ตอนที่ 1177 ทำตามเสียงหัวใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1177 ทำตามเสียงหัวใจ

ไป๋จิ่นเซ่อยังเล็กอยู่ ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากบีบบังคับน้องสาวมากเกินไป ในสายตาของไป๋ชิงเหยียนวันหน้าเสี่ยวชีไม่มีทางกลายเป็นแม่ทัพดุดันที่ถนัดรุกโจมตีคู่ต่อสู้อย่างแน่นอน น้องสาวของนางจะเป็นแม่ทัพผู้เก่งกาจด้านการวางค่ายกลและกลอุบายรบ

ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองไป๋จิ่นเซ่อด้วยแววตาอ่อนโยน

ไป๋จิ่นเซ่อกำหมัดแน่น เมื่อเห็นพี่ชายและพี่สาวทุกคนต่างมองมาที่นาง นางจึงรู้ว่าการที่นางเกือบถูกธนูยิงทำให้พี่หญิงใหญ่เป็นห่วง สาวน้อยเม้มปากแน่นพลางถามอย่างระมัดระวัง “พี่หญิงใหญ่ เสี่ยวชีอยากติดตามพี่ชายห้าไปรบที่เมืองต่อไปได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ย่อมได้อยู่แล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ “เสี่ยวชีเป็นคนฉลาด เจ้าต้องช่วยวางแผนการรบให้พี่ชายห้าของเจ้าได้แน่ พี่ ท่านแม่ ท่านอาสะใภ้และเสี่ยวปาจะรอพวกเจ้านำชัยชนะกลับมาอยู่ที่เมืองหลวง!”

ไป๋จิ่นเซ่อได้ยินจึงคลี่ยิ้มออกมา สาวน้อยพยักหน้ารัว “เสี่ยวชีจะไม่ทำให้ท่านแม่ ท่านอาสะใภ้ พี่หญิงใหญ่และเสี่ยวปาผิดหวังเจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนลูบศีรษะของไป๋จิ่นเซ่ออย่างอ่อนโยนยิ้มๆ จากนั้นวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็รีบเตรียมตัวกันเถิด เมื่อส่งพวกเจ้าจากไปและจัดการเรื่องทุกอย่างในด่านเย่เฉิงเสร็จเรียบร้อยพี่ก็จะเดินทางกลับเมืองหลวงเช่นเดียวกัน พี่จะรอพวกเจ้านำชัยชนะกลับมาอยู่ที่เมืองหลวง!”

“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วงขอรับ” ไป๋ชิงฉีที่ยืนเอามือไขว้หลังพยักหน้า

เมื่อหมอหงที่ยืนรออยู่ด้านนอกเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจึงรีบเดินเข้าไปทำความเคารพอย่างโมโหจนหนวดขาวแทบกระตุก

“ท่านหมอหง…” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้หมอหง จากนั้นรีบทำความเคารพกลับ “ข้าไม่ดีเองที่ทำให้ท่านเป็นกังวล”

ไป๋ชิงอวี๋ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียนพยายามกลั้นหัวเราะ ชายหนุ่มใช้มือป้องปากพลางกระแอมออกมาเบาๆ “ท่านหมอหง พี่หญิงยังไม่ได้พักผ่อนเลยตั้งแต่กลับมา นางได้รับบาดเจ็บด้วย ท่านหมอหงช่วยตรวจบาดแผลให้พี่หญิงด้วยเถิดขอรับ”

หมอหงได้ยินหน้าจึงเปลี่ยนสีทันที “มีคนบอกว่าได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าเล็กน้อยเท่านั้นไม่ใช่หรือ ได้รับบาดเจ็บตรงที่ใดอีก เร็ว รีบเข้าไปให้ข้าตรวจอาการเดี๋ยวนี้เลย!”

