ตอนที่ 300-2 สามสัตว์น้อยผู้กล้า มะรุมมะตุ้มท่านเขยฉิน
จีเหล่าฮูหยินอึ้งไป เมื่อวานซั่งชิงกับเจ้ารองไปซ้อมท่านเขยฉินให้ยกหนึ่งจริงๆ แต่ไม่ได้บอบช้ำเช่นนี้นี่… เหตุใดผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วยามทั้งใบหน้าก็บวมจนเป็นหัวหมูไปเช่นนี้ได้
“นี่มันอะไรกัน” จีเหล่าฮูหยินมองหน้าจีหว่านด้วยความงุนงง
จีหว่านโบกมือ “พวกเจ้าออกไปก่อน”
“ขอรับ” องครักษ์สองนายถอยออกไป
จีหว่านเดินไปนั่งข้างจีเหล่าฮูหยิน กอดแขนจีเหล่าฮูหยินไว้ ดูมีท่าทีลังเลเล็กน้อยขณะเอ่ยว่า “ท่านย่า ท่านเขยเขาไม่ใช่คนดีอะไร”
จีเหล่าฮูหยินอึ้งไป “เจ้ารู้เรื่องหมดแล้ว?”
“ข้ารู้เรื่องอะไรหมดแล้วหรือ” จีหว่านย้อนถาม
จีเหล่าฮูหยินจึงบอกว่า “ท่านเขยเจ้ากับ…สตรีที่ชื่อเฉียวอะไรนั่น”
จีหว่านขมวดคิ้ว “เรื่องนั้นข้าเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง แต่ที่ข้าจะพูดกับท่านเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
จีเหล่าฮูหยินน้อยครั้งที่จะเห็นสีหน้าหนักอึ้งของจีหว่านเช่นในเวลานี้ นางเลยทำหน้าจริงจังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “มีอะไรกันแน่ กับย่าเจ้ายังต้องอ้อมๆ แอ้มๆ อีกหรือ มีอะไรที่พูดไม่ได้งั้นหรือ”
จีหว่านถอนหายใจทีหนึ่ง “ไม่ใช่ว่าข้าพูดไม่ได้ แต่ ข้ากลัวว่าพวกท่านจะไม่เชื่อ”
จีเหล่าฮูหยินรีบบอกว่า “เจ้ารีบบอกมาเถิด”
จีหว่านเลยตัดสินใจบอกว่า “ท่านเขยคิดจะฆ่าข้า!”
“ใครคิดจะฆ่าเจ้ากัน”
จีซวงเดินเข้ามาทางประตู พอเห็นท่านเขยฉินที่ดูบาดเจ็บไม่น้อยก็ขมวดคิ้ว คิดอยากพูดบางอย่างแต่กลับไม่พูดออกมาสักคำ
“ท่านน้า” จีหว่านเอ่ยทักทายนางเสียงเรียบ ไม่ว่าอย่างไรคนที่ตนจะฟ้องก็คือสามีของท่านน้า เมื่อจู่ๆ ท่านน้ามาปรากฏตัวที่นี่ มากน้อยอย่างไรนางก็ต้องรู้สึกซับซ้อนอยู่บ้าง
จีซวงนั่งลงที่อีกข้างหนึ่งของจีเหล่าฮูหยิน ยิ้มบางๆ ขณะเอ่ยว่า “หว่านหว่านเหตุใดถึงกลับมาอีกแล้ว แบกท้องโตขนาดนี้กลับไปกลับมาไม่เหนื่อยแย่หรือ”
“ไม่เหนื่อย” จีหว่านตอบ
จีซวงเพียงยิ้มเรียบๆ สายตากวาดมองไปทั่ว “เมื่อครู่ตอนข้าเดินเข้ามา หว่านหว่าน เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่นะ”
จีหว่านชะงักไปเล็กน้อย นางหันไปมองหน้าจีซวง ไม่มีหลบสายตาเลยสักนิด “ท่านเขยต้องการจะฆ่าข้า”
จีซวงหัวเราะออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้าว่าอะไรนะ ท่านเขยเจ้าคิดจะฆ่าเจ้า เจ้าเข้าใจผิดแล้วกระมัง ท่านเขยของเจ้ามดสักตัวยังทำใจเหยียบไม่ได้ แล้วจะวิ่งไปฆ่าเจ้าได้หรือ”
จีหว่านไม่คิดเลยว่าท่านน้าจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเขาหักหลังท่านน้าไปแล้วหรอกหรือ เหตุใดท่านน้าที่ปากบอกว่าจะไม่ใช้ชีวิตร่วมกับเขาแล้ว แต่ในใจกลับยังเอนเอียงไปทางเขาเช่นนั้น ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!
