ตอนที่ 1167 สั่นคลอน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1167 สั่นคลอน

“ท่านแม่ทัพ!” รองแม่ทัพจ้าวรีบรั้งแขนของเย่โส่วกวนไว้ เขาเหลือบมองไปทางซือหม่ารั่วตานที่ร้องไห้จนน้ำตาอาบหน้าอย่างน่าสงสารแวบหนึ่งพลางกล่าวขึ้น “ท่านแม่ทัพ ทหารซีเหลียงอย่างพวกเรามีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องชาวบ้าน พวกเราไม่ควรชักดาบออกมาทำร้ายเด็กสาวคนหนึ่งเพียงเพราะคำกล่าวไม่กี่ประโยคของนางนะขอรับ”

เย่โส่วกวนพยายามข่มโทสะของตัวเอง จากนั้นหลับตาลง “ข้าเย่โส่วกวนเคยสาบานต่อเทพเจ้าว่าข้าจะมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องราชวงศ์ซีเหลียง ข้าไม่มีทางทรยศซีเหลียงเด็ดขาด! หากไม่เห็นแก่ที่เจ้าเป็นเพียงเด็กไม่รู้ความ ข้าจะให้คนประหารชีวิตของเจ้าเดี๋ยวนี้ ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าทำให้ทหารของพวกเราเสียขวัญเช่นนี้อีก”

ซือหม่ารั่วตานร้องไห้ตัวสั่นเทาราวกับลูกนก นางตกใจในการกระทำของเย่โส่วกวนมาก

เย่โส่วกวนเก็บดาบลงในฝัก จากนั้นตะโกนขึ้น “จับตัวคนทรยศสองคนนี้ไปขังไว้ จบเรื่องค่อยตัดสินโทษ”

ซือหม่ารั่วตานเบิกตาโพลง นางรีบเอ่ยขอร้องอีกครั้ง “ท่านลุง ได้โปรดช่วยท่านพ่อ ท่านแม่และน้องชายของข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

ทันใดนั้นเสียงกลองศึกดังขึ้นที่กำแพงเมืองทิศเหนือ ทุกคนต่างมองไปทางกำแพงเมืองทิศเหนือด้วยความตกใจ

“รายงาน…” ทหารคนหนึ่งขี่ม้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นพลางรายงาน “ท่านแม่ทัพ ต้าโจวบุกมาโจมตีเราแล้วขอรับ!”

เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ทหารที่กำลังพาตัวบ่าวรับใช้และซือหม่ารั่วตานจากไปตะลึงงันในทันที พวกเขาหันไปมองเย่โส่วกวนด้วยความตกใจ

“ท่านลุง! ยอมจำนนเถิดเจ้าค่ะ หากท่านยอมเปิดประตูด่าน ท่านจะช่วยเหลือฝ่าบาท ท่านพ่อ ท่านแม่และน้องชายของข้าได้นะเจ้าคะ!” ซือหม่ารั่วตานตะโกนเสียงดังลั่น “มิเช่นนั้นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะนำร่างของฝ่าบาทของพวกเราไปแขวนเป็นเกราะกำบังธนูที่ด้านหน้าสุดของขบวนจริงๆ นะเจ้าคะ ท่านจะให้ทหารเหล่านี้ยิงธนูใส่ฝ่าบาทหรือเจ้าคะ!”

“ลากนางออกไป!” เย่โส่วกวนตวาดจบแล้วก้าวขึ้นหลังม้า จากนั้นพาทหารมุ่งหน้าไปยังกำแพงเมืองทันที

ตอนที่เย่โส่วกวนพาทหารไปถึงกำแพงเมือง พวกเขามองเห็นขบวนทัพของต้าโจวชูคบเพลิงมุ่งหน้ามาทางด่านเย่เฉิงเป็นขบวนยาวราวกับมังกรยักษ์

ทายาทตระกูลไป๋ทั้งเก้าคนซึ่งนำโดยไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นซิ่วที่เพิ่งมาสมทบ ไป๋ชิงฉี ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋ชิงอวิ๋น ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อขี่ม้านำอยู่ด้านหน้าสุดของกองทัพ

ร่างซึ่งถูกมัดติดอยู่กับบันไดไม้ซึ่งถูกทหารหลายสิบนายแบกอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนคือร่างของเย่อิงน่านฮูหยินเจ้าเมืองและร่างของสตรีนางหนึ่งซึ่งผมเผ้ารุงรัง

เมื่อรองแม่ทัพจ้าวมองเห็นร่างของเย่อิงน่านเขาจึงรีบกวาดสายตามองไปยังร่างของสตรีอีกนางหนึ่งที่ผมถูกปล่อยสยายทันที เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “ท่านแม่ทัพ นั่นคือฝ่าบาทและคุณหนูขอรับ!”

