บทที่ 1162+1163 ชักนำให้ทำผิด/ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา(1)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1162+1163 ชักนำให้ทำผิด/ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา(1)

บทที่ 1162 ชักนำให้ทำผิด

หลังจากที่เกาซื่อพาเกาเหลียนจือกลับมาถึงบ้าน นางก็มีความสุขมากและขอให้เกาเหลียนจือเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นตนเองก็ไปที่ครัวเพื่อต้มน้ำขิงหนึ่งถ้วย นำน้ำร้อนมาให้และให้เกาเหลียนจืออาบน้ำร้อน หลังจากที่เกาเหลียนจือไปอาบน้ำแล้ว เกาซื่อก็กลับไปที่ห้องอย่างพึงพอใจ และบอกหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเกี่ยวกับเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงรู้ว่า ภายในหนึ่งวัน เกาเหลียนจือได้พบกับกู้หนิงอันถึงสองครั้งโดยบังเอิญ และกู้หนิงอันกลายเป็นผู้ช่วยเหลือเกาเหลียนจือ

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงได้ยินก็ตบต้นขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น “ดี ๆ ตราบใดที่กู้หนิงอันคนนั้นชอบเหลียนจือ เรื่องนี้ก็คงจะง่ายขึ้น”

“ถูกต้อง ตราบใดที่เด็กทั้งสองคนชอบพอกัน ปีหน้าเหลียนจือก็จะถึงวัยปักปิ่น และพวกเขาก็จะได้แต่งงานกัน” เกาซื่อกล่าวอย่างร่าเริง

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้วาดฝันว่า ถ้าเกาเหลียนจือแต่งงานเข้าตระกูลกู้ ตระกูลเหลียงของพวกเขาก็จะถูกยกระดับขึ้น

น่าเสียดายที่ตระกูลเหลียงของพวกเขาไม่มีลูกสาว ไม่อย่างนั้นจะมีใครมาแย่งชิงตระกูลกู้ที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร

เมื่อเกาซื่อคิดเรื่องนี้ หัวใจก็ยังมีความรู้สึกโกรธเคืองเล็กน้อย นางเอาแต่โทษว่าลูกสะใภ้ทำให้นางผิดหวัง แต่งงานมาตั้งหลายปี แต่กลับให้กำเนิดต้าเปามาเพียงคนเดียว

ยิ่งเกาซื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร พลันรู้สึกเศร้าใจมากยิ่งขึ้น เหมือนเนื้อดีชิ้นหนึ่งที่นางกินเองไม่ได้ และต้องปล่อยให้คนอื่นกินไปโดยเปล่าประโยชน์

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดีคือ ผู้ที่นางยอมสละเนื้อให้ไป อย่างน้อยก็เป็นพี่ชายของนางเอง ตามคำกล่าวที่ว่า เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน อย่างน้อยก็ยังเป็นญาติกัน นางจึงโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงและเกาซื่อหัวเราะด้วยความสุขอยู่เป็นเวลานาน รู้สึกอิ่มเอมใจ หากแต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้

“สามี กู้เสี่ยวหวานเป็นคนที่มีอำนาจ เกรงว่าถ้านางรู้ความตั้งใจของข้า นางจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เราต้องคิดหาวิธีที่ดีในการทำให้ตระกูลกู้ไม่อาจขัดขืนได้” แม้ว่าจะต้องการให้แต่งงานกัน แต่ทั้งกู้หนิงอันและเกาเหลียนจือก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ นอกจากนี้ ด้วยสถานะปัจจุบันของตระกูลกู้ หากแต่งงานกับเกาเหลียนจือเป็นภรรยาคนแรก เกรงว่าแม้แต่สมาชิกของตระกูลกู้ก็จะไม่เห็นด้วย

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงและเกาซื่อครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะหาทางออกที่ดีได้ และพวกเขาทำได้แค่รอเวลาเท่านั้น

เพื่อไม่ให้กู้เสี่ยวหวานเกิดความสงสัย เกาซื่อจึงอดทนเป็นเวลานานและไม่ได้พาเกาเหลียนจือออกไปไหน และเพื่อไม่ให้เกาเหลียนจือเกิดความสงสัย ดังนั้นตนเองจึงอยู่บ้านพูดคุยกับเกาเหลียนจือ และปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กู้เสี่ยวหวานได้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลเหลียงในหมู่บ้าน เมื่อได้ยินว่าเกาซื่อและเกาเหลียนจือไม่ได้ออกไปที่ไหน กู้เสี่ยวหวานจึงผ่อนปรนความระมัดระวังโดยคิดว่านางอาจจะคิดมากเกินไป

ดังนั้นนางจึงคลายความระมัดระวังที่มีต่อตระกูลเหลียง

กู้หนิงอันคุ้นเคยกับการอ่านหนังสือข้างลำธาร ในตอนเช้ามีลมพัดเย็นสบาย และสายน้ำในลำธารก็ไหลอย่างไม่มีสิ้นสุด สายน้ำไหลไปข้างหน้า ในป่ามีเสียงนกขับขานอย่างไพเราะ

….

