War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2479
ตอนที่ 2,479 : น่าสงสัย
“สำนึกเทวะนี่มัน…”
และแทบจะพร้อมกันกับที่หน้าคู่แฝดหนานกงเปลี่ยนสี คิ้วต้วนหลิงเทียนพลันโค้งขึ้นข้างหนึ่งด้วยสงสัย
เพราะเขาพบว่า
สำนึกเทวะที่พึ่งแผ่มาถึงนับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สมควรเป็นสำนึกเทวะขอตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ขึ้นไป
“เป็นสำนึกเทวะของเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ไม่ผิดแน่…”
ตอนนี้เองเค่อเอ๋อก็ช่วยยืนยันให้ต้วนหลิงเทียนมั่นใจ
“พี่เทียน…ให้ข้าทำลายสำนึกเทวะ หรือย้อนรอยสำนึกเทวะไปทุบตีมันดีหรือไม่?”
เค่อเอ๋อหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนเสียงเบา
“ไม่ต้องหรอก”
หลังจากรับทราบว่วาเจ้าของสำนึกเทวะขุมนี้เป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลงเล็กน้อย จากนั้นค่อยกล่าวออกมาเสียงเรียบ “ข้าเองก็อยากเห็นเหมือนกัน…ว่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่ไหนกล้าคิดเล่นงานคน 7 ทวาราเที่ยงแท้ของข้า”
ขณะกล่าวคำดังกล่าว สองตาที่หดหยีของต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายเยียบเย็นเรืองสว่างออกมาวูบหนึ่ง
“เอ่อ…”
เสียงคุยกันของเค่อเอ๋อกับต้วนหลิงเทียนแม้จะไม่ได้ดังอะไร แต่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบแบบนี้อย่าว่าแต่คู่แฝดหนานกง ทุกคนยังได้ยินกันชัดถนัดหู
เค่อเอ๋อสามารถกล่าวยืนยันให้ต้วนหลิงเทียนรับรู้ว่าเจ้าของสำนึกเทวะดังกล่าวเป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ได้ทันที ก็ทำให้พวกมันทั้งคู่ประหลาดใจมากแล้ว…
ทว่าหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนรับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์แต่ยังแลดูเฉยๆแบบนี้…ยิ่งทำให้พวกมันประหลาดใจมากยิ่งขึ้น…!!
เพราะดูจากท่าทีของต้วนหลิงเทียนแล้ว คล้ายไม่ได้เห็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อยู่ในสายตาเลย!
‘หรือเจ้าต้วนมัน…จะได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนไปแล้ว!?’
คู่แฝดหนานกงบังเกิดความคิดดังกล่าวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
และไฉนที่พวกมันถึงมีความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาก็เพราะว่า…
พวกมันรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนก้าวหน้าขึ้นจนไม่เห็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อยู่ในสายตาได้ในเวลาอันสั้น!
หลังจากมาถึงแดนลับต่างสวรรค์ จนได้พบพานผู้คนจากอีก 4 มหาระนาบโลกียะ ทั้งคู่ก็ได้รับทราบเรื่องราวมากมาย รวมไปถึงรับทราบเรื่องราวของฟงชิงหยางอีกด้วย!
ดังนั้นจึงรู้ว่า
ที่แท้บรรพชนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้อย่างฟงชิงหยาง สามารถเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ได้ กระทั่งมีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ล้วนเป็นเพราะได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียน!
“เอาล่ะพวกเจ้าเล่ามาเถอะ…ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เมื่อเห็นว่าทีท่าของคู่แฝดหนานกเริ่มเปลี่ยนไปเป็นผ่อนคลาย และความกังวลร้อนรนบนใบหน้าเริ่มจางหาย เขาก็ยิ้มถามออกมาในเวลาที่เหมาะสม
“ก็ไม่อะไรหรอก…”
หนานกงยี่ที่รู้สึกได้ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนมาแล้วแน่ๆ ถึงได้สงบแบบนี้ ก็เริ่มผ่อนคลายสบายใจ และเริ่มเล่าเรื่องราวออกมาพร้อมออกท่าทางประกอบอย่างคึกคัก
ที่แท้เมื่อไม่นานมานี้คู่แฝดหนานกงได้ไปชมดูการปะทะกันระหว่างเซียนอมตะเสเพล 2 กลุ่ม ในสมบัติสถานระดับโลก และรู้ว่าทั้งสองกลุม่กำลังต่อสู้ช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ชุดหนึ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกเหลือเชื่อก็คือ
ทั้ง 2 ฝ่ายพากันลงมืออย่างเอาเป็นเอาตาย จนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก สุดท้ายก็เหลือเพียงตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 2 ทัณฑ์ที่เป็นผู้นำของแต่ละฝ่ายเท่านั้น ที่สำคัญทั้งคู่ยังบาดเจ็บสาหัสนัก!
