ตอนที่ 2,499 : ข้าคือสวรรค์!
เขาอยู่ข้าอยู่…
เขาตายข้าตาย!
น้ำเสียงของเค่อเอ๋อช่างหนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลง พาลให้ใบหน้าอวิ๋นชิงเหยียนเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันใด
“เปี่ยวเม่ยเจ้า…เจ้า…”
มองไปยังเค่อเอ๋ออีกครั้ง อวิ๋นชิงเหยียนก็มีโมโหจนพูดไม่ออก…
“พี่เทียน…”
หลังจากเผยทีท่าแข็งกร้าวแน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยนกับอวิ๋นชิงเหยียน สายตาของเค่อเอ๋อก็ละออกมาจากอีกฝ่ายค่อยหันไปมองร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ขณะเดียวกันแววตาของนางก็กลายเป็นเจ็บปวดทรมาณกล่าวออกเสียงค่อย “เค่อเอ๋อกล่าวไว้ ชาตินี้ไม่มีวันแยกจากท่านอีกแล้ว…ถึงตาย เค่อเอ๋อก็จะตายพร้อมกับท่าน”
“เค่อเอ๋อ…อั๊ค!”
เค่อเอ๋อที่รู้สึกสะทกสะท้อนกับวาจาของเค่อเอ๋อ อดไม่ได้ที่จะกระอักโลหิตออกมาอีกคำ สีหน้าของเขาตอนนี้ซีดเซียวไม่อาจแลเห็นสีเลือดแม้แต่น้อย
“ข้าเคยให้สัญญากับเจ้า…ให้ตายข้าก็ไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นอีก!”
“เว้นเสียแต่ข้าตาย…หาไม่แล้วไม่มีใครพรากเจ้าไปจากข้าได้!”
ต้วนหลิงเทียนพยามกล่าวออกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ยังเร่งร้อนไม่น้อย
“หากท่านตาย เค่อเอ๋อก็ไม่คิดอยู่ต่อเช่นกัน”
สายตาของเค่อเอ๋อก็ช่างแน่วแน่นัก ราวกับการตายสำหรับนางคือการหวนคืนสู่มาตุภูมิ…
“ดี…ดี…ดีมาก!!”
“ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจ ทั้งซาบซึ้งเสียนี่กระไร!!”
เมื่อเห็นเปี่ยวเม่ยกับมดปลวกสวะของระนาบโลกียะอันแสนต้อยต่ำ ยังกล้าพรอดรักกันแม้จะเป็นในเวลาแบบนี้ สีหน้าของอวิ๋นชิงเหยียนพลันมืดดำลงปานจะคั้นได้เป็นหยดน้ำหมึก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยโทสะอันยากระงับ
“เพียงแต่พวกเจ้าคิดว่า…หากข้าอวิ๋นชิงเหยียนมิได้เตรียมการอันใดไว้ ข้ายังจะมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเจ้างั้นหรือ?”
ขณะกล่าวประโยคนี้ สีหน้าท่าทีของอวิ๋นชิงเหยียนก็กลับมาเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ กระทั่งน้ำเสียงเยียบเย็นของมันยังเต็มไปด้วยความมั่นใจถึงขีดสุดราวกับไร้ผู้ใดสั่นคลอนได้
เมื่ออวิ๋นชิงเหยียนกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนไม่ได้พูดอะไร หากแต่คิ้วเริ่มขมวดเป็นปม
ทว่าสีหน้าของเค่อเอ๋อแปรเปลี่ยนไปทันใด ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวนัก!
เพราะนางรู้ดีว่าเปี่ยวเกอผู้นี้เป็นคนอย่างไร กระทั่งเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายแล้วยังไม่เลือกวิธีการ!
จังหวะนี้ในใจของนางจึงอดไม่ได้ที่จะบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมา
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าลองเบิกตามองให้ชัด…ว่าพวกมันเป็นใคร?”
อวิ๋นชิงเหยียนก้มลงมองต้วนหลิงเทียนที่นอนฟุบข้างเท้าด้วยสายตาไร้แยแส ก่อนที่จะยกมือขึ้นวาดเบาๆในความว่างเปล่า
ทันใดนั้นความว่างเปล่าก็เริ่มสั่นสะเทือนและกลายเป็นพร่ามัวราวม่านน้ำ เริ่มปรากฏแสงสว่างสบายตาให้เห็น
วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!
…
หลังจากสั่นสะเทือนไปราวม่านน้ำครู่หนึ่ง ท่ามกลางม่านแสงสว่างสบายตาตรงหน้าอวิ๋นชิงเหยียน ก็เริ่มบังเกิดฉากเรื่องราวที่กำลังชัดขึ้นเรื่อยๆ และสุดท้ายมันก็ชัดเจนจนต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อมองเห็นได้ถนัดตา
วูบ วูบ
เมื่อต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อเห็นภาพสะท้อนในม่านแสงเบื้องหน้า สีหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปทันที
“ต่ำช้านัก!”
