ตอนที่ 2,512 : กลุ่มดาวเชียนจี

“แค่นี้แหล่ะ”

ถังเซี่ยวเซี่ยวพยักหน้า

ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆของต้วนหลิงเทียนเลย

“ต้วนหลิงเทียน”

หลังจากนั้นถังเซี่ยวเซี่ยวก็กล่าวออกมาด้วยนน้ำเสียงท่าทางรู้สึกผิด “เมื่อครู่ต่อหน้าถังเจิ้นเป่าข้ากลับยกอ้างเจ้าเป็นชายคนรัก ทั้งหมดเพราะข้าแค่อยากเล่นละครให้มันดูเท่านั้น…หากเจ้าไม่พอใจก็ต้องขอโทษเจ้าด้วย”

“ช่างมันเถอะ”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “แต่ข้ารู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง…ในเมื่อมันไม่ใช่คนที่คอยตามตื๊อตอแยเจ้า แล้วไฉนเจ้าต้องเล่นละครอะไรแบบนี้ให้มันดูด้วยล่ะ?”

“เพราะเจ้าบ้านั่นมันสนิทสนมกับนายน้อยวังคลื่นสวรรค์นัก…ข้าเลยอยากอาศัยมันเพื่อบอกหยางอวี้ถิงผู้นั้นให้รู้ว่าข้ามีผู้ชายที่ชอบแล้ว มันจะได้ยอมแพ้เสียที…”

ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดลง ค่อยคลี่ยิ้มเหยเกออกมา “ก็แค่ข้าไม่คิดไม่ฝันมาก่อน…ว่าในตอนที่ข้าอยู่ในแดนลับต่างสวรรค์ ท่านประมุขกับจ้าววังคลื่นสวรรค์กลับไปตกลงหมั้นหมายอะไรกันตามอำเภอใจ แถมยังจะจัดงานแต่งให้ข้าหลังกลับออกมาจากแดนลับต่างสวรรค์แบบนี้”

“เช่นนั้น ที่เจ้าเล่นละครก่อนหน้ายังจะมีความหมายอะไรอีก…”

ต้วนหลิงเทียนถาม

“ก็คงไม่มีแล้วล่ะ”

ถังเซี่ยวเซี่ยวคลี่ยิ้มขื่นขม ก่อนที่แววตาจะฉายประกายแน่วแน่เด็ดเดี่ยว “อย่างไรก็ตามข้าไม่มีวันแต่งกับหยางอวี้ถิงนั่นแน่นอน…เว้นแต่ข้าจะตาย!”

“ดูเหมือนเจ้าจะต่อต้านหยางอวี้ถิงนั่นให้ได้…”

ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วข้างหนึ่งพลางกล่าวถาม “ไม่ใช่ว่าจะอย่างไรมันก็เป็นถึงนายน้อยของวังคลื่นสวรรค์ที่มีระดับเดียวกันกับสำนักเทียนซือหรือไง ในวังคลื่นสวรรค์ก็มีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อยู่…ไฉนไม่ทำเป็นแต่งกับมันเพื่อหาประโยชน์ให้นิกายเล่า”

“แถมในฐานะนายน้อยวังคลื่นสวรรค์ก็นับว่ามีหน้ามีตาไม่น้อย…ไฉนเจ้าแลดูต่อต้านมันนัก”

ต้วนหลิงเทียนถาม

“เพราะข้าเห็นหยางอวี้ถิงนั่นเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น”

ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวออกดว้ยสีหน้าเหนื่อยหน่าย “อย่าว่าแต่อยู่กับมันเลย แค่คิดจะอยู่กับมันข้าก็อึดอัดใจจะแย่”

“พอๆ อย่าได้กล่าวถึงมันแล้ว”

