บทที่ 1194 ความร่วมมือ

บทที่ 1194 ความร่วมมือ

แต่เรื่องนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่

ด้วยฟาร์มในตอนนี้มีขนาดไม่เพียงพอ

เราขยายทั้งโรงงาน ทั้งตัวฟาร์ม ตอนนี้จำนวนหมูที่สามารถนำมาเชือดได้ต่อปีสูงถึงห้าพันตัว

ทว่ามันไม่พอสำหรับจะทำไส้กรอกแฮมออกสู่ตลาด

แล้วการหาฟาร์มมาร่วมมือกันก็เป็นประเด็นสำคัญในตอนนี้มาก

ซูเสี่ยวเถียนตั้งใจถามซูเสี่ยวซื่อ

จากความก้าวหน้าของพี่ชาย เธอชื่อว่าเขาสามารถรับมือกับมันได้

ปัญหาที่ใหญ่กว่าฟาร์มก็คือ การผลิตทางฝั่งโรงงานไล่ตามไม่ทัน

ถึงจะมีไลน์ผลิตแปดสายแล้วก็ตาม เราก็ยังห่างไกลจากการขยายโรงงานที่แท้จริงอยู่

เราจำต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบสาย ซึ่งจะต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศด้วย

และเดี๋ยวต้องหารือกับคุณคริสติน่าอีก สอบถามว่าสามารถนำเข้าผ่านบริษัท Fessenger ได้หรือเปล่า?

เสี่ยวเถียนนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้อง จัดการไปทีละเรื่อง หลังจากนั้นก็หาวิธีแก้ปัญหา

หากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น หัวข้อห้องแช่เย็นต้องนำมาเป็นวาระได้

ห้องแช่แข็งของเราในตอนนี้มีความจุเพียงสามสิบตันเท่านั้น เมื่อก่อนไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไร แต่พอโรงงานก้าวหน้าขึ้นจึงไม่พอต่อความต้องการ

ทางออกเดียวคือสร้างห้องแช่เย็นขึ้นใหม่

โรงงานเนื้อส่วนใหญ่ในเมืองหลวงมีห้องแช่เย็นขนาดใหญ่หลาย ๆ ที่ ซึ่งมีมากกว่าหนึ่งห้องและมีขนาดใหญ่มากด้วยซ้ำ

ต้องยอมรับว่าโรงงานเนื้อของรัฐมีข้อได้เปรียบมากกว่าโรงงานอาหารเอกชนแบบเราเสียอีก

ตอนนี้เธอมีเงินแต่ไม่มีพื้นที่สร้าง

แม้จะซื้อที่ดินมาใหญ่ แต่พื้นที่กลับขยายไม่ได้เยอะ

และด้วยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซื้อที่อื่น ๆ เลย

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงต้องหาทางอื่น

เมื่อเหลยเกาเชาเดินเข้ามาในห้องก็เห็นเจ้านายนั่งคิ้วขมวดเขียนงานไม่หยุดมือ

“ทำไมท่านดูเครียด ๆ แบบนั้นล่ะครับ?”

ผลิตภัณฑ์ใหม่กำลังจะเปิดตัวนะ เจ้านายควรมีความสุขไม่ใช่หรือ?

ไม่ควรจะอยู่ในสภาพนี้สิ!

ซูเสี่ยวเถียนเชิญเขานั่ง

“พอไส้กรอกแฮมของเราเปิดตัว ฉันเชื่อว่าโรงงานจะพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้นค่ะ แต่โรงงานเราตอนนี้ถึงช่วงทำงานได้เรื่อย ๆ หรือถึงช่วงคอขวดแล้วคะ?”

เหลยเกาเชาคิดว่าตนได้ยินผิดไป

สถานการณ์ตอนนี้ก็ดีนี่นา

ทว่าในไม่ช้าก็เข้าใจ

เธอหมายถึงว่า การพัฒนาของเรามาถึงจุดสูงสุดแล้ว

โรงงานเรามีสินค้าขายหลากหลายอย่าง ยอดขายดี มีส่งออก

ทว่านั่นแหละคือปัญหา

ปัญหากำลังการผลิตไม่พอเริ่มเป็นรูปร่างให้เห็นแล้ว

เมื่อก่อนหาลูกค้า ตอนนี้กลัวที่จะต้องรับคำสั่งซื้อแทน

“ผมคิดไว้เหมือนกันครับ แต่ยังไม่เจอหนทางเหมาะสมเลย”

รองผู้อำนวยการเหลยเป็นคนใจกว้าง

เมื่อตระหนักถึงข้อบกพร่อง เขาจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

“แล้วได้สอบถามโรงงานเนื้อที่อื่น ๆ มาไหมคะ?”