เย่โส่วกวนกำดาบที่เอวแน่น จากนั้นตะโกนสั่ง “เตรียมเครื่องยิงธนูให้พร้อม พลธนูเตรียมพร้อม!”

กองทัพใหญ่ของต้าโจวบุกมาอย่างดุดันและมากมายถึงเพียงนี้ ทว่า ทหารหน่วยสอดแนมกลับไม่ได้มารายงานให้พวกเขารับรู้แม้แต่น้อย แสดงว่าต้าโจวสังหารคนเหล่านั้นจนสิ้นแล้ว พวกนั้นเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี เย่โส่วกวนจำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน

“ท่านแม่ทัพ นั่นฝ่าบาทนะขอรับ!” รองแม่ทัพจ้าวมองไปทางเย่โส่วกวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

“ข้ารู้!” เย่โส่วกวนหันไปถลึงตาใส่รองแม่ทัพจ้าว “เตรียมรบ! นี่คือคำสั่ง!”

รองแม่ทัพจ้าวคุกเข่าลงบนพื้นพลางกล่าวขึ้น “ข้าขออนุญาตนำทัพออกไปช่วยฝ่าบาทและคุณหนูกลับมาขอรับ!”

เมื่อเห็นรองแม่ทัพจ้าวคุกเข่าขอร้องแม่ทัพคนอื่นๆ ต่างพากันคุกเข่าขอร้องบ้าง “ข้าขออนุญาตนำทัพออกไปช่วยฝ่าบาทและคุณหนูกลับมาขอรับ!”

การอาละวาดเมื่อครู่ของซือหม่ารั่วตานทำให้ทหารแทบทุกคนเชื่อว่าผู้ที่ถูกมัดติดกับบันไดไม้นั่นคือหลี่เทียนฟู่จริงๆ ทุกคนอยากบุกออกไปช่วยเหลือจักรพรรดินีของพวกเขากลับมาใจจะขาด

การนำร่างของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงมัดติดกับบันไดนั่นเปรียบเสมือนการนำร่างของทุกคนในซีเหลียงไปมัดอยู่บนบันไดนั้น ทหารอย่างพวกเขาจะทนเห็นภาพนี้ได้อย่างไรกัน!

“อย่าเพิ่งร้อนรน พวกเจ้าหวาดกลัวสิ่งใดกัน!” เย่โส่วกวนกำหมัดแน่น “พวกเรายังไม่รู้แน่ชัดว่าร่างที่ถูกมัดติดกับบันไดนั่นคือฝ่าบาทของพวกเราจริงหรือไม่ ไม่แน่อาจเป็นเพียงสายลับของต้าโจวก็ได้ การนำทัพออกไปรบมีแต่จะทำให้ต้าโจวกำจัดกองทัพที่พวกเราส่งออกไปจนสิ้นซาก จากนั้นค่อยบุกโจมตีด่านเย่เฉิงของพวกเรา ด่านเย่เฉิงคือปราการด่านสุดท้ายของซีเหลียงแล้ว หากด่านเย่เฉิงถูกทำลาย ซีเหลียงต้องดับสูญอย่างแน่นอน!”

เหล่าทหารเบิกตาโพลงมองไปทางเย่โส่วกวน จู่ๆ พวกเขาก็นึกถึงคำกล่าวของซือหม่ารั่วตานที่ว่าเย่โส่วกวนอยากตั้งตนขึ้นเป็นอ๋องเองขึ้นมาทันที

พวกเขาหันมองหน้ากันไปมา ทุกคนเริ่มหวาดระแวงในตัวเย่โส่วกวน

รองแม่ทัพจ้าวจ้องไปทางเย่โส่วกวนที่กำลังมองไปทางเบื้องหน้านิ่งเขม็ง เขารู้ดีว่าเย่โส่วกวนเกลียดชังเย่อิงน่านมากเพียงใด เย่โส่วกวนไม่มีทางยกทัพไปช่วยเหลือเย่อิงน่านแน่นอน ตอนนี้เย่โส่วกวนบอกอย่างชัดเจนว่าคนที่ถูกมัดอยู่บนบันไดคือจักรพรรดินีตัวปลอม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจชีวิตของฝ่าบาทและเย่อิงน่านแล้ว