ไป๋ชิงเหยียนเดินตามหมอหงเข้าไปในห้องอย่างว่างาย หญิงสาวยื่นมือออกให้หมอหงตรวจชีพจร จากนั้นปล่อยให้หมอหงทำแผลและพันแผลที่บริเวณใบหน้าให้ใหม่อีกครั้ง

“คุณหนูใหญ่…” หมอหงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไป๋ชิงเหยียน เขาเก็บของเข้ากล่องยาพลางเอ่ยเตือนหญิงสาวอย่างจริงจัง “ต่อให้ไม่ทำเพื่อตัวเอง คุณหนูใหญ่ก็ควรเห็นแก่เด็กในท้องบ้างนะขอรับ…”

“เด็กอาการไม่ดีอย่างนั้นหรือ” แผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนเกร็งขึ้นทันที นางรีบยกมือกุมท้องของตัวเอง “ทว่า ข้าไม่รู้สึกอันใดเลยสักนิด”

“หากคุณหนูใหญ่รู้สึกไม่สบายขึ้นมาก็คงสายเกินแก้แล้วขอรับ!” หมอหงถอนหายใจยาวออกมา “คุณหนูใหญ่จะทำตัวเหมือนเดิมเพราะเห็นว่าเด็กในท้องว่าง่ายไม่ได้นะขอรับ คุณหนูใหญ่คิดว่าตัวเองแข็งแรงมากหรือขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนรีบพยักหน้า “ข้าจะจำคำของท่านหมอหงไว้เจ้าค่ะ ข้าจะไม่เข้าร่วมสงครามต่อจากนี้แล้ว เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างที่ด่านเย่เฉิงเสร็จข้าจะเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว ข้ามีเรื่องอยากถามท่านหมอหงอยู่พอดี ท่านจะตามข้ากลับเมืองหลวงหรือจะตามพวกอาอวิ๋นบุกไปจนถึงเมืองอวิ๋นจิงเจ้าคะ”

ความจริงไป๋ชิงเหยียนมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ปณิธานของท่านหมอหงไม่เคยแก่ไปตามตัวเขา ตอนท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ท่านหมอหงเคยกล่าวว่าอยากให้ท่านปู่พากองทัพไป๋บุกไปยังเมืองอวิ๋นจิง ให้เขาได้เห็นว่าเมืองหลวงของซีเหลียงเป็นเช่นไร

ที่สำคัญหากมีหมอหงอยู่ไป๋ชิงเหยียนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องชายและน้องสาวของนาง นางแค่กลัวว่ากองทัพจะเดินทางเร็วเกินไป ท่านหมอหงอายุมากแล้ว นางกลัวท่านหมอหงจะทนไม่ไหว

หมอหงลังเลขึ้นมาทันที ในฐานะคนของกองทัพไป๋…เขาอยากติดตามกองทัพไป๋บุกไปยังเมืองอวิ๋นจิง อีกทั้งเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกคุณชายและคุณหนู ในสงครามเต็มไปด้วยอันตราย หากพวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักและไม่มีหมอดีๆ อยู่ข้างกาย พวกเขาต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน

ทว่า ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนกำลังตั้งครรภ์ แม้ร่างกายของหญิงสาวจะเป็นปกติดี ทว่า สตรีตั้งครรภ์เปรียบเสมือนการยื่นเท้าข้างหนึ่งไปยังปรโลก หมอหงจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร

ไป๋ชิงเหยียนลูบท้องของตัวเองเบาๆ “ท่านหมอหงไม่ต้องห่วงข้ากับลูก เมืองหลวงมีท่านหมอหลวงหวงศิษย์น้องของท่านอยู่ ที่สำคัญท่านบอกเองว่าลูกในท้องของข้าเชื่อฟังมาก ข้าต้องคลอดเขาออกมาอย่างปลอดภัยแน่นอนเจ้าค่ะ”

หมอหงคิดตามแล้วก็เห็นด้วย เขาเชื่อใจฝีมือของศิษย์น้องของตัวเอง

“ท่านหมอหงไม่จำเป็นต้องห่วงข้าและคนอื่นๆ หรอกขอรับ ท่านเป็นคนสอนหมอทหารในกองทัพไป๋ของพวกเราเองกับมือ ที่สำคัญแม่ทัพใหญ่ที่มีความสามารถในการรบของซีเหลียงอย่างอวิ๋นพั่วสิงและเย่โส่วกวนเสียชีวิตหมดแล้ว ไม่มีสิ่งใดน่ากังวลอีกขอรับ” ไป๋ชิงอวี๋เป็นห่วงพี่สาวของตัวเอง อีกทั้งไม่อยากให้หมอหงที่อายุมากแล้วลำบากติดตามพวกเขาไปยังสนามรบ เขาอยากให้หมอหงเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับพี่หญิง ไป๋ชิงอวี๋แสร้งกล่าวอย่างสบายใจ “ซีเหลียงคงไม่ถึงกับปล่อยให้แม่ทัพชราชุยที่อายุแปดสิบออกมาทำสงครามกับพวกเราหรอกขอรับ”

