ตอนที่ 302-2 ความจริงยิ่งกว่านั้น

จีซั่งชิงวางภาพวาดในมือ ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “ใครให้เจ้าเข้ามา”

จีซวงเอ่ยด้วยความน้อยใจ “เวลานี้ท่านไม่ให้ข้าเข้ามาที่นี่แล้วหรือ ในใจท่านยังมีน้องสาวอย่างข้าอยู่หรือไม่”

จีซั่งชิงพูดเสียงขรึมว่า “วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะถกเถียงกับเจ้า รีบกลับไปเสีย”

“ข้าไม่กลับ!” จีซวงพูดอย่างไม่มีเกรงกลัว

“เจ้าอย่าทำตัวเหลวไหล!” จีซั่งชิงตะคอกเสียงก้อง

จีซวงอึ้งงัน “ท่านตะคอกใส่ข้า?”

จีซั่งชิงมองนางด้วยสีหน้านิ่งขรึม “เจ้าอายุไม่น้อยแล้ว เหตุใดถึงยังทำตัวไม่รู้ประสาอย่างหว่านหว่านอยู่อีก”

จีซวงแค่นเสียงเอ่ยว่า “อย่างนางนั่นเรียกอายุน้อยหรือ”

จีซั่งชิงพลันหน้าบึ้ง

อันที่จริงจีซวงออกจะกลัวพี่ใหญ่คนนี้อยู่สักหน่อย ตอนพี่ชายตามใจนาง หางนางสามารถชี้ขึ้นฟ้าได้เลยทีเดียว แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาโกรธขึ้ง นางก็ทำได้แค่เก็บหางกลับมาเท่านั้น

นางกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงต่ำว่า “พี่ใหญ่ ที่ข้ามาหาท่านเพราะมีเรื่องอยากจะขอร้อง”

จีซวงเป็นน้องสาวที่จีซั่งชิงเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต นางคิดอะไร เกรงว่าจีซั่งชิงจะรู้ดีกว่าตัวนางเองเสียอีก จึงเอ่ยอย่างไม่ใส่อารมณ์ว่า “หากเจ้าคิดจะให้ข้าปล่อยฉินปิงอวี่ไป เช่นนั้นข้าก็ขอบอกให้เจ้าล้มเลิกความคิดนี้เสียเถิดคนนี้ชั่วร้ายเจ้าแผนการ มีความผิดไม่อาจให้อภัย!”

“ข้า…ท่าน…ท่านเชื่อถึงเพียงนั้นเลยหรือว่าเขาเป็นคนร้ายฆ่าคน จะเป็นหว่านหว่านที่เข้าใจผิดหรือไม่” จีซวงเอ่ยเสียงอ่อย

จีซั่งชิงถลึงตาใส่นางอย่างไม่ได้ดั่งใจ “หนึ่งเลยหว่านหว่านไม่ได้โง่ สองคือนางไม่ได้ปัญญาอ่อน ใครพูดอะไรกับนางบ้าง นางจะจำไม่ได้เชียวหรือ”

จีซวงเอ่ยอย่างนึกกลัวและน้อยใจว่า “เช่นนั้นก็อย่าเอาตัวเขาไปขังไว้คุกใต้ดินสิ สอบสวนกันดีๆ ก็ได้… หากฟังความจากหว่านหว่านแค่ด้านเดียว บางทีอาจจะเป็นการเข้าใจผิดอะไรก็ได้…”

จีชั่งชิงใช้นิ้วจิ้มหน้าผากน้องสาว “จีซวงสมองเจ้านี่ข้างในมีอะไรกันนะ เขาทำอะไรไว้กับเจ้าเจ้าลืมไปแล้วใช่หรือไม่ถึงขั้นมีหน้ามาขอร้องแทนเขาอีกหรือ”

จีซวงถูกจิ้มจนเจ็บจึงมองพี่ชายตนด้วยสายตาตัดพ้อ “ดีร้ายอย่างไรเขาก็เป็นบิดาของเจ้าห้ากับหว่านอวี๋ ท่านจะเห็นแก่หลานทั้งสอง ให้อภัยเขาสักครั้งไม่ได้หรือ”

จีซั่งชิงไม่อยากจะพูดอะไรกับน้องสาวคนนี้อีกแล้ว “เจ้าออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้”

“พี่ใหญ่…”

“บอกให้ออกไปไง!”