จีหว่านพูดเข้าประเด็นทันทีว่า “ก่อนหน้านี้ท่านเขยไม่แตะต้องกระทั่งสาวใช้ในห้องนอน แล้วเหตุใดถึงไปเลี้ยงสตรีอยู่นอกบ้านได้เล่า”
สีหน้าจีซวงพลันบึ้งตึงลงทันที
เมื่อเห็นว่าน้าหลานใกล้จะทะเลาะกันเต็มทีแล้ว จีเหล่าฮูหยินเลยเข้ามาไกล่เกลี่ย “พวกเจ้าสองคนน่ะพูดกันให้น้อยๆ หน่อยเถิด เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ จะต้องสืบให้รู้โดยละเอียดแน่นอน!”
จีซวงเอ่ยด้วยความเย่อหยิ่งว่า “ข้ารู้ว่าเขามันสารเลว ไปเด็ดดอกดอกไม้ริมทางข้างนอกลับหลังข้า ทั้งยังหลอกลวงข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ข้าไม่มีทางเชื่อว่าเขาจะฆ่าคนได้”
จีหว่านทำเสียงหึแล้วเบือนหน้าหนีไป นางมองไปทางท่านเขยฉินที่อยู่บนเปลแล้วเอ่ยด้วยความไม่พอใจว่า “หากเขาไม่ได้คิดจะฆ่าข้า หรือเป็นข้าที่กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำเลยวิ่งโร่มาใส่ร้ายเขา เขาไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรกับข้า เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย”
จีซวงสะอึกไป ขนตาสั่นไหว กำผ้าเช็ดหน้าแน่น “ใครจะรู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่”
จีหว่านถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง “ข้าคร้านจะเถียงกับท่านแล้ว! หรงมามา!”
หรงมามาก้าวเข้ามา “คุณหนูใหญ่มีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ”
จีหว่านทำหน้าจริงจัง “เจ้าไปเรียกท่านพ่อข้ามา ท่านอารองอาสะใภ้รองด้วย วันนี้ข้าจะฉีกหน้ากากคนสารเลวนี่ต่อหน้าทุกคน!”
สายตาจีซวงพลันเปลี่ยนเป็นดุดัน “เจ้าว่าใครสารเลว”
จีหว่านตอบอย่างไม่มีเกรงใจว่า “ข้าด่าว่าฉินปิงอวี่สารเลว แล้วจะทำไม”
“เจ้า…” จีซวงโกรธจนเงื้อฝ่ามือขึ้น
จีหว่านมองอีกฝ่ายอย่างสงบนิ่ง “ทำไม ท่านยังคิดจะตบข้า?”
จีเหล่าฮูหยินทำหน้าบึ้ง “ซวงเอ๋อร์! นั่งลงเดี๋ยวนี้นะ!”
