ตอนที่ 1179 สงสาร

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1179 สงสาร

ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านสามารถปรึกษาแผนเรื่องการรบกับพวกอาฉี จิ่นซิ่ว อาอวี๋และอาเจวี๋ยได้เลย”

“หืม?” เซียวหรงเหยี่ยนมองคนรักของตัวเองนิ่ง

ไป๋ชิงเหยียนลูบท้องของตัวเองเบาๆ พลางกล่าวขึ้น “ข้าจะไม่เข้าร่วมสงครามครั้งต่อไปแล้ว ข้าจะกลับไปพักผ่อนรอคลอดลูกของเราออกมาอย่างปลอดภัยที่เมืองหลวง”

เซียวหรงเหยี่ยนชอบใบหน้าอ่อนโยนของไป๋ชิงเหยียนขณะหญิงสาวเอ่ยถึงลูกของพวกเขา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปสัมผัสคิ้วกลางหน้าผากของหญิงสาวเบาๆ จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเรื่องทุกอย่างสิ้นสุดลง เมื่อใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งได้สำเร็จ เจ้าและข้าพาลูกของพวกเราย้ายไปอยู่ที่เมืองไป๋ว่ออย่างถาวร เป็นเพียงพ่อค้าทำการค้าอย่างสงบสุขดีหรือไม่”

นี่คือช่วงที่เซียวหรงเหยี่ยนสังหารคนมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เขาทำสงครามมา คนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเขามากมาย ไม่ว่าจะเป็นทหารซีเหลียง เทียนเฟิ่งหรือแม้แต่ชาวบ้านซีเหลียงที่บุกเข้ามาแย่งชิงเสบียงอาหารของกองทัพต้าเยี่ยนอย่างเสียสติเพราะความหิวโหย ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนสามารถกำจัดพวกเขาได้โดยไม่รู้สึกอันใดแม้แต่น้อย

เขาสังหารทหารซีเหลียง เทียนเฟิ่งและชาวบ้านซีเหลียงที่คิดมาแย่งชิงเสบียงอาหารของพวกเขาเพื่อปูทางสำหรับการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งในวันข้างหน้า ผู้ใดก็ไม่อาจขัดขวางการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งของเขาได้ทั้งสิ้น

ทว่า เมื่อเรื่องเหล่านี้ผ่านพ้นไปเขามักนึกถึงไป๋ชิงเหยียนขึ้นมา

หากเป็นไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวต้องไม่มีทางตวัดดาบใส่ชาวบ้านซีเหลียงที่ไม่มีทางต่อสู้เหล่านั้นแน่นอน…

เพราะใจของไป๋ชิงเหยียนกว้างพอที่จะสามารถรับชาวบ้านต้าโจวและชาวบ้านทั่วใต้หล้าได้ทั้งหมด หญิงสาวไม่แบ่งแยกแคว้น ชนเผ่า หญิงสาวปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

หญิงสาวปฏิรูปการปกครองระบอบใหม่ให้ชาวบ้านต้าโจว ขณะเดียวกันก็เผยแพร่ระบอบการปกครองใหม่ให้เมืองทุกเมืองของซีเหลียงที่ต้าโจวยึดได้ด้วย หญิงสาวทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

เซียวหรงเหยี่ยนมักนึกถึงสายตาเศร้าสร้อยของไป๋ชิงเหยียนตอนที่หญิงสาวนั่งอยู่ในศาลาเจ๋อหลิ่วกับเขาในตอนนั้น นึกถึงคำที่หญิงสาวกล่าวว่าวีรบุรุษผู้น้อยชักดาบปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องคนทั่วทั้งใต้หล้า

ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยลืมศรัทธาแรกเริ่มของตัวเองเลยนับตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องขึ้นจวบจนถึงตอนนี้

หากไม่มีไป๋ชิงเหยียน บางทีเซียวหรงเหยี่ยนอาจไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำไม่เหมาะสม ทว่า เมื่อเห็นการกระทำของไป๋ชิงเหยียน เซียวหรงเหยี่ยนคิดว่าหญิงสาวคือแม่ทัพที่บริสุทธิ์และมีเมตตาที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้

แม้ต้าโจวจะสังหารคนมากมายเช่นเดียวกัน ทว่า ร่างของทหารเหล่านั้นไม่เคยเปื้อนเลือดของชาวบ้านบริสุทธิ์