รองแม่ทัพจ้าวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขาคือทหารของซีเหลียง เขาเคยสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อราชวงศ์ซีเหลียงไปตลอดชีวิต เขาเคยสาบานกับท่านแม่ทัพชราเย่ว่าจะปกป้องดูแลเย่อิงน่านให้ปลอดภัย หากถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ ต่อให้เขาต้องกบฏเขาก็จะไม่มีทางปล่อยให้เย่โส่วกวนตั้งตนขึ้นเป็นอ๋องได้สำเร็จแน่นอน

แม่ทัพคนอื่นๆ เห็นรองแม่ทัพจ้าวลุกขึ้นยืนจึงพากันลุกขึ้นตาม

“กองทัพต้าโจวใกล้เข้ามาแล้ว หากพวกเขาดันบันไดที่มีร่างของฝ่าบาทมัดอยู่เข้ามาใกล้ด่านมากขึ้นเรื่อยๆ ท่านแม่ทัพยังจะให้พลธนูยิงธนูใส่กองทัพต้าโจวอยู่หรือไม่ขอรับ หากพลาดโดนฝ่าบาทขึ้นมาผู้ใดจะรับผิดชอบขอรับ” รองแม่ทัพจ้าวกล่าววาจาแข็งกร้าวกับเย่โส่วกวนเป็นครั้งแรก

แม่ทัพคนอื่นพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “นั่นสิขอรับท่านแม่ทัพ นั่นคือจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงของพวกเรานะขอรับ ทหารอย่างพวกเรามีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องแคว้น หากฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ลง แคว้นซีเหลียงจะคงอยู่ต่อไปได้เช่นไรขอรับ”

“ท่านแม่ทัพ ท่าน…จะตั้งตนขึ้นเป็นอ๋องแทนฝ่าบาทหรือขอรับ” แม่ทัพใจกล้าคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ “หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าคงไม่อาจร่วมมือกับท่านแม่ทัพได้ขอรับ”

“เหล่าตี๋!” รองแม่ทัพจ้าวหันไปตวาดลั่น

เย่โส่วกวนหันไปมองแม่ทัพนามว่าเหล่าตี๋ทันที จากนั้นกวาดสายตามองไปยังร่างของแม่ทัพคนอื่นๆ “กบฏอย่างนั้นหรือ! ตระกูลเย่ของข้าปกป้องคุ้มครองด่านเย่เฉิงมาทุกรุ่น ข้าเย่โส่วกวนเคยสาบานต่อเทพเจ้าว่าจะจงรักภักดีต่อราชวงศ์ซีเหลียงและแคว้นซีเหลียงตลอดไป…”

“เช่นนั้นเหตุใดท่านแม่ทัพไม่อนุญาตให้พวกเรายกทัพออกไปช่วยเหลือฝ่าบาทขอรับ” เหล่าตี๋ถามเสียงดังลั่น

“เจ้าดูเอาเองเถิด!” เย่โส่วกวนชี้ไปยังเบื้องหน้า “กองทัพหลักของต้าโจวอยู่ตรงนั้น เจ้าจะช่วยฝ่าบาทออกมาเช่นไร มีเพียงพวกเราคุ้มกันด่านเย่เฉิงไม่ให้โดนตีแตกเท่านั้นฝ่าบาทจึงจะปลอดภัย พวกเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรืออย่างไร”

“ท่านแม่ทัพกล่าวผิดแล้วขอรับ” รองแม่ทัพจ้าวกล่าวขึ้น “คุณหนูเย่บอกแล้วว่าต้าโจวจะใช้ร่างของฝ่าบาทและคุณหนูเป็นเกราะกำบังข่มขู่ไม่ให้พวกเรายิงธนูใส่กองทัพต้าโจว”

“ใช่ขอรับ หากต้าโจวทำเช่นนั้นจริง ทหารซีเหลียงของพวกเราต้องยิ่งทำสิ่งใดไม่ได้แน่นอนขอรับ” แม่ทัพอีกคนกล่าวขึ้น เขามองไปทางกองทัพต้าโจวที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงขอบเขตการยิงธนูของพวกเขา “ท่านแม่ทัพรีบตัดสินใจเถิดขอรับ”

เย่โส่วกวนพยายามควบคุมสติของตัวเอง เขากำหมัดแน่น ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าหากเขาไม่ลองส่งคนออกไปช่วยเหลือหลี่เทียนฟู่ กำลังใจของทหารคุ้มกันด่านเย่เฉิงต้องสั่นคลอนอย่างแน่นอน

กองทัพใหญ่ของศัตรูอยู่ตรงหน้า หากทหารเสียขวัญและกำลังใจ พวกเขาคงพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต่อสู้แน่นอน ดังนั้นตอนนี้เขาทำได้เพียงลองส่งทหารออกไปช่วยเหลือหลี่เทียนฟู่เท่านั้น…