บทที่ 1174+1175 ถูกคนควบคุม(2)/สูญเสียชื่อเสียงไปแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1174+1175 ถูกคนควบคุม(2)/สูญเสียชื่อเสียงไปแล้ว

บทที่ 1174 ถูกคนควบคุม (2)

ต่อให้กู้หนิงอันมีความกล้าหาญเต็มร้อย เขาก็จะไม่ทำเช่นนี้

เป้าหมายของเขาคือ การได้รับชื่อเสียงและให้ร่มเงาแก่ตระกูลกู้

เกาต้าผิงตะคอกอย่างเย็นชา “เจ้าจะยังปฏิเสธอยู่อีกหรือ เจ้ากอดเหลียนจือของข้าแล้ววางมือบนหลังนาง คิดว่าข้าตาบอดหรืออย่างไร”

ในเวลานั้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เกาเหลียนจือจึงล้มลงไปข้างหน้า และตกอยู่ในอ้อมแขนของกู้หนิงอัน

กู้หนิงอันไม่สามารถหลบได้ ดังนั้นเขาจึงใช้มือผลักนางออกไป แต่เกาต้าผิงและภรรยาของเขามาเห็นฉากนี้พอดี

“น้องสาว เจ้าพูดสิ ในเวลานั้นเจ้าอยู่ที่นั่น บอกพวกเขาไปว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่”เกาต้าผิงคำรามด้วยความโกรธ

เกาซื่อมองไปที่กู้หนิงอันและพูดอย่างเศร้าใจ “หนิงอัน เจ้าเป็นบัณฑิต เจ้าทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน”

ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยของเกาซื่อ จากนั้นเขาก็พูดในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย

ทันทีที่นางเปิดปาก ใบหน้าของกู้หนิงอันก็เปลี่ยนเป็นมืดมน “อย่าพูดไร้สาระ ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำ”

“หนิงอัน เจ้าบอกว่าเจ้ารักเหลียนจือ และตั้งแต่ครั้งแรกที่เจ้าพบนาง เจ้าก็ไม่สามารถลืมนางได้ เจ้ายังบอกอีกว่าเหลียนจือถูกลิขิตมาเพื่อเจ้า และบอกว่าพวกเจ้ามีโชคชะตาต่อกัน ไม่อย่างนั้นครั้งแรกที่พบกันทำไมเจ้าถึงเก็บผ้าเช็ดหน้านางได้ล่ะ ครั้งที่สองเจ้าถอดเสื้อคลุมและให้เหลียนจือคลุมไว้ทำไม ครั้งที่สามเจ้าอยู่ข้างลำธารและได้ช่วยนางอีกครั้ง ทั้งยังพูดว่าเจ้าตกหลุมรักเหลียนจือตั้งแต่แรกพบ และเจ้าจะไม่แต่งงานกับใครอื่นในชีวิตนี้ นี่คือสิ่งที่เจ้าพูด ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมรับ เจ้ายังบอกด้วยว่าเจ้าต้องการบอกพี่สาวของเจ้าว่าเจ้าต้องการหมั้นกับเหลียนจือ และเมื่อนางถึงวัยปักปิ่นจึงแต่งงานกัน เจ้าพูดมาทั้งหมดแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมรับ”

“ข้าไม่ได้พูด ข้าไม่ได้พูด ข้าไม่ได้พูด” กู้หนิงอันคำรามด้วยเสียงต่ำ

เขาเดินหน้าเพื่อโต้เถียงกับเกาซื่อ

กู้หนิงอันกำลังจะเสียสติ คำพูดแบบนั้น เขาไปพูดไว้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

ในขณะนี้ กู้หนิงอันรู้สึกตื่นตระหนก

เมื่อมองพี่น้องเกาซื่อที่วิตกกังวล และยังมีเกาเหลียนจือที่กลับไปแล้ว กู้หนิงอันก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกหลอก

รู้สึกเหมือนตัวเองถูกคนควบบคุม

ความรู้สึกรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเขากำลังจะจมลงในทะเลแห่งความสิ้นหวัง

“ท่านพี่ ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น ข้าไม่เคยพูดแบบนั้น ข้าไม่เคย ข้าไม่เคย” กู้หนิงอันกระตือรือร้นที่จะแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง และบอกว่าตนเองไม่เคยพูดครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่คำพูดของเกาซื่อคลุมเครือเกินกว่าจะไม่เชื่อได้

ที่บอกว่ากู้หนิงอันถอดเสื้อคลุมออกแล้วให้เกาเหลียนจือสวม นั่นคือความจริง

สายตาของคนกลุ่มหนึ่งเห็นแล้วจะหลอกลวงผู้คนได้อย่างไร

“ใช่แล้ว ในวันนั้นข้าเห็นกับตา เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองให้แม่นางเกาคลุมไว้โดยไม่ลังเล”

“ใช่ ๆๆ ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นเรือนร่างของแม่นางเกา ทำไมเขาถึงสนใจมากขนาดนั้น”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”

เมื่อกู้หนิงอันได้ยินความคิดเห็นของชาวบ้าน ก็พลันรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเย็นชาลงเรื่อย ๆ

ไม่แปลกใจเลยที่ครั้งนั้นพี่สาวบอกให้เขาอยู่ห่างจากลำธารเอาไว้ เป็นเพราะนางต้องรู้สึกถึงอันตรายบางอย่างแน่

…..

บทที่ 1175 สูญเสียชื่อเสียงไปแล้ว

กู้หนิงอันรู้สึกถึงความกลัวและความไร้อำนาจอย่างลึกซึ้ง และกู้เสี่ยวหวานก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้โดยธรรมชาติ

กู้เสี่ยวหวานมองเขาอย่างลึกซึ้งและรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นท่าทางแห่งชัยชนะในสายตาของพวกเขา เด็กสาวจ้องมองสองพี่น้องตระกูลเกาด้วยแววตาเรียบนิ่งและลอบเยาะเย้ยในใจ

เกาซื่อคนนี้พยายามทุกทางจริง ๆ

เมื่อเห็นว่าไม้อ่อนใช้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องใช้ไม้แข็ง

ต้องทำศึกใหญ่และใช้ชื่อเสียงของเด็กสาวเพื่อทำให้ตระกูลกู้ยอมจำนนหรือ?

หน้าหมู่บ้านเหลียงคนนี้มีพรสวรรค์จริง ๆ

แม้ว่าจะไม่เห็นวี่แววของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง แต่กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกได้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงต้องเป็นผู้บงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน

ไม่ผิดแน่… สวีซื่อพาเกาเหลียนจือไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงซ่อนตัวอยู่ที่บ้านตลอดเวลา และเมื่อเห็นสวีซื่อกลับมาพร้อมกับเกาเหลียนจือ และตัวของเกาเหลียนจือก็เปียกโชก หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงรู้สึกภูมิใจมาก

เรื่องนี้… เกรงว่าจะสำเร็จแล้ว

สวีซื่อใช้ความรวดเร็วในการแต่งตัวให้เกาเหลียนจือ โดยพยายามทำให้นางดูน่าสงสารที่สุด

เดิมทีนางจะพาเกาเหลียนจือออกไปหากู้หนิงอัน แต่สิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดนั้น ทำให้นางล้มเลิกแผนนี้อีกครั้ง

สวีซื่อและเกาเหลียนจือพูดคุยกันอยู่เป็นเวลานาน และในที่สุดนางก็ร้องไห้ออกมาเพื่อบังคับให้เกาเหลียนจือตอบตกลง

“เหลียนจือ ตอนนี้เจ้าถูกใครบางคนกอดแล้ว เจ้าจะต้องแต่งงานกับเขา” สวีซื่อพูดโน้มน้าวใจ

“ท่านแม่…” เกาเหลียนจือตัวสั่นสะท้าน นางจะต้องแต่งงานกับกู้หนิงอันอย่างนั้นหรือ?

เกาเหลียนจือส่ายหน้าอย่างรุนแรง “ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่ต้องการ”

เมื่อได้ยินว่าเกาเหลียนจือไม่ต้องการ ภาพลักษณ์ของแม่ผู้ใจดีของสวีซื่อก็กลายเป็นคนเหี้ยมโหดทันที “ถ้าเจ้าไม่ต้องการ แล้วเจ้าต้องการใคร ต้องการบัณฑิตผู้น่าสงสารคนนั้นหรือ”

“ท่านแม่ เขาชื่อถังซ่านจู่ เขามีชื่อ” เกาเหลียนจือกัดฟัน นางก้มศีรษะลงจนเกือบจะชิดหน้าอก

“ข้าไม่สนใจว่าเขาจะชื่ออะไร” เมื่อเห็นว่าเกาเหลียนจืออยู่ในหมู่บ้านอู๋ซีมานานแล้ว แต่ยังจำชื่อของถังซ่านจู่ได้ สวีซื่อก็ยิ่งโกรธมากขึ้น

เกาเหลียนจือคือคนที่พวกเขาต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูนางมามากว่าสิบปี ฉะนั้นความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลเกาล้วนถูกตรึงไว้ที่นาง แต่นางต้องการแต่งงานกับบัณฑิตที่ยากจนผู้นั้น แล้วเช่นนี้จะไม่เป็นการเสียเวลาเลี้ยงดูนางไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ

สวีซื่อจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

“เหลียนจือ ข้ากับพ่อของเจ้าทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับเจ้าตั้งแต่เจ้าเกิด และแม้แต่พี่ชายของเจ้าก็ไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของเจ้าเลยด้วยซ้ำ” สวีซื่อใช้ความรักของครอบครัวเป็นสิ่งโน้มน้าวใจ

สิ่งที่สวีซื่อพูดนั้นถูกต้อง หลังจากที่เกาเหลียนจือเกิดมา เกาต้าผิงและสวีซื่อก็ให้ความสนใจกับเกาเหลียนจือจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม ความสนใจนี้เปลี่ยนไปทุกปีตามอายุของเกาเหลียนจือและรูปร่างหน้าตาของนาง

ในท้ายที่สุด เมื่อเกาต้าผิงและสวีซื่อเห็นว่าลูกสาวคนนี้เติบโตขึ้นมาอย่างงดงามและไม่มีหญิงใดงามเทียบเทียมนางได้ เช่นนั้นพวกเขาจึงทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มีให้กับเกาเหลียนจือ

แต่เกาเหลียนจือไม่รู้…

อย่างไรก็ตาม หากนางรู้ว่าพ่อแม่และพี่ชายของนางใจดีกับนางเพราะหวังให้นางได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดีในอนาคต นางก็ไม่รู้ว่าจะรับได้หรือไม่

เกาเหลียนจือพยักหน้าด้วยน้ำตาคลอเบ้า

ท่านพ่อและท่านแม่พูดเรื่องการเลี้ยงดูนางอย่างดี เช่นนั้นนางก็ไม่มีอะไรจะแย้ง

คนอื่นต่างบอกว่าลูกชายสำคัญกว่า แต่ในตระกูลเกากลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงเพราะลูกสาวสำคัญกว่า

เกาเหลียนจือดูเหมือนจะเป็นคนที่สำคัญที่สุดในครอบครัวเมื่อเทียบกับพี่ชายทั้งสามคน

“ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านแม่กับท่านพ่อปฏิบัติต่อข้าอย่างดี” เกาเหลียนจือร้องห่มร้องไห้

แต่ทำไมท่านพ่อและท่านแม่ของนางถึงปฏิบัติกับนางไม่ดีเพราะเรื่องแต่งงาน?