ครู่ต่อมาถังเซี่ยวเซี่ยวก็พูดตัดบทกับต้วนหลิงเทียนว่า “พวกเรารีบไปหาท่านบรรพบุรุษแล้วเอาแผนที่ดวงดาวไปโดยเร็วเถอะ…หาไม่แล้วหากประมุขรู้เรื่องนี้ ข้าเกรงว่าคิดจะไปก็ไม่ได้ไปกันพอดี”

“เพราะหากข้าเดาไม่ผิด…ถังเจิ้นเป่าก็ต้องเร่งกลับไปหาบรรพบุรุษของมันเหมือนกัน”

วาจาท้ายประโยค น้ำเสียงของถังเซี่ยวเซี่ยวแฝงความกังวลไม่น้อย

“เจ้าหมายให้ข้าพาหนี…เพราะกลัวว่าประมุขกับอาวุโสสูงสุดอีกคนที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์จะขัดขวางหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนเองก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้

“ใช่”

ถังเซี่ยวเซี่ยวพยักหน้า

“อันที่จริงหากเจ้าไม่เต็มใจจะแต่งกับมันนัก ข้าก็ช่วยเจ้าได้…ไม่ใช่วังคลื่นสวรรค์ก็มีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์แค่คนเดียวรึไง?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาเสียงเรียบ

เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์นั้น อย่างดีก็ทำได้แค่สูสีกับเขาเท่านั้น

อย่างไรก็ตามหากถังเซี่ยวเซี่ยวยืนกรานเรื่องนี้จริงๆ วังคลื่นสวรรค์ย่อมไม่คิดแตกหักกับเขาแน่!

เพราะท้ายที่สุดแล้ว สำหรับระนาบเหยียนหวงแห่งนี้เขาก็แค่ขาจร ไร้ห่วงใดให้กังวล

วังคลื่นสวรรค์นั่น ถ้าพวกมันไม่มั่นใจว่าจะฆ่าเขาให้ตายได้จริงๆ ไหนเลยจะหาญกล้าแตกหักกับเขา!

ดังคำกล่าวที่ว่า ‘คนเท้าเปล่าไม่กลัวสวมรองเท้า’ เขาย่อมสามารถหลีกเลี่ยงไม่ปะทะแตกหักกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์นั่น และหันไปเล่นงานคนอื่นๆในวังคลื่นสวรรค์ได้ทุกเมื่อ ถึงตอนนั้นวังคลื่นสวรรค์จะทำอะไรเขาได้

“ข้าย่อมรู้ว่าพลังฝีมือเจ้าแข็งแกร่งทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ข้าไหนเลยจะไม่อยากขอแรงให้เจ้าช่วยเหลือ…”

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ถังเซี่ยวเซี่ยวก็กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “เพียงแค่เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์ที่ว่านั่น มันไม่ใช่เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ธรรมดาๆ แต่เป็นผู้บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น…”

“หากมันไม่ใช้ทักษะวิญญาณอะไร ให้ตายมันก็ทำได้แค่สูสีกับเจ้า…แต่หากมันใช้ทักษะวิญญาณหรืออำนาจจิตจู่โจมอะไรขึ้นมา อาศัยวิญญาณขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะเจ้าจะรับมือมันได้ยังไง?”

ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวออกมาด้วยความวิตกกังวล

เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนถาม นางคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

หากต้วนหลิงเทียนเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่แท้จริง ถึงเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์จะบ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไรเลย…

แต่ปัญหาก็คือ…

ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ!

บางทีต้วนหลิงเทียนอาจมีทักษะต่างๆที่ทำให้ยกระดับพลังจนทัดเทียมได้กับตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ แต่จะอย่างไรระดับวิญญาณก็เป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น!

ไม่ต้องกล่าวถึงการลงมือด้วยทักษะวิญญาณของตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นเลย…ให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น หากใช้ทักษะวิญญาณเล่นงานต้วนหลิงเทียนขึ้นมา เกรงว่าสถานเบาวิญญาณต้วนหลิงเทียนก็ต้องบาดเจ็บสาหัส สถานหนักก็คงแตกสลายกระจัดกระจายในกระบวนเดียว…

“เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น!?”