จีซวงเลยนั่งลงแล้วมองไปยังบุรุษที่หายใจรวยรินอยู่บนเตียง บุรุษผู้นี้ทรยศหักหลักนาง นางแทบอยากจะสับเขาให้เป็นชิ้นๆ นางก็อยากจะหักใจไม่พบเจอเขาอีกเลยตลอดชาตินี้เหมือนกัน แต่พอได้เห็นเขานอนอยู่บนเปลในสภาพเช่นนี้ ในใจนาง…ก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดี
จีหว่านมองน้าสาวของตนด้วยความเห็นใจ ว่ากันตามตรงแล้วตั้งแต่เล็กจนโตความสัมพันธ์ระหว่างนางกับท่านน้าไม่นับว่าดีเด่อะไร ท่านน้าชอบเอาชนะ นางเองก็ไม่ยอมด้อยกว่า แต่กระนั้นนางก็ดันเหนือกว่าท่านน้าไปเสียทุกเรื่อง ตอนท่านปู่ยังอยู่ ท่านน้าเป็นไข่มุกกระจ่างในฝ่ามือของคนทั้งบ้าน แต่หลังจากนางเกิดมา ไข่มุกในมือของทุกคนก็กลายเป็นนาง นางเข้าใจความรู้สึกน้อยใจของท่านน้า ดังนั้นจึงไม่เคยมีเรื่องเบาะแว้งกับท่านน้าจริงๆ มาก่อน
แต่ครั้งนี้นางทนไม่ไหวที่จะต้องต่อว่าท่านน้าผู้นี้บ้างแล้วจริงๆ
บุรุษผู้นี้กระทำเรื่องชั่วช้าลับหลังนาง แต่นางก็ยังจะ… “ขอร้อง” แทนเขา
จีหว่านเอ่ยว่า “ท่านน้า ข้าขอเตือนท่านว่าอย่าได้ลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้นอีกเลย”
จีซวงยิ้มเยาะตัวเอง “ไม่เสียใจที่เจ้าเป็นลูกในไส้ของแม่เจ้า แม้แต่วิธีการพูดก็ยังเหมือนกันทุกกระเบียด”
จีหว่านเอ่ยว่า “ตอนนั้นท่านแม่ข้าก็เคยกล่าวกับท่านน้าเช่นนี้หรือ ท่านน้าเคยเสียใจหรือไม่ที่ตอนนั้นไม่เชื่อคำพูดท่านแม่ข้า เพราะหากตอนนั้นฟังท่านแม่ข้าสักนิด เวลานี้ก็คงไม่วุ่นวายเช่นนี้”
จีซวงกระตุกมุมปากแล้วเบือนหน้าหนีไม่สนใจจีหว่านอีก
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ จีซั่งชิงกับสองสามีภรรยาจีเซิ่งก็เดินมาจากเรือนของตน พวกเขามองฉินปิงอวี่ที่อยู่บนพื้น จีซั่งชิงกับจีเซิ่งพากันอึ้งไป เมื่อคืนพวกเขารุนแรงเพียงนี้เชียวหรือ ซ้อมเขาจนหน้ากลายเป็นหัวหมูไปแล้ว…
ทั้งสามเดินเข้ามานั่ง
จีเหล่าฮูหยินไล่บ่าวทุกคนออกไป เหลือหรงมามาไว้คอยรับใช้ในห้องเพียงคนเดียว
จีซั่งชิงมองบุตรสาวที่เมื่อวานเพิ่งถูกบ้านสามีจับตัวกลับไปแล้วขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เหตุใดเจ้าถึงกลับมาอีกแล้ว”
จีหว่านโกรธจนแทบหงายหลัง!
“ท่านแม่ ท่านรีบร้อนเรียกพวกข้ามาเช่นนี้ เพราะมีเรื่องอะไรหรือ” หลี่ซื่อถาม
จีเหล่าฮูหยินนวดขมับด้วยความทุกข์ใจ “หว่านหว่านบอกว่าท่านเขยคิดจะฆ่านาง”
“อะไรนะ” หลี่ซื่ออึ้งไป จีซั่งชิงกับจีเซิ่งก็อึ้งกันไปโดยพร้อมเพรียงเช่นกัน
หลี่ซื่อหันไปมองจีหว่าน “หว่านหว่าน มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันรึไม่”
จีหว่านเอ่ยเสียงเย็นว่า “เขาบังคับให้ข้าเดินไปที่ริมทะเลสาบ เขาเกือบจะผลักข้าตกน้ำไปอยู่แล้ว หากนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เช่นนั้นข้าก็คงเสียแรงที่มีสมอง!”
