รับความชื่นชมด้วย

ไม่นานก็ถึงปลายเดือนเมษายน ซูเสี่ยวเถียนทำงานมาสองเดือนแล้ว

สองเดือนนี้นอกจากแปลงาน เธอทำหน้าที่เป็นล่ามต้อนรับแขกต่างชาติด้วย

มันส่งผลก่อนการฝึกฝนมาก พูดได้เลยว่าทำให้เธอก้าวกระโดดขึ้นมาแล้ว!

แม้คนในกระทรวงการต่างประเทศจะอิจฉาที่อีกฝ่ายมีโอกาสให้ฝึกฝนก็ตาม

แต่จะไปทำอะไรได้ล่ะ?

ใครใช้ให้เราเก่งน้อยกัน?

บางคนรู้แค่สองภาษา มากสุดก็สามหรือสี่เท่านั้น เมื่อก่อนถือว่าเป็นคนระดับสูงเลยนะ

แค่ซูเสี่ยวเถียนคนเดียวก็แทนได้หลายคนเลย

ตอนนี้ทุกคนแทบจะรู้หมดแล้วว่าเด็กสาวเก่งหลายภาษา

ตอนเข้ามาทำงาน ที่เขียนในประวัติส่วนตัวว่าเชี่ยวชาญหลายภาษา ไม่ใช่เขียนไปง้ัน ๆ นะ เธอเขียนจริง

แล้วที่เขียนว่าเก่งหลายภาษาคือหลายจริง มากถึงเก้าเลยละ

แทบจินตนาการไม่ได้เลย

ได้แต่นึกสงสัยว่าเธอเริ่มเรียนตั้งแต่กินข้าวได้เลยหรือเปล่า!

“เสี่ยวเถียน หลังวันที่หนึ่งพฤษภาคมจะมีคณะผู้แทนชาวเยอรมันเดินทางมาเยือนนะ ทางผู้นำได้จัดเตรียมให้เธอเข้าร่วมการต้อนรับครั้งนี้ด้วย”

——————————————