ได้ยินคำของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าลึกๆ

ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำให้เขาหวาดกลัวได้ในระนาบโลกียะ ก็คือเซียนอมตะเสเพลที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น!

ก่อนหน้านี้ในแดนลับต่างสวรรค์ เขาก็ถูกเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นคนหนึ่งบีบคั้นให้ทำได้แค่หลบซ่อนอยู่ในสมบัติสถานระดับสวรรค์ จนไม่กล้าโผล่หน้าออกไปแล้ว…

ในตอนนั้นด้วยพลังที่มีเขาสามารถเข่นฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์หรือ 8 ทัณฑ์!

ทว่าเพราะเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นนั่น มันเลือกจะอาศัยภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์และซ่อนตัวอย่างแยบคาย ทำให้เขาทำได้แค่หลบซ่อนอยู่ในสมบัติสถานระดับสวรรค์ไม่กล้าผลีผลามออกไป จนเมื่อเฉินอี้หรูมา ถึงจะมีโอกาสฆ่าอีกฝ่ายก่อนที่มันจะทันได้ลงมือทำอะไร…

ลำพังแค่เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น ก็บีบคั้นให้เขาจนตรอกขนาดนั้น…

นับประสาอะไรกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นที่สมควรร้ายกาจกว่า!

“เจ้า…มั่นใจหรือไม่ ว่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์นั่นมันบ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปเสียงขรึม

“ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วน”

ถังเซี่ยวเซี่ยวพยักหน้า

“ถ้างั้นข้าก็จนปัญญาจะช่วยจริงๆ…”

ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งค่อยกล่าว “ไปเถอะ พาข้าไปหาบรรพบุรุษเจ้า”

กลุ่มดาวอันมีนิกายถังตั้งอยู่นั้น เรียกว่ากลุ่มดาวเชียนจี มีดาวฉู่ถังอันเป็นดาวเคราะห์ต้นกำเนิดที่นิกายถังยึดครองตั้งอยู่…

บรรพบุรุษของถังเซี่ยวเซี่ยวที่เป็น 1 ใน 2 อาวุโสสูงสุดของนิกายถังนั้น มักจะพักอาศัยอยู่ในนิกายถัง

และด้วยความที่ถังเซี่ยวเซี่ยวเป็นรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายถัง ใบหน้าของนางก็เสมือนบัตรผ่านตลอดสำหรับนิกายถัง

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนที่ติดตามนางมา จึงไม่ถูกผู้ใดหยุดถามหรือตรวจสอบตัวตนอะไรแม้แต่น้อยขณะเดินทางผ่านเขตสำคัญต่างๆในนิกายถัง

และในจวนหลังเขื่องกินอาณาบริเวณกว้างขวางของนิกายถัง ต้วนหลิงเทียนก็ได้พบบรรพบุรุษของถังเซี่ยวเซี่ยว ที่แลดูเป็นชายชราใจดีคนหนึ่ง หากทว่าในแววตากลับสดใสเผยประกายฉลาดเฉลียวออกมาไม่สร่าง

“ท่านผู้เฒ่าบรรพบุรุษเจ้าขา…เซี่ยวเซี่ยวคิดถึงท่านยิ่ง”

ภายในสนามหญ้าอันเป็นลานว่างด้านหลังจวนหลังเขื่อง ถังเซี่ยวเซี่ยวที่เหินร่างมาก็เร่งลงจอดก่อนที่จะไปนั่งลงบนโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับชายชราที่กำลังดื่มชาอย่างไร้ความเกรงใจ…

“ยาโถวน้อยนางนี้เป็นสตรีแท้ๆไฉนมิรู้จักสำรวมบ้าง…กระทั่งมีคนนอกอยู่แท้ๆ แต่ดูเจ้าทำเข้าสิ…”