ซูเสี่ยวเถียนวาดวงกลมบนกระดาษ

เท่าที่รู้ ตอนนี้เมืองหลวงมีโรงงานเนื้อด้วยกันห้าแห่ง

ซึ่งแต่ละแห่งจะแตกต่างกันออกไปตามเขตตามแขวง

แต่ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดปัญหาที่เจอล้วนเหมือนกันคือ ด้วยเศรษฐกิจที่เปิดกว้างในตอนนี้มันไม่ค่อยเหมาะระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม

ดังนั้นโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์เหล่านี้จึงมีคำสั่งซื้อไม่มากนัก และโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์บางแห่งก็เริ่มระงับการผลิตด้วยซ้ำ

เพราะงั้นหลาย ๆ แห่งที่ไม่ได้มีคำสั่งซื้อเยอะ จึงส่งผลต่อรายได้ของคนงาน

เหลยเกาเชาเหมือนจะเข้าใจที่เจ้านายสื่อ เธอตั้งใจจะผูกโรงงานทุกแห่งเข้าด้วยกันเพื่อขยายฐานการผลิตใช่ไหม?

เธอไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘อูฐผอมโซตายไปตัวยังใหญ่กว่าม้า’*[1] หรือ?

ผลประโยชน์ของโรงงานรัฐดีสู้เราไม่ได้เลย

เจ้านายมั่นใจตัวเองเกินไปหน่อยหรือเปล่า?

“ผมว่าคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะครับ!”

ซูเสี่ยวเถียนหัวเราะ “คุณคิดว่าฉันจะรวมโรงงานเข้ากับพวกเขาหรือคะ?”

เหลยเกาเชาโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

คงจะดีถ้าไม่คิดแบบนี้แต่แรก

แม้หลู่เซียงเซียงจะไปได้สวย แต่เราต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามสี่ปีถึงจะผนวกโรงงานเข้าด้วยกันได้

“เราไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก แต่เราร่วมมือกันได้”

“ร่วมมือหรือครับ?”

โรงงานเอกชนกับโรงงานรัฐอยู่คนละตำแหน่งเลย จะทำได้จริงหรือ?

“แต่พวกเขาดูถูกเอกชนเรานะครับ!”

เหลยเกาเชาไม่มั่นใจ

แม้โรงงานรัฐจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมแล้วก็ตาม แต่ความเหนือกว่าเอกชนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด

ไหนจะเรื่องคนงานอีก

มีรายได้ช่วยเหลือยามวิกฤต แล้วก็เงินบำนาญหลังเกษียณ

“ต้องลองดูค่ะ บางที่อาจเห็นด้วยเพราะยังไงก็มีเป้าหมายคือคำสั่งซื้อเช่นกัน”

ซูเสี่ยวเถียนเชื่อมั่นหากใช้จุดนี้มาดึงดูดอาจช่วยได้

“แล้วถ้าอาวุธลับของเราไปอยู่โรงงานอื่น จะเกิดปัญหาสูตรรั่วไหลหรือเปล่าครับ?”

มันเป็นความลับใหญ่หลวงเลย ถ้าคนอื่นรู้อาจจะเอาไปทำก็ได้

“ถือครองส่วนแบ่งของตลาดตอนนู้นกับตอนนี้ไม่สูงมากแล้วค่ะ เรามาทดลองกันก่อนดีกว่า!”

มันเป็นความคิดที่แวบเข้ามา เธออาจจัดการได้ไม่ค่อยดีเท่าไร

สูตรอาหารของเราในตอนนี้มีเยอะมาก

แผนกวิจัยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องได้เพราะรางวัลจูงใจที่จะมอบให้ ตอนนี้ส่วนแบ่งตลาดสูงเกินกว่าที่เธอระบุไว้ในช่วงแรกแล้ว

เพราะเป็นสินค้าที่มีขายมานาน รวมถึงมีปริมาณการขายที่แน่นอน เราได้รับคำสั่งซื้อกันทุกปี

ลองจากคำสั่งซื้อน้อย ๆ กันก่อน เป็นความเสี่ยงที่รับได้

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะหาทางติดต่อกับพวกเขาทันทีครับ”

“ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย เราขอเช่าไลน์ผลิตที่ไม่ได้ใช้งาน ห้องแช่เย็น หรือคนงานก็ได้นะ!”

เหลยเกาเชาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ถ้าต้องทำขนาดนั้นจะต่างอะไรกับการขอความร่วมมือล่ะ?