บทที่ 1163 ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา (1)

หลังจากไม่ได้อ่านหนังสือริมลำธารเป็นเวลาหลายวัน กู้หนิงอันจึงคิดถึงความเงียบสงบบริเวณลำธาร

รุ่งสางของวันที่สอง หลังจากทานอาหารเช้าที่บ้านแล้ว กู้หนิงอันก็หยิบหนังสือตั้งใจจะไปอ่านหนังสือที่ริมลำธาร

เขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ามีคนสะกดรอยตามตนเองตลอดเวลา เมื่อเห็นกู้หนิงอันหยุดอยู่ที่ลำธาร คนคนนั้นก็ยิ้มที่มุมปากแล้ววิ่งกลับบ้านโดยไม่หันกลับมามอง

สองสามวันนี้ เกาเหลียนจืออยู่บ้านอย่างสบาย ๆ พูดคุย เดินเล่น และทำอาหารกับเกาซื่อ ทำให้วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ยามที่อยู่คนเดียว หัวใจพลันคิดถึงช่วงเวลาที่นางใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน นางอยากให้เหลียงต้าเปารีบกลับมา เพื่อที่ตนเองจะได้รีบกลับบ้านเสียที

นางรู้ได้อย่างไรว่าไม่เพียงแต่นางที่กังวล แต่แม้แต่ท่านอาและท่านอาเขยของนางก็กังวลเช่นกัน

วันนี้ตอนที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้า เกาซื่อรีบปรี่เข้ามาปลุกนางด้วยความตื่นเต้น “เหลียนจื่อ ลุกขึ้นเร็วเข้า ออกไปกับข้า”

เกาเหลียนจือเพิ่งผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ “เหลียนจือ ข้ากำลังจะออกไปซักผ้า เสื้อผ้ากองพะเนินมาหลายวัน เจ้าออกไปกับข้าเถอะ เราสองคนมาช่วยกันซักผ้าจะได้เสร็จไว ๆ”

ทันทีที่ได้ยินว่านางกำลังจะออกไปซักผ้า เกาเหลียนจือก็ตอบตกลงทันที

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ นางก็รีบเดินตามเกาซื่อออกจากบ้านโดยไม่ได้กินอะไรเลย

เนื่องจากเกาเหลียนจือออกจากบ้านในวันนั้นเพียงวันเดียว นางจึงไม่รู้ว่าเกาซื่อจะพานางไปที่ใด แต่รู้สึกว่าเส้นทางเริ่มคดเคี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเส้นทางที่ไปลำธารในวันนั้น

เกาเหลียนจือรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของเกาซื่อ นางก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา เกาซื่อยังคงจับแขนของนางไว้แน่นราวกับกลัวว่านางจะหนีไป เด็กสาวมองไปที่เกาซื่อด้วยความกลัวและไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงก้มหน้าลงและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

เกาซื่อถืออ่างไม้ไว้ในมือ และมืออีกข้างหนึ่งจับแขนของเกาเหลียนจือไว้ ทั้งสองก้าวเท้าอย่างเร่งรีบราวกับว่ากำลังจะไปทำธุระสำคัญ หาใช่ไปซักผ้า

เกาเหลียนจืองงงวย แต่ก็ยังไม่กล้าถามออกมา

เมื่อมาถึงลำธาร เกาซื่อก็เลือกสถานที่เหมาะ ๆ และพาเกาเหลียนจือนั่งลงซักผ้า

เกาเหลียนจือไม่เคยซักผ้าที่บ้านมาก่อน และนางไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

แต่เพื่อเอาใจท่านอาคนนี้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเลียนแบบวิธีที่ท่านแม่ซักเสื้อผ้า ดังนั้นจึงหยิบเสื้อผ้าออกมาแช่น้ำ

เกาซื่อไม่ได้ตั้งใจมาซักผ้า หลังจากที่นั่งลงก็ยังไม่ได้เริ่มซักผ้าเลยทันที ดวงตาคู่นั้นกำลังสอดส่องไปมาราวกับว่ากำลังมองหาอะไรบางอย่าง

เกาเหลียนจือก้มศีรษะของนางและซักเสื้อผ้าในมือ จึงไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติของเกาซื่อ

ในตอนแรก เกาซื่อมีความกังวลเล็กน้อย และในที่สุดก็มองไปที่สถานที่หนึ่งด้วยดวงตาเป็นประกาย เมื่อรู้สึกตัวจึงเริ่มลงมือซักผ้า

และยังไม่ลืมที่จะบอกเกาเหลียนจือว่า “เหลียนจือ ตอนเจ้าอยู่บ้านไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน เจ้าดูสิ มือของเจ้าเหมาะกับการเป็นนายหญิงยิ่งนัก ดังนั้นอย่าทำลายมันเลย เจ้าเพียงแค่ดูและอยู่กับข้าก็พอ”

เกาเหลียนจือไม่รู้วิธีซักผ้า แต่นางก็ยังต้องการช่วยเหลือท่านอาคนนี้ หากแต่เกาซื่อไม่ยอมให้นางทำ สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมพ่ายแพ้ จากนั้นจึงเลือกสถานที่ที่สะอาด ๆ และนั่งลงพูดคุยกับเกาซื่อ