จีซวงถึงกับสะอึก
จีซั่งชิงขมวดคิ้ว “เหตุใดเขาถึงต้องทำเช่นนี้”
จีซวงคิดถึงเรื่องที่ตนรอดพ้นจากความตายมาได้ ในใจเกิดความรู้สึกถูกรังแกขึ้นบางๆ “เขาบอกว่าข้ารู้เรื่องมากเกินไป”
จีซั่งชิงมองบุตรสาวด้วยความปวดใจ “เจ้ารู้เรื่องอะไร”
“ข้ารู้ว่า…”
จีหว่านกำลังจะเอ่ยปาก ท่านเขยฉินที่นอนอยู่บนเปลก็ค่อยๆ ได้สติ เขาลืมตาขึ้นก่อนจะตามด้วยไอออกมาอย่างรุนแรง
จีซวงปวดหนึบในใจ จึงลุกขึ้นยืนทันที!
จีซั่งชิงสะบัดสายตาเย็นเยียบไปมอง จีซวงเลยจับเก้าอี้นั่งลง
ท่านเขยฉินหันศีรษะมาอย่างอ่อนล้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่มีใครได้ยินพูดว่า “หว่านหว่าน…หว่านหว่านเจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง…”
ทุกคนมองเขาด้วยสายตาประหลาด
ท่านเขยฉินพยายามพลิกตัวขึ้นด้วยท่าทางที่ดูทุลักทุเลที่สุด เขาเงยหน้ามองจีหว่านที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…”
จีหว่านโพล่งออกมาด้วยความโกรธว่า “เจ้าไม่ต้องมาเสแสร้ง เมื่อครู่เจ้าคิดจะฆ่าข้า ข้าบอกทุกคนหมดแล้ว!”
ท่านเขยฉินทำหน้างงงวย “ข้า…ฆ่าเจ้า? หว่านหว่านเจ้าเข้าใจผิดแล้ว…”
จีหว่านเอ่ยเสียงเย็นว่า “ตอนอยู่ริมทะเลสาบเจ้าเกือบจะผลักข้าตกลงไปอยู่แล้ว! หากไม่ใช่ เพราะพวกเสี่ยวไป๋ตามมากันทัน เวลานี้ข้าคงจมน้ำตายอยู่ในสระไปแล้ว!”
ท่านเขยฉินเอ่ยด้วยความเสียใจว่า “ข้าไม่ได้จะผลักเจ้า… เจ้าจะกระโดดลงไปเอง…ข้าคว้าเจ้าเอาไว้…”
สายตาจีหว่านพลันเย็นเยียบ “ไร้สาระ! ข้าจะกระโดดน้ำลงไปเองได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เจ้าเป็นคนผลักข้า! เจ้าเอาตัวข้าออกมาจากบ้านชิงเหลียน! เจ้ายังบอกอีกว่าข้ารู้เรื่องมากเกินไป! เจ้าเลยจะฆ่าข้าปิดปาก!”
ท่านเขยฉิน “หว่านหว่าน…”
จีหว่านเอ่ยขัดเขาด้วยความรำคาญ “ตอนข้ายังเด็ก เสียงที่ข้าได้ยินในโถงทำพิธีศพก็คือเสียงเจ้า! น้องชายข้าไม่ได้ตาย…เขาร้องไห้อยู่ในโลง… เจ้าบอกข้าว่า…เขาไม่ได้ร้อง! เป็นเจ้า! เจ้านั่นแหละ! เจ้านั่นแหละที่ทำร้ายน้องชายข้า!”
ทุกคนพากันหันขวับไปมองท่านเขยฉิน!