แต่คิด ๆ ดูก็คงจะต่างล่ะมั้ง

ช่างเถอะ ขอแค่เราได้ประโยชน์ก็พอ

“เราจะแบ่งคนไปจัดการครับ ฝั่งหนึ่งหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับผู้ผลิตรายอื่น ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งหาสถานที่อื่นเพื่อสร้างโรงงานสาขาแห่งใหม่”

เหลยเกาเชาไล่ตอบทีละอย่าง

“ตอนนี้ยอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความต้องการผลิตอาจไม่พอ”

“วันนี้ผมมาหาเจ้านายก็เพราะเรื่องนี้แหละครับ”

“รองผู้อำนวยการเหลยคิดว่าไงคะ?”

“ตอนนี้หมูกับไก่เราผลิตไม่พอ สองวันก่อนผมไปสำรวจมาครับ เราอาจไม่ต้องขยายฟาร์ม”

ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้า

“ฉันถามลุงใหญ่มาแล้วค่ะ แต่เขาไม่มีวิธีแก้ปัญหาดี ๆ เลย ถ้าผสมพันธุ์เพิ่มคงจะเยอะไป ทั้งยังเป็นอันตรายต่อการเจริญเติบโตพวกมันด้วย”

เธอเชื่อในการตัดสินของสองสามีภรรยา

ถึงจะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เพราะเป็นเรื่องที่ทำมาแล้วหลายปีย่อมชำนาญเป็นอย่างมาก

ความหมายตรงตัว ไม่มีหนทางคือไม่มี

“จะซื้อจากที่อื่นก็กลัวด้วยครับ!”

เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ ต้องให้คนไปสอบถามดู ถ้าเจอที่เหมาะ ๆ ก็ส่งคนไปคุยกับพวกเขาดูนะคะ”

“เข้าใจแล้วครับ”

“เลือกร่วมมือกับฟาร์มตรง ๆ เพื่อจัดหาหมูกับไก่คุณภาพสูงมาให้ หรือจะรับซื้อมาแล้วเรามาผสมพันธุ์เองก็ได้นะคะ”

เหลยเกาเชามีความสุขมาก

ที่จริงก็นึกห่วงเหมือนกัน

เพราะเราเลือกสร้างฟาร์มเองแต่แรก การควบคุมวัตถุดิบเลยเข้มงวดมาก

หนึ่งคือรับรองความปลอดภัยของอาหารและความมั่นใจในส่วนผสม สองคือเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาสูตรไป

หลังจากจัดการฝั่งโรงงานเสร็จ เด็กสาวเดินทางไปยังฟาร์มอีกครั้ง

หลายปีที่ผ่านมาพ่อใหญ่แม่ใหญ่ดูแลที่นี่อยู่ตลอด

ตอนนี้จิตวิญญาณของพวกเขาดีขึ้นกว่าสมัยที่อยู่หนานหลิ่งเสียอีก

คงเพราะลูกชายแต่งงานกันแล้ว เหลือแค่ซูเสี่ยวลิ่วเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นเพราะใช้ชีวิตเรียบง่ายขึ้น ทำให้เธอดีใจที่เห็นพวกเขามีสภาพจิตใจที่ดี

“แม่ได้ยินว่าหนูเข้าโรงงานวันนี้เลยคิดว่าต้องมาหาแน่ ๆ เนื้อสุกพอดีเลย ซี่โครงหมูตุ๋นของโปรดหนู”

หวังเซียงฮวาเห็นหลานสาว จึงอดดึงมามองซ้ายมองขวาไม่ได้

ซูเสี่ยวเถียนยิ้มก่อนกอดแขนแก “แม่ใหญ่รักหนูที่สุด”

“เจ้าเด็กคนนี้ รอบก่อนกลับมาก็ไม่ได้เจอกัน ย่าบอกไปทำธุระ แล้วนี่เหมือนจะซูบลงนะ งานยุ่งจนไม่มีเวลากินข้าวหรือ?”

ซูเสี่ยวเถียนบีบแก้มตัวเอง

เธอน้ำหนักลดหรือ?

ไม่เห็นรู้สึกเลย ตอนชั่งเหมือนขึ้นมาครึ่งกิโลกรัมเองนะ ทำไมมีแต่คนบอกผอม

อืม เป็นความผอมที่ที่บ้านว่าผอม

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ อีกอย่างหุ่นแบบนี้ไม่ถือว่าผอมเพรียวหรือคะ? หนูว่ามันไม่ได้ผอมนะ”

“อย่าไปฟังคนพวกนั้นมันพูดจามั่วซั่ว อ้วน ๆ สิดี ผอมแห้งแรงน้อยจะไปดีอะไร? กินเข้าไปเยอะ ๆ อย่าทำร้ายร่างกายเพราะอยากผอมเลย!”