เค่อเอ๋อหันไปมองอวิ๋นชิงเหยียนตาขวาง กล่าวออกเสียงเย็น “อวิ๋นชิงเหยียนเจ้ากระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เจ้าจะเสื่อมเสีย…กระทั่งตระกูลอวิ๋นยังพลอยเสื่อมเสียเพราะเจ้าไปด้วย!!”
ทว่าด้านอวิ๋นชิงเหยียนไม่สนเสียงเย็นชาของเค่อเอ๋อแม้แต่น้อย มันเพียงก้มลงมองต้วนหลิงเทียนที่อยู่เบื้องล่าง พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “เป็นอย่างไร ‘ของขวัญ’ ชั้นยอดที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าชิ้นนี้…เจ้าชอบหรือไม่?”
“ท่านพ่อ!”
“ท่านแม่!”
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ!”
“เนี่ยนเทียน!”
…
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนคล้ายไม่ได้ยินคำถามของอวิ๋นชิงเหยียน สองตาของเขาถูกฉากเรื่องราวเบื้องหน้าในม่านแสงดึงดูดไปอย่างสิ้นเชิง เพราะภาพในม่านแสงเบื้องหน้าไม่เพียงแต่จะมีบิดามารดาของเขาเท่านั้น ยังมีภรรยาของเขาอย่าง ‘ลี่เฟย’ รวมถึงบุตรชายอย่าง ‘ต้วนเนี่ยนเทียน’ อีกด้วย
นอกจากนี้ศิษย์พี่ของเขาอย่าง ป๋ายลี่หง และ ‘เฟิ่งหวู่เต้า’ ว่าที่พ่อตากระทั่งมิตรสหายและคนใกล้ชิดของเขารวมอยู่ด้วย…
และสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน เป็นคุกเล็กๆอันเหยียบเย็นแห่งหนึ่ง
บิดามารดาภรรยาและบุตรชายของเขาถูกแยกขังอยู่ในห้องขังเล็กๆของคุกอันเยียบเย็นแห่งนี้ และทั้งหมดมีสภาพซึมเซาราวกับไร้ซึ่งวิญญาณ…
ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะกรีดร้องเรียกหาอย่างไร ครอบครัวและมิตรสหายของเขาในม่านแสงเบื้องหน้าก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ…
“อาจารย์ลุงพยากรณ์!”
“เทียนหวู่?”
“ซือหลิง!!”
…
ไม่นานภาพเรื่องราวในม่านแสงก็เริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง และคราวนี้เผยให้เห็นคนอีกกลุ่มที่ถูกจับขังในห้องขังเล็กๆ ทำให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปอีกรอบ
เพียงเพราะผู้ที่ถูกกักขังอยู่ในคุกรอบนี้ก็คือคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ที่สมควรอาศัยอยู่ในขุนเขาไร้นามทางภาคเหนือขอภูมิภาคเบื้องบน…
อาจกล่าวได้ว่า
นอกจากจางยี่ที่เป็นคนของระนาบเหยียนหวงแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่พักอาศัยอยู่ในฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ในขุนเขาไร้นาม รวมถึงครอบครัวและสหายเก่าของเขาล้วนถูกจับขังไว้ในคุกที่ฉายอยู่บนม่านแสงเบื้องหน้าทั้งสิ้น!
“ซือหลิง!!!”
เค่อเอ๋อที่เดิมก็มีสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากอยู่แล้ว พอได้เห็นว่าบุตรสาวอย่างซือหลิงก็ถูกจับมาด้วย ใบหน้างามหมดจดของนางยิ่งกลายเป็นบิดเบี้ยวมากขึ้น!
“อวิ๋นชิงเหยียน! หากเจ้ากล้าแตะต้องลูกสาวข้าแม้แต่ปลายผม…ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
มองไปยังอวิ๋นชิงเหยียนอีกครั้ง เจตนาฆ่าฟันในแววตาของเค่อเอ๋อก็ท่วมท้นออกมาถึงขีดสุด ราวกับนางต้องการฆ่าอวิ๋นชิงเหยียนให้ตายเสียเดี๋ยวนี้!
ได้ยินคำกล่าวด้วยเสียงอำมหิตของเค่อเอ๋อหน้าอวิ๋นชิงเหยียนจมลงเล็กน้อย แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ตอบคำใดๆ
สายตาของมันยังคงจับจ้องมองไปยังร่างสาหัสของต้วนหลิงเทียนที่นอนอยู่เบื้องล่าง พลางกล่าวออกเสียงเบาว่า “ต้วนหลิงเทียนเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน?”