ท่านพี่ถังเป็นคนดี เขามีความรู้และหล่อเหลา ในหมู่บ้านเขายังเป็นที่อิจฉาของทุกคน ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงกี่คนที่แอบชื่นชมเขา

นางมีคุณธรรมและมีความสามารถมากพอที่จะชนะใจท่านพี่ถัง แต่พ่อกับแม่ของนางกลับไม่เห็นด้วยกับการที่พวกนางจะอยู่ด้วยกัน

เกาเหลียนจือน้ำตาไหลออกมาเมื่อนางนึกถึงเรื่องนี้

เมื่อเห็นเกาเหลียนจือร้องไห้ สวีซื่อก็โหดเหี้ยมมากขึ้น “เหลียนจือ พ่อกับแม่หวังว่าคนที่เจ้าแต่งงานด้วยในอนาคตจะปฏิบัติต่อเจ้าเช่นเดียวกับพ่อแม่”

นี่คือสิ่งที่เกาเหลียนจือรอคอย

ท่านพี่ถังปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี สอนให้นางอ่านและเขียน เขาสอนหลายสิ่งหลายอย่างที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน

ท่านพี่ถังกล่าวว่า เขาจะปฏิบัติต่อนางเหมือนกับพ่อแม่ของนางในชีวิตนี้และปฏิบัติต่อนางเหมือนสมบัติล้ำค่า

เมื่อเกาเหลียนจือคิดเรื่องนี้ แก้มของนางก็แดงทันที “ท่านแม่ ตอนนั้นข้าบังเอิญตกลงไปในลำธาร และนายน้อยคนนั้นก็ช่วยข้าไว้ เขาไม่ได้เอาเปรียบข้าจริง ๆ”

เกาเหลียนจือไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของนางเสียหาย ท่านพี่ถังยังคงรอนางอยู่

เมื่อสวีซื่อได้ยินเช่นนี้ นางก็ขมวดคิ้ว “เหลียนจือ เจ้าเด็กโง่ วันนี้เจ้าถูกคนอื่นกอด เจ้ายังคิดว่าไม่เป็นอะไรอีกหรือ”

“ท่านแม่ เรื่องในตอนนั้นมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาเพียงต้องการช่วยข้า” น้ำเสียงของเกาเหลียนจือแข็งกร้าวเล็กน้อยและรู้สึกว่านางไม่สามารถทำร้ายกู้หนิงอันได้

เขาใจดีพอที่จะช่วยนาง และนางก็มีคนในใจของนาง หากเรื่องการถูกเอาเปรียบจากคนอื่นรู้ไปถึงหูของท่านพี่ถังล่ะก็ เขาคงจะต้องเสียใจมากเป็นแน่

เกาเหลียนจือรู้สึกเศร้าในทันที และหวังว่านางจะได้กลับบ้าน

สวีซื่อตกตะลึง

นางรู้สถานะของคนที่ช่วยชีวิตนางไว้หรือไม่?

พี่สาวของกู้หนิงอันเป็นถึงเสี้ยนจู่ระดับห้า และเขาได้เข้าเป็นบัณฑิตตั้งแต่อายุยังน้อย เขามีอนาคตที่สดใส เจ้าเข้าใจไหมว่าอนาคตที่สดใสคืออะไร?

ดีกว่านายน้อยถังคนนั้นที่อายุเกือบยี่สิบปีแล้ว และเขาไม่ใช่บัณฑิต เขาทำงานเป็นอาจารย์ในหมู่บ้านก็เท่านั้น

สวีซื่อกำลังจะระเบิด แต่นางไม่สามารถพูดกับเกาเหลียนจือได้

ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะเลี้ยงนางมามากว่าสิบปี หลอกลวงนางมามากว่าสิบปีและชื่อเสียงของพวกเขาก็แพร่กระจาย ดังนั้นจะทำลายมันได้อย่างไร

สวีซื่อเตือนว่า “เด็กโง่ นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าเจ้าจะได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ หากมีคนเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาจะบอกว่าเจ้าถูกกู้หนิงอันเอาเปรียบ และเจ้าก็สูญเสียความบริสุทธิ์และสูญเสียชื่อเสียงไปแล้ว”