ตอนนี้เองที่หนานกงยี่บังเกิดขวัญกล้าเทียมฟ้า พุ่งไปฉกชิงยอดสมบัติชุดนั้นในสมบัติสถานระดับโลกมาได้ และยอดสมบัติสวรรค์ชุดที่ว่า ก็คือรองเท้าคู่หงส์มังกร!
“พวกเจ้านี่มัน…นับว่าโชคดีจริงๆ! ไม่เพียงแต่เป็นนกขมิ้นที่อยู่เบื้องหลังได้สำเร็จ กระทั่งได้เจอสมบัติสถานระดับโลกที่มียอดสมบัติสวรรค์เป็นคู่ชุดแบบนี้ พวกเราเองก็ผ่านสมบัติสถานระดับโลกมาไม่น้อย แต่ทุกที่ล้วนมีแต่ยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นเดียวเท่านั้น”
ได้ฟังหนานกงยี่เล่าเรื่องราวอย่างออกรส ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“ถึงจะโชคดีก็จริง แต่พวกเราเลยซวยอยู่นี่ไง…”
หนานกงยี่กล่าวออกด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “ถึงสถานการณ์ตอนนั้นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้ง 2จะอาการสาหัส แต่อาศัยพลังของพวกเราคู่แฝดไหนเลยจะเข่นฆ่าพวกมันได้…”
“แถมตอนนั้นพวกมันทั้งคู่ยังใช้ป้ายหยกสื่อสารกันรัวๆ จนกำลังเสริมของพวกมันอาจมาถึงได้ตลอดเวลา”
“ที่สำคัญเลยก็คือข้าได้ยินหนึ่งในนั้นมันกล่าวออกมาด้วยสีหน้าย่ามใจว่าสหายเซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์ในขุมกำลังเดียวกับมันก็อยู่ไม่ไกลแถวนี้ พวกเราพี่น้องเลยรีบวิ่งหน้าตั้งหมายหนีกลับระนาบเซียนแบบนี้นี่ไง…”
“หลังจากนั้นก็อย่างที่เห็นน่ะล่ะ…”
เล่าจบหนานกงยี่ก็อดไม่ได้ที่จะยักไหล่ผายมือออกมาพลางถอนหายใจ
“เอาล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ค่อยยิ้มบางๆกล่าวสืบต่อว่า “ยังไงข้าก็ต้องขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าด้วย แต่ละคนได้รับยอดสมบัติสวรรค์มาแบบนี้…ที่สำคัญยังเป็นยอดสมบัติสวรรค์ประเภทชุดอีกด้วย”
ยอดสมบัติสวรรค์ประเภทชุดส่วมใส่นั้น ยากจะหลอมสร้างขึ้นมาได้โดยง่าย ยังมีมูลค่าสูงกว่ายอดสมบัติสวรรค์ประเภทอาวุธเสียอีก…
เรื่องนี้ผู้เฒ่าหั่ว อันเป็นอีกาทองคำ 3 จา ได้เล่าให้เขาฟังด้วยตัวเอง
ตอนนั้นผู้เฒ่าหั่วยังเหล่าเรื่องยอดสมบัติสวรรค์นานาชนิดที่มีใน อวี้หวงเทียน ให้เขาฟัง…
อย่างไรก็ตามในบรรดายอดสมบัติสวรรค์ที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนประทับใจที่สุดก็คงไม่พ้น ‘วงล้อเพลิง’แสนเท่ที่เท้าของนาจา บุตรชายแม่ทัพสวรรค์หลี่จิ้งในตำนานโบราณเมื่อชาติที่แล้วของเขา!
“เจ้ายังจะมัวมาแสดงความยินดีอะไรล่ะ มาจัดการปัญหาตอนนี้กันก่อนเถอะ…สำนึกเทวะของเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์นั่นมันพบแล้วว่าพวกเราอยู่ตรงนี้”
หนานกงยี่กล่าวออกด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก…อาศัยแค่เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ ไม่มีวันชิงยอดสมบัติสวรรค์ของพวกเจ้าใต้จมูกข้าได้แน่นอน!”