หมอหงลำบากใจ เขาจับเคราของตัวเองโดยไม่รู้ตัว…

“ท่านหมอหงไม่ต้องสนเรื่องที่ข้ากับอาอวี๋กล่าว ท่านทำตามเสียงหัวใจของตัวเองก็พอเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

ไม่นานหมอหงจึงกล่าวขึ้น “ข้าอายุมากแล้ว หากไม่ถือโอกาสนี้ตามกองทัพไป๋บุกไปยังอวิ๋นจิง วันหน้าข้าคงไม่มีโอกาสอีก ครั้งนี้ข้ายินดีติดตามคุณชายห้าไปยังอวิ๋นจิง หากข้าติดตามคุณหนูและคุณชายทุกคนไปยังอวิ๋นจิงด้วยคุณหนูใหญ่คงสบายใจมากขึ้น”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ลำบากท่านหมอหงติดตามพวกอาอวี๋ไปยังอวิ๋นจิงแล้ว”

“หากพวกเราทำลายเมืองอวิ๋นจิงแตก วันหน้าเมื่อข้าไปพบท่านแม่ทัพใหญ่ข้าจะได้คุยโวกับเขาได้ แค่นี้ข้าก็ไม่รู้สึกลำบากแล้วขอรับ” ใบหน้าของหมอหงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ได้ยินหมอหงกล่าวเช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนจึงโค้งกายคำนับ

หมอหงรีบเบี่ยงกายหลบ

“ท่านหมอหง ฝากพวกอาอวี๋ด้วยนะเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงเบา

“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องห่วงขอรับ” หมอหงกล่าว

นอกจากคืนวันสิ้นปีแล้ว วันที่สิบห้า เดือนหนึ่งคือวันที่ครึกครื้นที่สุดอีกวันของกองทัพไป๋ยามทำสงครามอยู่ภายนอก

ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาปั้นบัวลอยอยู่กับทหารประจำครัวและทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บหวนนึกถึงตอนที่ยัดเงินเข้าไปในเกี๊ยวตอนวันสิ้นปี เขาจึงถามไป๋จิ่นเจาว่าสามารถใส่เงินลงไปในบัวลอยได้หรือไม่

ไป๋จิ่นเจากล่าวยิ้มๆ “พวกเราใส่เหรียญเงินในบัวลอยหนึ่งลูกเท่านั้น ดูสิว่าผู้ใดในค่ายจะได้บัวลอยลูกนี้ไป เขาต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดในปีนี้แน่นอน”

“ดีขอรับ!”

ทหารประจำโรงครัวล้างเหรียญจนสะอาดจากนั้นใส่เข้าไปในบัวลอย บัวลอยขาวที่อยู่ในหม้อใหญ่ค่อยๆ สุกลอยขึ้นมาเหนือน้ำ

ไป๋ชิงเหยียนทานยาเสร็จจึงนอนหลับพักผ่อน

ในความฝัน ไป๋ชิงเหยียนเดินอยู่ท่ามกลางหมอกขาว…

หญิงสาวรู้ดีว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน ทว่า ทำอย่างไรก็ไม่สามารถตื่นจากความฝันนี้ได้

หญิงสาวมองเห็นเลือดสดไหลลงจากบันไดขึ้นภูเขาราวกับงูเล็กสีแดงที่ค่อยๆ เลื้อยคลานลงมาท่ามกลางหมอกหนา

ไป๋ชิงเหยียนกุมท้องของตัวเองพลางกำธนูเซ่อรื้อในมือแน่น หญิงสาวก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว นางได้ยินเสียงก้อนหินดังมาจากบันไดสูง นางยกธนูเซ่อรื้อเล็งไปทางร่างๆ หนึ่งที่อยู่ท่ามกลางหมอกขาวนิ่ง