หากเขาไม่ได้พบเจอไป๋ชิงเหยียน หากเขาไม่ได้หลงรักสตรีผู้นี้ บางทีเขาอาจไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำไม่เหมาะสม ทว่า เพราะรักเขาจึงอยากทำความเข้าใจหญิงสาวให้ลึกซึ้งมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงมักคิดในมุมของหญิงสาวอยู่เสมอ

ต่อมาเขาสั่งให้ทหารต้าเยี่ยนหยุดสังหารชาวบ้านบริสุทธิ์ จากนั้นสั่งให้แบ่งเนื้อช้างที่สังหารได้ให้แก่ชาวบ้านซีเหลียงเหล่านั้นโดยให้สตรีและเด็กที่อ่อนแอก่อน ส่วนบุรุษร่างกายแข็งแรงต้องทำงานแลกกับเนื้อช้างหรือเสบียงอาหารที่ยึดได้จากกองทัพของซีเหลียง ต่อมาชาวบ้านซีเหลียงที่หิวโหยจึงยอมสงบลง เมื่อได้ยินว่าสามารถทำงานแลกเสบียงได้ พวกเขาต่างกระตือรือร้นกันเต็มที่

เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเซียวหรงเหยี่ยนจึงรีบเดินทางมาหาไป๋ชิงเหยียนราวกับว่ามีเพียงการมีไป๋ชิงเหยียนอยู่ข้างกายเท่านั้นจึงสามารถทำให้เขาสงบลงได้

เขารู้สึกขอบคุณสวรรค์มากที่ทำให้เขาได้พบเจอไป๋ชิงเหยียน มีไป๋ชิงเหยียนอยู่เคียงข้าง…หญิงสาวไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวเขาด้วยถ้อยคำ ขอเพียงเขาหันมามองหญิงสาวเขาก็จะรู้ได้ทันทีว่าตัวเองกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่

ไป๋ชิงเหยียนลูบหน้าท้องของตัวเองเบาๆ จากนั้นพยักหน้าให้ชายหนุ่มยิ้มๆ “ตกลง ไป๋ว่อคือเมืองที่มั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์ที่สุดของต้าโจว อากาศทั้งสี่ฤดูอบอุ่น พวกเราย้ายไปอาศัยที่นั่น ทว่า สำหรับลูก…พวกเราต้องให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเอง หากเขาอยากใช้ชีวิตเป็นพ่อค้าที่มั่งคั่งกับพวกเราก็ให้เขาตามพวกเราไปยังไป๋ว่อ ทว่า หากเขาอยากทำเพื่อใต้หล้าแห่งนี้ หากเขาต้องการปกป้องใต้หล้าแห่งนี้ก็ให้เขาอยู่ในเมืองหลวงต่อไป”

“ได้ ตามใจเจ้า” เซียวหรงเหยี่ยนขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน ปลายจมูกของทั้งสองแนบชิดกัน ชายหนุ่มก้มหน้าจุมพิตหญิงสาวอีกครั้ง จากนั้นกล่าวเสียงอู้อี้ “ข้าเชื่อฟังเจ้าทุกเรื่อง ขอเพียงเรื่องเดียว…เมื่อพวกเราไปอยู่ที่ไป๋ว่อ ขอให้สามีอย่างข้าได้เป็นคนดูแลปกป้องเจ้าบ้าง อาเป่า…ตอนนี้เจ้าอยากสานต่อปณิธานของตระกูลไป๋ อยากปกป้องใต้หล้าแห่งนี้ ข้าจึงไม่ได้ห้ามเจ้า ทว่า เมื่อใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งเรียบร้อยเจ้าอย่าได้ลำบากเช่นนี้อีกเลย ข้าสงสารเจ้า ต่อไปให้ข้าเป็นคนปกป้องเจ้าเอง!”

ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกอุ่นวาบในใจขึ้นทันที นางรู้สึกซาบซึ้งมาก นางรู้ดีว่าเซียวหรงเหยี่ยนกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมาจากใจของเขา

นางเป็นคนเข้มแข็งมาโดยตลอด นางคือหลานสาวคนโตของตระกูลไป๋ คือพี่หญิงใหญ่ของบรรดาน้องๆ การดูแลปกป้องน้องๆ คือหน้าที่ของนาง นางอยากกลายเป็นที่พึ่งให้น้องๆ เหมือนที่ท่านปู่ ท่านพ่อและบรรดาท่านอาของนางเคยเป็น นางอยากกลายเป็นโล่ที่แข็งแกร่งที่สามารถปกป้องอันตรายต่างๆ ให้น้องชายและน้องสาวได้

ท่านปู่และท่านพ่อของนางเคยกล่าวว่าพวกเขาคือผู้ใหญ่ พวกเขาเต็มใจกางปีกปกป้องลูกหลานของตัวเอง พวกเขาต้องการให้พวกนางเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัยภายใต้ปีกของพวกเขา

ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงอยากเป็นให้ได้เหมือนท่านปู่ ท่านพ่อ…

นางอยากให้บรรดาน้องๆ ของนางเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของนาง

นางคือเสี่ยวไป๋ไซว่ของกองทัพไป๋ นางจะกลายเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดให้กองทัพไป๋

ต่อมานางกลายเป็นจักรพรรดินีของต้าโจว นางยิ่งต้องกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่ชาวบ้านในต้าโจวสามารถพึ่งพาได้

เซียวหรงเหยี่ยนคือคนนอกสายเลือดคนแรกนอกเหนือจากท่านปู่และท่านพ่อของนางที่กล่าวว่าอยากปกป้องและดูแลนาง

ไป๋ชิงเหยียนคิดมาตลอดว่าเมื่อท่านปู่ ท่านพ่อและบรรดาท่านอาจากไปนางไม่สามารถหวังให้ผู้ใดมาปกป้องได้อีก นางต้องกัดฟันลุกขึ้นยืนให้ได้ด้วยตัวเอง นางต้องปกป้องตระกูลไป๋ให้ได้

น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนแหบพร่าแฝงไปด้วยเสน่ห์ ชายหนุ่มถือโอกาสตอนที่ไป๋ชิงเหยียนกำลังอยู่ในภวังค์ดันลิ้นเปิดปากของหญิงสาว เขาจุมพิตอย่างดูดดื่มมากขึ้น ใจของไป๋ชิงเหยียนเต้นรัวจนแทบหลุดออกมาจากอก

มือที่วางอยู่บนไหล่ของไป๋ชิงเหยียนของชายหนุ่มเลื่อนลงไปสัมผัสที่เอวด้านหลังของหญิงสาวตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ ชายหนุ่มพยายามควบคุมแรงกอดรัดหญิงสาวเพราะกลัวกระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง

แผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนสั่นสะท้านเล็กน้อย นางลองดันร่างของเซียวหรงเหยี่ยนออกเบาๆ ทว่า กลับถูกจูบรุนแรงกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะขาดอากาศหายใจหรือไม่ หญิงสาวจึงรู้สึกเหมือนตัวเองเคลิ้มอยู่ในภวังค์ มือที่จับอยู่ที่แขนของเซียวหรงเหยี่ยนเอื้อมไปโอบรอบคอของชายหนุ่มเอาไว้ หญิงสาวเอื้อมมือที่สั่นเทาไปสัมผัสหลังคอของชายหนุ่มเบาๆ หญิงสาวรับจูบที่รุนแรงของเซียวหรงเหยี่ยนไม่ไหว มือที่จับอยู่ที่คอเสื้อของชายหนุ่มไร้เรี่ยวแรง ร่างทั้งร่างเอนพิงหมอนอิงทางด้านหลังอย่างอ่อนระทวย ใบหน้าแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุก

“อาเป่า…ข้าดีใจมากที่มีเจ้า!” เซียวหรงเหยี่ยนพยายามควบคุมลมหายใจผิดจังหวะของตัวเอง น้ำเสียงแหบพร่ายิ่งกว่าเดิม น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นท่ามกลางห้องมืดที่ไม่ได้จุดตะเกียงราวกับเสียงของชายหนุ่มที่กำลังมัวเมาในรสสุรา

หากไม่มีอาเป่าเขาไม่รู้ว่าเขาจะกลายเป็นคนเช่นไรไปแล้ว บางทีเขาอาจกลายเป็นคนโหดร้ายที่สามารถสังหารทุกคนที่ขัดขวางเส้นทางของเขาได้โดยไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย