บทที่ 1207 จูบเสน่หา

บทที่ 1207 จูบเสน่หา

ฉินเย่จือกอดนางแน่นและลูบผมนุ่มของนางเบา ๆ ราวกับว่าเขากำลังลูบไล้หัวใจของเขา

หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่อาจต้านทานความรู้สึกได้

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงจะเป็นบ้า

น้ำเสียงทุ้มลึก ลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดอยู่ข้างหู ร่างกายที่ร้อนระอุ แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ตอนนี้นางได้เข้าใจแล้ว

นางรู้สึกเขินอายขึ้นมา และยังคงนอนทับอยู่บนร่างของฉินเย่จืออย่างนิ่งเฉย

ในขณะนี้ดูเหมือนว่าเวลาหยุดนิ่ง

ทันใดนั้นก็ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างออก กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นโดยที่ฉินเย่จือเองยังไม่ทันได้เตรียมตัว กู้เสี่ยวหวานก็ลดศีรษะลงและจูบที่เปลือกตาของเขาด้วยริมฝีปากอันอบอุ่น

ขนตายาวของฉินเย่จือกะพริบ เขาไม่คิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะทำสิ่งนี้ ขนตาเหล่านั้นสัมผัสที่ริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวาน

ฉินเย่จือตกตะลึง

ดวงตาสีดำทั้งสองข้างเปล่งประกายระยิบระยับ

ฉินเย่จือพูดไม่ออก “หวานเอ๋อร์ เจ้า…”

กู้เสี่ยวหวานเอียงศีรษะเล็กน้อยราวกับกำลังเล่นตลก จากนั้นจูบลงที่เปลือกตาอีกข้างหนึ่งของฉินเย่จือ

ริมฝีปากที่แดงระเรื่อโดยไม่มีอะไรเติมแต่ง

กลิ่นเครื่องหอมที่หอมติดกายของนาง

ดูเหมือนจะวาบหวิววิ่งขึ้นมาจากปลายเท้าแล้วแผ่ไปทั่วร่างกาย จากการเคลื่อนไหวของกู้เสี่ยวหวานทำให้แรงกระตุ้นของเขาที่เพิ่งถูกระงับไปนั้นไร้ประโยชน์

ฉินเย่จือส่งเสียงครางต่ำในลำคอเรียกหาหวานเอ๋อร์ จากนั้นเอามือโอบด้านหลังศีรษะของนางอีกครั้งและดึงนางเข้ามาใกล้เขายิ่งขึ้น

กู้เสี่ยวหวานถูกดึงลง นางล้มลงมาอีกครั้ง แต่ก่อนที่นางจะได้เปล่งเสียงอุทานออกไป ริมฝีปากของนางก็ถูกปิดเอาไว้

ฉินเย่จือปิดริมฝีปากและจูบนาง

ไม่ใช่ริมฝีปากของนางที่ถูกจูบ แต่เป็นมือของฉินเย่จือที่ปิดริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวาน

ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเบิกกว้าง และเพียงชั่วครู่ต่อมา นางก็ถูกฉินเย่จือพลิกร่างของนางลงไปอยู่ใต้อาณัติของเขา

มันยังคงเหมือนเดิม ฉินเย่จือเอามือปิดริมฝีปากของนางเบา ๆ และเขาจูบลงที่มือของตนเอง

แม้ว่าเขาจะหุนหันพลันแล่น แต่เขาก็ยังคงครองสติไว้

เขาต้องถามความเห็นของกู้เสี่ยวหวาน

เขาจูบอย่างลืมตัว ราวกับว่ามันเป็นริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวาน

เขาทนไม่ได้แล้วจริง ๆ

เขามึนเมา สับสน และหลงใหล

มือขวาของฉินเย่จือประคองหลังศีรษะกู้เสี่ยวหวาน แม้ในช่วงเวลานี้ เขาก็ไม่ลืมที่จะปกป้องนาง

แผ่นหินนี้แข็งและเย็น เขาปล่อยให้นางบาดเจ็บไม่ได้

มืออีกข้างวางไว้ระหว่างริมฝีปากของทั้งสองคนผ่านปลายนิ้ว เขาจูบอย่างเสน่หาราวกับว่าเขาลืมเลือนทุกอย่าง

ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเบิกกว้าง เมื่อมองไปที่ฉินเย่จือที่กำลังอดทนอดกลั้น หัวใจของนางก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น

กู้เสี่ยวหวานนะกู้เสี่ยวหวาน ชาติที่แล้วเจ้าทำความดีอะไรไว้นะถึงได้เจอคนที่เคารพเจ้า รักเจ้า ปกป้องเจ้า และปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนชีวิตของเขาเอง

กู้เสี่ยวหวานยกมือขึ้นบีบข้อมือซ้ายของฉินเย่จือแล้วค่อย ๆ ดึงลง

สิ่งกีดขวางระหว่างริมฝีปากของทั้งสองหายไปในทันที

ฉินเย่จือตกใจ เขาผละตัวไปด้านหลังแล้วมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน พูดด้วยเสียงแผ่วเบาด้วยความสงสัยและความหวัง “หวานเอ๋อร์ เจ้า…”

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

และการกระทำของกู้เสี่ยวหวานก็แทบจะทำให้เขาเป็นบ้า

ราวกับว่าความรักเจ็ดปีที่ผ่านมานี้ได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ใกล้เข้ามาอีกครั้ง

ตราบใดที่ฉินเย่จือก้มศีรษะลง ความปรารถนาของเขาจะเป็นจริง ริมฝีปากที่เขาเฝ้าคิดถึงมาโดยตลอด กลิ่นหอมของหญิงสาวผู้นี้ที่เขาใฝ่ฝัน

เมื่อเห็นการกระทำของกู้เสี่ยวหวานเช่นนี้ ฉินเย่จือมีความสุขมากราวกับอยู่ในความฝัน ทันใดนั้น เขาก็ก้มศีรษะลงและครอบครองริมฝีปากที่อ่อนนุ่มนั้น

ความหวานในช่องปากช่วยเติมเต็มความรู้สึกไปทั่วสรรพางค์กาย

ฉินเย่จือส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจ เขาเริ่มต้นจากความอ่อนโยนและค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้น

เขาไม่เคยมีการกระทำที่ใกล้ชิดกับหญิงสาวเช่นนี้มาก่อน เขาไม่เคยชอบหญิงสาวที่เข้ามาใกล้เขา นับประสาอะไรกับการกระทำที่ใกล้ชิดเช่นนี้

แต่ว่ากับกู้เสี่ยวหวานตอนนี้ เขาลืมสิ้นทุกสิ่ง

เหมือนกู้เสี่ยวหวานหลอกเขาให้ลุ่มหลงตั้งแต่ต้น

ความใกล้ชิดและริมฝีปากที่อ่อนนุ่มนั้นทำให้เขาหลงใหล

นางตอบสนองจูบของเขาอย่างงุ่มง่าม

ภายในห้องเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงเรียกที่พึงใจ

หวานเอ๋อร์ หวานเอ๋อร์

เจ้าเป็นของข้า เจ้าเป็นของข้าตลอดไป

หลังจากผ่านไปสักพัก ริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานรู้สึกชาเล็กน้อยและในที่สุดฉินเย่จือก็ผละออกจากนาง

ริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานบวมช้ำเล็กน้อย มีหยาดน้ำใสเคลือบอยู่บนริมฝีปากของนาง จูบเมื่อครู่รุนแรงเกินไปจนริมฝีปากของนางเริ่มชา

ดวงตาของฉินเย่จือจ้องมองที่นางอย่างแน่วแน่ ความอ่อนโยนของเขาเหมือนดั่งสายน้ำ ดวงตาที่มีเสน่ห์ของเขาหวานชื่น และใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานแดงซ่าน

“พี่เย่จือ” เสียงของกู้เสี่ยวหวานราวกับสายลมที่อบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งทำให้หัวใจของเขารู้สึกวาบหวิว

ดูเหมือนว่าจะกระตุ้นให้เขาเข้าใกล้มากขึ้นและมากขึ้น

“หวานเอ๋อร์” น้ำเสียงของฉินเย่จือนุ่มลึกขึ้นเรื่อย ๆ