ขณะกล่าววาจาประโยคนี้ออกมาทีท่าต้วนหลิงเทียนแลดูสงบนัก กระทั่งน้ำเสียงยังฉษยชัดถึงความมั่นใจถึงที่สุด
“สารเลวน้อยน่าตาย!”
เสียงต้วนหลิงเทียนกล่าวไม่ทันได้จบคำดี พลันมีเสียงสนั่นดังปานฟ้าร้องกึกก้องมาจากทิศทางที่คู่แฝดหนานกงเพิ่งเหินจากมา พาลให้สีหน้าคู่แฝดหนานกงเปลี่ยนไปทันที
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะแลดูมั่นใจมาก
อย่างไรก็ตามสำหรับคู่แฝดหนานกงแล้ว ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์เป็นดั่งตัวตนอันไร้เทียมทาน!
ดังนั้นแล้วพอรู้ว่าถูกอีกฝ่ายไล่ตามมาทันสีหน้าจึงอดเปลี่ยนไปไม่ได้
ซู่มม!!
เสียงแหวกสายลมหนึ่งดังขึ้นอย่างแรง ก่อนที่จะปรากฏร่างหนึ่งวูบมาด้วยความเร็วปานภูตผี
ร่างดังกล่าว ขณะที่เหินมามีเพียงเค่อเอ๋อกับต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่มองเห็นได้ชัดถนัดตา
มันเป็นชายชราร่างบึกบึนมาในชุดรัดรูปสีแดง ด้วยผ้าคลุมที่โบกสะบัดกลางแผ่นหลังของมันทำให้ยามเหินร่างลัดฟ้ามาด้วยความเร็วมองไปคนยังคล้ายเปลวเพลิงอยู่บ้าง และด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดของมันทำให้ไอพลังที่แผ่ออกยังร้อนแรงราวกับจะผลาญเผาได้ทุกสิ่ง…
เรียกว่ากลิ่นอายพลังของชายชราผู้นี้ไม่ใช่ชั่วเลยทีเดียว แม้จะจับมันไปวางไว้ในบรรดาเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ก็นับได้ว่ามันเป็นชนชั้นยอดฝีมือคนหนึ่ง
‘กลิ่นอายพลังของชายชราผู้นี้…เทียบกับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อันดับ 1 ของระนาบโหมหลัวที่ข้าฆ่าทิ้งไป ก็ถือว่าไม่ได้ด้อยกว่ากันมากนัก’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจึงประเมินได้ทันที
ว่าพลังของชายชราในชุดแดงคนนี้ เพียงอ่อนด้อยกว่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อันดับ 1 ของระนาบโหมหลัวแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ฟุ่บ!
มองไปประหนึ่งว่าวสีเพลิงตกฟ้า เป็นชายชราในชุดแดงเพลิงดังกล่าว พุ่งลงฟากฟ้ามาหยุดลอยเหนือต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆด้วยความเร็วสูง และตอนนี้ทั่วร่างของมันก็แผ่ไอพลังดุร้ายจนชุดแดงของมันกระพือสะบัดปานเพลิงไฟ!
เรียกว่ามองไปคนคล้ายมีไฟลุกท่วม เพียงแค่ไม่ถูกไฟดังกล่าวผลาญเผาเท่านั้น!
“สารเลวน่าตายเจ้าคนนี้…ข้าอยากรู้นักว่าอาศัยเจ้าที่เป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ ถือดีอันใดถึงได้กล้าพูดว่าข้าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ไม่มีวันช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์จากสารเลวน้อยน่าตาย 2 ตัวนั่นใต้จมูกเจ้าได้”
ชายชราในชุดแดงผู้มีใบหน้าแลดูราวกับเทพเซียนมองจี้ไปยังต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวถามออกมาด้วยวาจาเสียงเหี้ยม ด้วยไอพลังที่ดั่งเปลวเพลิงของมัน เสมือนทำให้บรรยากาศคล้ายร้อนขึ้นหลายองศา
“ทำไม? เจ้าดูถูกข้าที่เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะหรือ?”
เผชิญหน้ากับวาจาดุร้ายของชายชรา สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่แปรเปลี่ยน เพียงกล่าวถามออกไปเสียงเรียบเท่านั้น
‘หืม?’
ในฐานะเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ ชายชราในชุดแดงไหนเลยเป็นชนชั้นโง่เขลาได้ พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังแลดูไม่ยี่หระแม้จะเผชิญหน้ากับมัน ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความประหลาดใจขึ้น ‘ไอ้หนูนี่ไฉนมันถึงได้แลดูใจเย็นนัก’
‘มัน…อาศัยอะไรกันแน่?’
ชายในชุดแดงย่อมไม่อาจไม่แปลกใจ
‘หรือว่า…’
ไม่นานราวกับนึกอะไรได้ออก ทำให้ชายชราชุดแดงหยีตากล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกไปเสียงเข้มทันที “ไอ้หนู หรือเจ้าได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนของแดนลับต่างสวรรค์รอบนี้แล้ว?”
สาเหตุที่ไฉนชายชราชุดแดงนึกถึงเรื่องนี้ก่อนใดอื่นเป็นเพราะว่า…
เมื่อแสนปีที่แล้วตอนที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออกเปิดออกครั้งล่าสุด ผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนไป กลับมีพลังสามารถถึงขั้นเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ได้ ทั้งๆที่พลังฝึกปรือเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น!
เช่นนั้นแล้วภายในแดนลับต่างสวรรค์ที่เปิดออกครานี้ หากจะมีครึ่งก้าวเซียนอมตะคนใดที่ไม่หวาดกลัวมันผู้เป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ดำรงอยู่ ก็สมควรเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียน!!
“ฮึ่ม!”
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้พูดอะไร หนานกงยี่อดไม่ได้ที่จะสบถกล่าวออกไปเสียงเย็น “นับว่าเจ้ายังตาถึงไม่เบานี่ตาแก่! ถึงสามารถเดาได้ว่าต้วนหลิงเทียนสหายข้าได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียน…อ้อ แต่มีอีกเรื่องที่เจ้าคงยังไม่รู้เกี่ยวกับต้วนหลิงเทียนสหายข้า…ว่าสหายข้าคนนี้เป็นถึงผู้สืบทอดของท่านอาวุโสฟงชิงหยาง ที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนไปตอนที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออกครั้งที่แล้วด้วยนะ!!”
ซูว!
ได้ยินวาจาอวดโอ่ทั้งทีท่าถือดียักคิ้วหลิ่วตาอย่างไร้ความเกรงกลัวของหนานกงยี่ ชายชราชุดแดงถึงกับหน้าเปลี่ยนสีไปทันที!
ฟงชิงหยาง!
นั่นคือตัวตนที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียน ในครั้งล่าสุดที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก!
“เช่นนั้น…พวกเจ้าทุกคนมาจากระนาบเซียนงั้นหรือ!? หมายความว่าทางเข้าออกตรงนั้น ก็คือประตูมิติเชื่อมระหว่างแดนลับต่างสวรรค์กับระนาบเซียน?”
ตอนนี้ชายชราชุดแดงยังค้นพบหลุมดำที่อยู่ไม่ไกลอีกด้วย
“โฮ่! ไม่เลวนี่ตาแก่ เข้าใจอะไรไวดี!”
หนานกงยี่กอดอกเชิดหน้าขึ้น สายตาที่ใช้มองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่มันเป็นคนของระนาบเซียน
“ข้าไม่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียน…”
ทว่าอย่างไรก็ตามในช่วงเวลาสำคัญดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนกลับเอ่ยประโยคนี้ออกมา
และทันทีที่เขาพูดคำนี้ออกมา ทีท่าทั้งรอยยิ้มถือดีของหนานกงยี่พลันชักค้างเติ่ง กระทั่งสีหน้าของหนานกงเฉินยังอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ต้วนหลิงเทียนว่าอะไรนะ?
ไม่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนงั้นเหรอ?
“เจ้าไม่ได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียน?”
ชายชราในชุดแดงอดรู้สึกประหลาดใจไปไม่ได้กระทั่งบังเกิดความสงสัยลังเลไปพักหนึ่ง แต่สุดท้ายสองตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนของมันก็เริ่มทอประกายลุกวาวขึ้นมา…
“ทำไม? พอได้ยินว่าข้าไม่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนเข้าหน่อย…เจ้าเลยคิดว่าข้าไม่มีปัญญาจะหยุดเจ้าไม่ให้ฉกชิงยอดสมบัติสวรรค์จากสหายข้ารึไง?”
ต้วนหลิงเทียนที่เห็นท่าทีของชายชรา ก็สบตาอีกฝ่ายพลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