ชายชราหันไปมองต้วนหลิงเทียนที่ไม่คุ้นหน้าเล็กน้อย ค่อยหันไปมองกล่าวกับถังเซี่ยวเซี่ยวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะด้วยสายตาอ่อนใจ ส่ายหน้าไปมาอย่างช่วยไม่ได้

อย่างไรก็ตามแม้ท่าทีของชายชราคล้ายจนใจเต็มที แต่ลึกลงไปในแววตาก็ยากจะปกปิดประกายยินดีได้มิด

“ท่านผู้เฒ่าบรรพบุรุษอ่า เขาเป็นสหายของข้าเอง ใช่คนนอกอะไรที่ไหนเล่า…”

หลังจากถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวกับบรรพบุรุษด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้ว ก็หันไปกล่าวชวนต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียนมานั่งนี่เร็ว…นี่คือบรรพบุรุษของข้าเอง ท่านผู้เฒ่าเป็น 1 ใน 2 อาวุโสสูงสุดของนิกายถังเรา”

“ยินดีที่ได้พบอาวุโส”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ชายชราด้ววยรอยยิ้ม ก่อนที่จะนั่งลงข้างถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยท่าทีเป็นกันเองและไม่เกรงใจเช่นกัน

ไหนเลยเขายังต้องเกรงใจอะไรมากมาย

ถึงชายชราเบื้องหน้าจะไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม แต่ก็เป็นเพียงเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์เท่านั้น

พอเห็นว่าทีท่าต้วนหลิงเทียนแลดูสบายๆไม่ต่างอะไรกับถังเซี่ยวเซี่ยว ถังจงยี่ก็ขมวดคิ้วยู่ย่นเล็กน้อย ลึกลงไปในแววตาเผยความไม่ยินดีอยู่บ้าง

ถังเซี่ยวเซี่ยวย่อมเผยกิริยาสบายๆแลดูเป็นกันเองไม่มากพิธีต่อหน้ามันได้

เพราะสุดท้ายแล้วถังเซี่ยวเซี่ยวไม่เพียงแต่จะเป็นรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายถังเท่านั้น แต่ยังเป็นลูกหลานที่มันเอ็นดูถึงที่สุด ย่อมสามารถทำตัวสบายๆเป็นกันเองได้

แต่ไฉนต้วนหลิงเทียนคนนี้กลับมาทำตัวสบายๆแลดูเป็นกันเองต่อหน้ามัน?

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัว สำนึกเทวะของถังจงยี่ก็แผ่ออกไปจนค้นพบด่านพลังฝึกฝนของต้วนหลิงเทียนแต่แรก จึงได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น

“ยาโถวน้อยซุกซนเจ้า เข้าไปในแดนลับต่างสวรรค์ครานี้เป็นอย่างไรบ้างเล่า?”

ต่อหน้าถังเซี่ยวเซี่ยว ถึงแม้ถังจงยี่จะบังเกิดความไม่พอใจในท่าทีของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง แต่มันก็เก็บไว้ในใจไม่แสดงออก อย่างไรก็ตามมันไม่คิดจะเหลือบแลต้วนหลิงเทียนอีก เพียงหันไปมองถามถังเซี่ยวเซี่ยวอย่างสนใจ

“ฮิฮิ ท่านผู้เฒ่าบรรพบุรุษ ท่านลองดูนี่สิ”

ถังเซี่ยวเซี่ยว สะบัดมือเรียกกริชออกมา ก่อนที่จะวางไว้กลางโต๊ะ แล้วหันไปกล่าวบอกถังจงยี่ด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน

“นี่มัน…”

ถังจงยี่ที่หยิบกริชขึ้นมาชมดูด้วยความสนใจ ไม่ทันไรลูกตาก็จำต้องหดหยี ใบหน้าเริ่มฉายถึงความตกตะลึง กล่าวถามออกมา “ยอดสมบัติสวรรค์! ยาโถวน้อยซุกซนเจ้าถึงกับได้ยอดสมบัติสวรรค์มาจริงๆ!?”