“ข้ายังเกรงว่าเจ้าจะไม่เชื่อ…”
แทบจะทันทีที่เสียงเย็นชาของอวิ๋นชิงเหยียนดังจบคำ มือมันก็เริ่มยกขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาเย็นชาของต้วนหลิงเทียน ปรากฏวัตถุหนึ่งผุดจากความว่างเปล่าออกมาล่องลอยอยู่เหนือฝ่ามืออวิ๋นชิงเหยียน…
และทันทีที่เห็นวัตถุชิ้นนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหดเล็กลง
นั่นเพราะวัตถุที่อยู่เหนือฝ่ามือของอวิ๋นชิงเหยียนตอนนี้ มีรูปลักษณ์ไม่ต่างอะไรจาก ‘คุก’ ที่กักขังครอบครัวและสหายของเขาที่ฉายบนม่านแสงแม้แต่น้อย…
เพียงแค่คุกในมืออวิ๋นชิงเหยียนมันมีขนาดย่อมให้พกพาได้เท่านั้น!
“นี่เป็นยอดสมบัติสวรรค์ที่ข้าได้มาโดยบังเอิญตอนแวะระนาบเทวโลกเมื่อหลายปีก่อน…ยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้เป็นยอดสมบัติสวรรค์ประเภทพื้นที่ มันสามารถบรรจุสิ่งมีชีวิตใดๆในนั้นได้ ข้าเลยเอามันมาใช้ต่างคุก…ตอนแรกข้าก็แค่หยิบมันติดมือมาเล่นๆเท่านั้น ไม่คิดเลยว่ามันจะมีประโยชน์…”
ขณะกล่าวอวิ๋นชิงเหยียนก็จับยอดสมบัติสวรรค์พลางโยนขึ้นลงเบาๆ ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องไม่สลักสำคัญอะไร
“ครอบครัวทั้งสหายของข้า…”
ต้วนหลิงเทียนถลึงตามองอวิ๋นชิงเหยียนอย่างอาฆาตพลางกล่าวถามออกมาเสียงแหบหนัก…
“ไม่เลว”
อวิ๋นชิงเหยียนกล่าวออกเสียงเบา “พวกมันทุกคนถูกขังไว้ในยอดสมบัติพื้นที่ชิ้นนี้…ตราบใดที่ข้าต้องการ อาศัยเพียงหหนึ่งห้วงคิดก็ลบพวกมันให้หายไปได้ง่ายดาย!”
วูบ
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างนัก “ต่ำช้า น่ารังเกียจนัก!”
ต้วนหลิงเทียนไม่เคยคิดเคยฝันเลย
อวิ๋นชิงเหยียนที่อยู่เบื้องหน้าอันสมควรเป็นตัวตนอันทรงพลังจากระนาบเทวโลก และท่าทางจะไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าต้าหลัวจินเซียนผู้นี้…
ทว่าตัวตนระดับมัน เพียงเพื่อจัดการกับคนธรรมดาในระนาบโลกียะเช่นเขา กลับไม่ลังเลที่จะจับครอบครัวทั้งสหายของเขามาเป็นตัวประกันเพื่อใช้ข่มขู่…!
“อวิ๋นชิงเหยียน!”
ตอนนี้เองเค่อเอ๋อที่มองจ้องอวิ๋นชิงเหยียนด้วยสายตาเย็นชา พลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นอีกครั้ง “มีคำกล่าว เภทภัยไม่กร้ำกรายถึงครอบครัว…เจ้ากระทำเช่นนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ!?”
“เปี่ยวเม่ย…”
อวิ๋นชิงเหยียนที่เงียบไม่สนเค่อเอ๋อมาพักหนึ่ง คราวนี้กลับค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองตอบเค่อเอ๋อบนฟ้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ข้าไม่คิดว่ามันจะมากเกินไปอะไร…เจ้ามิใช่ไม่ต้องการไปกับข้าหรือไร? เจ้ามิได้อยากอยู่หรือตายร่วมกันกับมันหรือไร?”
“ข้าย่อมไม่คิดให้เจ้าตกตาย และเมื่อมันตายเจ้ายังคิดจะตายตาม…ดังนั้นข้าไหนเลยจะกล้าฆ่ามัน”
“แต่ถ้ามันไม่ตาย เจ้าไหนเลยจะสมัครใจไปกับข้า”
“เช่นนั้นข้าจะให้มันอยู่…เพื่อเอาใจเจ้า”
ยิ่งมารอยยิ้มบนใบหน้าของอวิ๋นชิงเหยียนยิ่งฉีกกว้าง และเมื่อกกล่าวถึงจุดนี้มันก็หันไปมองยอดสมบัติสวรรค์เชิงพื้นที่ อันมีลักษณะคล้ายคุกในมือของมันทันที
“แต่…ข้าคิดจะพาทุกคนในยอดสมบัติเชิงพื้นที่ชิ้นนี้ไปกับข้าทุกคน!”
“สำหรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับพวกมัน หลังจากที่ข้าพวกมันกลับไปข้าเองก็ไม่อาจรับประกันได้…เพราะสุดท้ายแล้ว ข้าก็ไม่มีเปี่ยวเม่ยเช่นเจ้าคอยเตือนความจำว่าอย่าได้ทำร้ายพวกมัน…”
กล่าวถึงท้ายประโยค แววตาที่อวิ๋นชิงเหยียนใช้มองเค่อเอ๋อก็เผยประกายล้ำลึกราวกับจะบอกความนัยบางประกการ
วูบ วูบ
ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นเค่อเอ๋อหรือต้วนหลิงเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ยังแลดูอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!
“อวิ๋นชิงเหยียนเจ้าอย่างไรก็เป็นเซียนอมตะจากระนาบเทวโลก…หากคิดฆ่าข้าก็มาจัดการกับข้าเสีย! แต่เพียงคิดจัดการกับมนุษย์ในระนาบโลกียะที่เจ้ามองว่าต่ำต้อยนักหนาเช่นข้า เจ้าถึงกับประพฤติตัวต่ำช้าไร้ยางอายจนต้องใช้ครอบครัวและคนใกล้ตัวมาข่มขู่ข้าเช่นนี้…เจ้าไม่กลัวถูกสวรรค์ประณามหรือไร?”
ต้วนหลิงเทียนตะคอกออกมาดังลั่นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“สวรรค์ประณาม?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน อวิ๋นชิงเหยียนก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างสมใจ
“ต้วนหลิงเทียน! วันนี้ข้าจะบอกให้เจ้ารู้…ว่าต่อหน้ามดเช่นเจ้า ข้าอวิ๋นชิงเหยียนคือสวรรค์!”
“หากสวรรค์คิดให้เจ้าตาย…เจ้าก็ไม่มีวันหลีกลี้หนีหลบได้!”
และแทบจะทันทีที่อวิ๋นชิงเหยียนกล่าวจบคำ ม่านแสงก็เริ่มเปลี่ยนไปเริ่มฉายห้องขังแห่งหนึ่ง และทันใดนั้นร่างคนที่ถูกกักขังอยู่ในห้องขังดังกล่าวก็บังเกิดการระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน! คนทั้งคนกลับกลายเป็นเศษเนื้อเลอะเลือนในพริบตา!!
ครู่เดียว ในห้องขังเล็กๆก็เจิ่งนองไปด้วยเศษเนื้อเลอะเลือนทั้งเลือดแดงฉาน…
“โฉดคลุมทอง!!”
เห็นฉากดังกล่าวลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงทันใด สีหน้ายังเปลี่ยนไปไม่น้อย!
คนที่พึ่งถูกอวิ๋นชิงเหยียนเข่นฆ่าในห้วงคิดเดียว ก็คืออดีตผู้ที่คอยติดตามรับใช้เขาอย่างโฉดคลุมทอง!!
ต่อมาอีกฝ่ายก็ติดตามเขาไปยังตำหนักเมฆาคราม และคอยอยู่รับใช้บิดาเขา ต้วนหรูเฟิง ที่ตำหนักเมฆาคราม
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ติดต่อกับโฉดคลุมทองมานานแล้ว แต่ด้วยความทุ่มเทรับใช้ของอีกฝ่ายในอดีต ต้วนหลิงเทียนก็เห็นมันเป็นคนสนิทใกล้ตัวคนหนึ่ง
ตอนนี้เมื่อมาเห็นโฉดคลุมทองตกตายลงต่อหน้าต่อตา โทสะอารมณ์ย่อมพุ่งสูงขึ้นทันที สายตาที่ใช้มองอวิ๋นชิงเหยียนยังเต็มไปด้วยความอาฆาตเยียบเย็น ราวกับจะแช่แข็งทุกสิ่ง!
ทว่าวินาทีต่อมา ฉากเรื่องราวในม่านแสงก็แปรเปลี่ยนไปอีกกครั้ง
“ข้าบอกแล้ว ต่อหน้ามดปลวกเช่นเจ้า…ข้าคือสวรรค์!”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปอีกครั้ง ขณะที่วาจาของอวิ๋นชิงเหยียนดังขึ้นเข้าหู
นั่นเพราะร่างที่อยู่ในห้องขังเล็กๆในคุกอีกคน ได้ระเบิดกลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือนเกลื่อนพื้น!
“ฉงเฉวียน!!”
คนที่อวิ๋นชิงเหยียนฆ่าไปคราวนี้ก็คือ ฉงเฉวียน ที่เคยติดตามรับใช้ต้วนหลิงเทียนเมื่อนานมาแล้ว