บทที่ 1163 พบกันอีกครั้ง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1163 พบกันอีกครั้ง

ชุยถงหลานรู้สึกขมขื่นใจเหลือเกิน

โชคดีที่น้องสามีไม่ใช่คนตำหนิผู้อื่นโดยไม่ไตร่ตรอง ไม่อย่างนั้นชีวิตตนจบเห่แน่

“ถ้าอย่างนั้นเราให้ทั้งสองคนมาเจอกันดีไหมคะ? ถ้าสองคนนี้ชอบกันปัญหาอาจจะคลี่คลายก็ได้ค่ะ”

ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดี

“ถึงพี่จะห่วงเรื่องคู่ครองเฉิงเซวียนก็เถอะ แต่ญาติพี่เป็นพวกไม่ยอมแพ้เนี่ยสิ กลัวถึงคราวจริงจะจองล้างจองผลาญฝ่ายหญิงเอา!”

ชุยถงหลานยังเป็นกังวล

แม้รู้ว่านี่คือหนทางที่ดีที่สุด

แต่ญาติตนไม่ใช่พวกยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ด้วย หัวรั้นมากมาตั้งแต่เด็ก จะไม่ยอมจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ตั้งเป้าเอาไว้

“เดี๋ยวหนูเล่าให้เพื่อนฟังค่ะ ถ้าเขาไม่ติดใจอะไรค่อยว่ากัน”

เธอรู้ความสามารถของเพื่อนดี

ถึงจะเป็นพวกไม่สนใจอะไร แต่อ่านใจเก่งมาก

ชุยถงหลานไม่มีทางเลือกนอกจากตอบตกลง

แล้วช่วงหยุดสุดสัปดาห์ทั้งสองก็ได้พบกันที่หออีหมิง

เด็กสาวมีเวลาพักสามวัน แต่ไม่ได้พักจริง ๆ จัง ๆ หรอก ต้องกลับไปทำงานต่อทั้งที่ยังเขียนแผนการไม่เสร็จดีด้วยซ้ำ

คราวนี้คนในกระทรวงมีแต่จะอิจฉาและเคารพยกย่องซูเสี่ยวเถียนมากขึ้น

ทว่าไม่มีใครมีเจตนาร้ายใส่

ช่วยไม่ได้ ไม่ได้ยืนอยู่บนเส้นทางเดียวกัน การพุ่งเป้าเข้าหาก็ไร้ความหมาย

เหมือนกันชาวนาธรรมดา ๆ คนหนึ่ง อิจฉาเพื่อนบ้านที่เขาเก็บข้าวได้สามถึงห้าโต่ว*[1] รวมเป็นเงินหลายสิบหยวน แต่ไม่อิจฉาพวกคนรวยจริง ๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายพันลี้

ซูเสี่ยวเถียนเป็นพวกที่ไม่ว่าใครก็ไล่ตามไม่ทันทั้งนั้น

แน่นอนว่าใครจะไปแข่งด้วยล่ะ

ถ้าไม่มีงานต้อนรับคณะผู้แทน เราก็คงทำงานแปลกันอยู่

เดิมทีกระทรวงต่างประเทศไม่ได้รับหน้าที่นี้หรอก แต่หลายปีมานี้ขาดแคลนนักแปลมาก มีเอกสารสำคัญหลายอย่างเลยทำให้คนจากกระทรวงเราต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อจัดการให้เสร็จ

ทว่าซูเสี่ยวเถียนในตอนนี้ไม่คิดปิดบังความสามารถ ทำงานด้วยความเร็วสูง รับประกันความถูกต้องได้แน่

ตอนนี้เจ้าตัวพักอยู่ในหอของกระทรวง เพื่อประหยัดเวลาเดินทาง

ระยะทางไปกลับไม่ได้ใกล้กันเลย มากกว่าสองชั่วโมงแน่ะ

สำหรับซูเสี่ยวเถียนเอาเวลาตรงนั้นไปอ่านหนังสือและทำงานดีกว่า

เวลาว่างในตอนเย็น เธอก็เขียนแผนการต่อ

ไม่กี่วันต่อมาแผนงานก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ เธอมองมันด้วยความพึงพอใจ

ตั้งใจว่าจะกลับไปถามพี่สี่ดูเผื่อมีอะไรตกหล่นไป

พูดถึงพี่แกแล้ว เธออดทอดถอนใจไม่ได้ว่าบางคนเกิดมาเพื่อทำงานหาเงินโดยแท้

แล้วพี่สี่ก็เป็นคนประเภทนี้

เขามีพรสวรรค์ด้านธุรกิจอยู่แล้ว หลังจากเรียนจบออกมาก็ไม่มีใครเทียบได้สักคน

ขนาดเธอมีสูตรโกงในมือยังเทียบไม่ได้เลย

ระหว่างที่ทำงานหัวหมุน เด็กสาวไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับชุยถงหลาน

จ้าวหงเหมยกับกู้เฉิงเซวียนน่าจะคุยกันได้ เมื่อพิจารณาจากอะไรหลาย ๆ อย่างแล้ว เธอรู้สึกว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันไม่น้อย

ถ้ามีส่วนใดที่ไม่เหมาะก็คงเป็นพื้นเพบ้านฝ่ายหญิงแย่กว่าฝ่ายชายนิดหน่อยน่ะ แต่ไม่ได้แย่มากเกินไป

รู้จักมาเกือบสี่ปี เพื่อนไม่เคยพูดถึงที่บ้านให้ฟังเลย แต่เดาได้ว่าน่าจะฐานะดีพอสมควร

หลังจากโทรไปอธิบายให้ฟังสั้น ๆ ทั้งสองฝ่ายก็นัดหมายเจอกันที่หออีหมิงในตอนกลางวันของวันอาทิตย์

แม้จะตกลงกันว่าเป็นช่วงบ่าย แต่เพราะต้องเล่าเรื่องญาติพี่ถงหลานให้ฟัง เลยนัดล่วงหน้าก่อนสองชั่วโมง

สองสาวกินข้าวด้วยกัน จากนั้นก็เล่าเรื่องราวให้จ้าวหงเหมยฟังเสริมความมั่นใจ

เมื่อเช้าซูเสี่ยวเถียนมาที่ร้านกับผู้เป็นแม่

“หนูขึ้นไปพักหน่อยเถอะ ยุ่งทุกวันจนเท้าไม่ติดพื้นแล้ว หายากที่วันนี้จะได้พักนะ”

เหลียงซิ่วปวดใจกับลูกสาวเหลือเกิน

เด็กคนนี้ยุ่งเหมือนไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว ไอ้เราก็กลัวจะสุขภาพเสีย

ซูเสี่ยวเถียนเห็นลูกค้าไม่เยอะ คงไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรจึงขึ้นไปชั้นบน

แต่ไม่ได้ไปพักนะ ขึ้นไปอ่านหนังสือ

เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ

หัวข้อนี้ดีกว่าเล่มที่มีขายอยู่ในตลาดตอนนี้มาก

เธอตัดใจจะคัดลอกให้พี่สี่

ถ้าเขาถามก็บอกไปว่าเป็นฉบับภาษาต่างประเทศ เพิ่งแปลออกมาก็พอแล้ว

แต่มันมีจำนวนคำอยู่สี่แสนคำ การจะคัดลอกออกมาทีละคำไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หลังจากตั้งใจทำอยู่สองชั่วโมงกว่า จ้าวหงเหมยก็เดินทางมาถึง

สองสาวสนิทกัน คนบ้านเราต่างคุ้นเคยกันทั้งนั้น เลยบอกให้แขกขึ้นไปข้างบนได้เลย

“มาแล้วหรือ? กลางวันนี้อยากกินอะไร?”

“อะไรก็ได้ บะหมี่กับหมั่นโถวที่บ้านเธอทำอร่อยสุดแล้ว”

จ้าวหงเหมยยิ้มชม

ก่อนจะได้รับดวงตากลอกบนจากซูเสี่ยวเถียนแทน

“เธอก็ว่าไป บ้านเรามีบะหมี่แต่ไปเอาหมั่นโถวมาจากไหนก่อน?”

“หออีหมิงไม่มี แต่บ้านเธอมีไม่ใช่หรือ?” จ้าวหงเหมยไม่คิดว่าตัวเองจะพูดผิดตรงไหน

สุดท้ายเป็นเหลียงซิ่วที่ตัดสินใจให้เอง

ไม่ทันได้ตกลงกันเรียบร้อย พนักงานก็เอาอาหารที่สั่งขึ้นมาเสิร์ฟให้แล้ว

หม้อเนื้อตุ๋นปริมาณพอเหมาะ กับข้าวสองถ้วย

ใส่ทั้งเนื้อใส่ทั้งผัก เผ็ดจัดจ้าน สร้างกลิ่นหอมในปาก ทำเอาสองสาวดีใจยกใหญ่

หลังจากกินอิ่มซูเสี่ยวเถียนจึงเก็บถ้วยชามเอาลงไปข้างล่าง ก่อนคุยเรื่องกู้เฉิงเซวียนให้เพื่อนฟัง

ตั้งแต่ชนกันครั้งนั้น จ้าวหงเหมยก็ประทับใจต่อเขาอยู่บ้าง

เพราะเป็นชายหนุ่มที่ดูใจดีและอ่อนโยนมาก

ถึงหน้าตาจะไม่ได้แย่อะไร แต่สุภาพมาก บอกได้เลยว่าเป็นคนมีการศึกษา

ถ้ามองแค่นี้เธอว่าเหมาะเป็นคู่แต่งงานที่ดีจริง ๆ

“คนที่เธอรู้จักมีแต่คนดี ๆ ทั้งนั้นเลย ทรัพยากรคุณภาพสูงแบบนี้ก็มีกับเขาด้วย!” แววตาหญิงสาวแทบเป็นประกาย

[1] 斗 โต่ว เป็นหน่วยปริมาณวัดแบบดั้งเดิมของจีน 10 เซิง (升) เทียบเท่าได้กับน้ำหนัก 10 ลิตร