หุ่นแบบนี้ไม่เป็นไรแน่หรือ? คงไม่ได้อดข้าวเพื่อให้ผอมใช่ไหม?

ไม่รู้สองปีนี้มันเกิดอะไรขึ้น ใคร ๆ ก็บอกว่าต้องผอมถึงจะสวย

ถ้าเป็นเมื่อก่อน หุ่นอย่างกับเสาไม้ไผ่หาสามียากมากเลยนะ

ใครจะอยากได้ผู้หญิงที่แบกหามอะไรไม่ได้เป็นเมียไปทำไมล่ะ?

“แม่ว่าอย่าเอาแต่ขลุกตัวทำงานในหอเลย ไม่สบายเท่าอยู่บ้านหรอก มีของกินพร้อม อร่อยกว่าด้วย”

ซูเหล่าต้าเอ่ยขัด

“ดูเธอสิ ลูกเพิ่งจะมาไม่เทน้ำเทท่าให้ แล้วจะพูดเรื่องนี้ทำไม? ไม่กลัวเด็กมันรำคาญหรือไง?”

หวังเซียงฮวาจ้องเขม็ง

“พูดจาอะไรของคุณเนี่ย? แล้วตัวเองทำให้ลูกไม่เป็นหรือไง? เอาน้ำที่ลูกเอามาให้วันนั้นเทให้เสี่ยวเถียนนะ”

ว่าจบฝ่ายสามีทำได้แค่ถูจมูกแล้วเดินออกไป

รู้แบบนี้ไปเทน้ำให้เสียก็ดี

ซูเสี่ยวเถียนเริ่มสงสัยเมื่อเธอได้ยินเรื่องเครื่องดื่ม

“ตอนที่พี่ใหญ่พี่สะใภ้มาหา เขาเอาอะไรมาให้หรือคะ?”

“ขวดเขียว ๆ อร่อยมากนะ แต่ชื่อแปลก ๆ แม่จำไม่ได้ ตอนนั้นพ่อกับแม่กินแล้วรู้สึกว่าหวานดี อร่อยแปลก ๆ ยังคิดอยู่ว่าจะส่งไปให้ลองกินที่บ้านนู้นดู”

ถึงจะนึกไม่ออกว่าคืออะไร แต่ประทับใจในความเอาใจใส่ของหวังเซียงฮวามาก

ที่บ้านก็แบบนี้แหละ เวลามีเรื่องอะไรจะส่งมาให้เธอก่อนเสมอเลย

ซูเหล่าต้ากลับมาพร้อมขวดเขียวในมือ มันคือปิงปิงเหลียง เป็นน้ำที่จะได้รับความนิยมในยุคต่อมา อร่อยสดชื่นมาก

ตอนนี้ที่จีนมีขายแล้วหรือ?

ซูเสี่ยวเถียนตกใจมาก

เพราะไม่ค่อยได้เดินซื้อของตามถนนหนทางเท่าไรเลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้

เขายื่นแก้วให้หลาน

“พ่อไม่รู้มันทำจากอะไร พอเทใส่แก้วจะมีฟองออกมาด้วย เลยเททีเดียวเยอะ ๆ ไม่ได้น่ะ ลองดื่มดูนะ หมดแล้วเดี๋ยวพ่อเทเพิ่มให้”

เขาเอ่ยด้วยความไม่พอใจเท่าไร

ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “มันคือน้ำอัดลมค่ะ มีฟองเหมือนเบียร์เลย”

เครื่องดื่มอัดลมถือเป็นของหายากในยุคนี้ แต่มันอร่อยมากเลยนะ ได้รับความนิยมมาตลอดและนานถึงหลายสิบปี

โดยเฉพาะขวดสีเขียวเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้าเธอ ไม่รู้ทำรายได้ไม่รู้ตั้งเท่าไร

หลายสิบปีข้างหน้าหนุ่มสาวจะชอบกันมากเลย

แต่คนก็ตระหนักถึงข้อเสียของมันนะ

คงเพราะเคยชินมานาน ปริมาณการขายจึงไม่ได้ลดลงสักนิด

ตอนนั้นเองซูเสี่ยวเถียนจึงเริ่มคิดว่าจะทำแบรนด์น้ำอัดลมของตัวเองดีหรือไม่

[1] อูฐผอมโซตายไปตัวยังใหญ่กว่าม้า หมายถึง ผู้ที่เชี่ยวชาญพิเศษด้านในด้านหนึ่งเป็นพิเศษ ต่อให้ประสบอุปสรรคก็ยังเหนือกว่าคนที่ไม่เชี่ยวชาญอยู่ดี