“ดี ดี…ดี!!”

หลังจากฟื้นสติจากกอาการตะลึง ถังจงยี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังร่าด้วยความยินดี ก่อนที่จะวางกริชแล้วยื่นส่งไปให้ถังเซี่ยวเซี่ยวกลับคืน

ท่าทางราวกับมันยินดีจากใจจริงๆ ที่ถังเซี่ยวเซี่ยวได้ยอดสมบัติสวรรค์มาครองแบบนี้

“ยาโถวน้อยเจ้า ลองมีกริชเซียนอมตะเล่มนี้…ความแข็งแกร่งเจ้าก็ทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์แล้วสิ”

ตอนนี้ถังจงยี่รู้สึกว่าถังเซี่ยวเซี่ยวที่นั่งเบื้องหน้าช่างเป็นอะไรที่น่าภาคภูมิใจนัก เรียกว่าเป็นรุ่นเยาว์ของนิกายถังที่ทำให้มันภาคภูมิใจเป็นที่สุด!

‘น่าเสียดาย…หากยาโถวน้อยเซี่ยวเซี่ยวเจ้าเกิดมาเป็นบุรุษคงดีกว่านี้…’

แน่นอนว่าเรื่องนี้ถังจงยี่เพียงกล่าวในใจ ไม่ได้พูดออกไป

“ท่านผู้เฒ่าบรรพบุรุษ เรื่องที่ประมุขบอกว่าจะจัดพิธีวิวาห์ให้ข้า…ท่านรู้แล้วหรือไม่?”

ทันใดนั้น ถังเซี่ยวเซี่ยวก็ถามออกมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

“ข้ารู้”

ถังจงยี่พยักหน้ารับ ค่อยถอนหายใจออกมาอย่างอับจน “ยาโถวน้อยเอย…ก่อนเจ้ากลับมาบรรพบุรุษชราผู้นี้ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ดีแล้ว…หากเจ้าไม่อยากตบแต่งกับมันเช่นนั้นก็อย่าได้ตบแต่งแล้ว ให้บรรพบุรุษชราผู้นี้ส่งเจ้าหนีไปเถอะ”

“ถึงตอนนั้นเจ้าเพียงหาสถานที่สงบเก็บตัวพักผ่อน รอคอยพลังเซียนอมตะจากสวรรค์สาดส่องลงมาชักนำเจ้าขึ้นสวรรค์เถอะ…”

“ท่านผู้เฒ่าบรรพบุรุษ”

ใจของถังเซี่ยวเซี่ยวสะท้านไปไม่น้อยเมื่อได้ฟัง สองตากลมใสยังเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

“เจ้าพึ่งกลับมาได้ไม่ทันไร ข่าวเจ้าสมควรยังไปไม่ถึงหูประมุขกับเจ้าพวกนั้น…ข้าว่าข้าพาเจ้าหนีไปตอนนี้เลยดีกว่า หาไม่แล้วอาจมิทันการณ์…”

กล่าวจบคำถังจงยี่ก็ลุกขึ้นทันที

“ฮ่าๆๆๆ…!!”

ทว่าแทบจะพร้อมกันกับที่ถังจงยี่ลุกขึ้นยืน พลันมีเสียงหัวเราะหนึ่งลั่นดังขึ้น ยังดังมาจากด้านนอกลานว่างของจวน “เซี่ยวเซี่ยว ข้าได้ยินมาว่าเข้าไปในแดนลับต่างสวรรค์ครานี้ เจ้าเก็บเกี่ยวยอดสมบัติสวรรค์มาได้ด้วยหรือ?”

“ประมุข?!”

หน้าถังจงยี่เปลี่ยนสีไปทันที