จีซวงถูกตะคอกใส่จนอกสั่นขวัญแขวนไปหมด นางอยู่มาขนาดนี้ ต่อให้เป็นตอนที่อีกฝ่ายรู้ว่านางเปิดหอนางโลมก็ยังไม่เห็นพี่ใหญ่จะเดือดดาลเพียงนี้ นางรู้ว่าสิ่งที่สามีของตนทำนั้นไม่ถูก แต่หากเกิดเขาทำไปเพราะความจำเป็นเล่า คนเป็นพี่ใหญ่เหตุใดถึงได้ตัดสินว่าเขาผิดตั้งแต่ยังไม่ให้กระทั่งโอกาสให้เขาให้อธิบาย

จีซวงมองพี่ใหญ่นิ่งๆ ทีหนึ่งก่อนจะหมุนตัวออกไป

หลังจากออกจากเรือนถงแล้วจีซวงไม่ได้กลับไปยังเรือนสี่ แต่ไปยังคุกใต้ดินของตระกูลจี

ด้านนอกคุกใต้ดินมีองครักษ์ที่วรยุทธ์สูงส่งคอยเฝ้ายามอยู่ หนึ่งในนั้นคือเฉาเอ้อร์ไห่ที่เคยช่วยจีซั่งชิงออกมาจากเงื้อมือบ้านตระกูลฉิน

เฉาเอ้อร์ไห่พอเห็นจีซวงก็เรียกขานว่าฮูหยินด้วยความเคารพ

จีซวงเอ่ยเสียงเรียบว่า “เปิดประตูคุกเสีย ข้าจะพาตัวท่านเขยกลับไปรักษา”

เฉาเอ้อร์ไห่เอ่ยด้วยความลำบากใจว่า “ขอโทษด้วยขอรับฮูหยิน นายท่านสั่งไว้แล้ว หากไม่มีคำสั่งจากนายท่านหรือคุณชายใหญ่ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจพาตัวท่านเขยออกไปได้ทั้งสิ้น”

“ก็นี่แหละคือคำสั่งของพี่ใหญ่ข้า เมื่อครู่ข้าเพิ่งไปหาพี่ใหญ่มา เขายอมให้ข้าพาตัวท่านเขยกลับไปรักษาแล้ว”

“เรื่องนี้…” เฉาเอ้อร์ไห่หันไปสบตากับเพื่อนองครักษ์แล้วยิ้มแหยๆ เอ่ยว่า “เช่นนั้นขอฮูหยินได้โปรดอนุญาตให้ข้าน้อยไปถามนายท่านเสียก่อน”

“เจ้า…” จีซวงมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ “เจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าใช่หรือไม่”

เฉาเอ้อร์ไห่บอกว่า “นี่ก็เป็นคำสั่งของนายท่านขอรับ ว่าคำสั่งต้องออกจากปากของนายท่านหรือคุณชายใหญ่เท่านั้นพวกข้าน้อยถึงจะปล่อยตัวเขาไปได้”

จีซวงกัดฟันพึมพำว่า “คุณชายใหญ่ๆ นั่นไม่ใช่บุตรชายเขาหรือไร ข้ายังเป็นน้องสาวเขาอยู่นะ!”

เฉาเอ้อร์ไห่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

ดวงตาคู่งามของจีซวงพลันเปลี่ยนไป “ไม่ให้ปล่อยตัวไป แต่คงให้ข้าเข้าไปเยี่ยมได้กระมัง”

เฉาเอ้อร์ไห่เอ่ยอย่างขอลุแกโทษว่า “ก็ไม่ได้ขอรับ ฮูหยิน”

“เจ้า…” จีซวงโกรธจนกระทืบเท้า สายตาเปลี่ยนไปอีกครั้ง “ช่างเถิด เจ้าไปถามพี่ชายข้าก็แล้วกัน ดูสิว่าเขาเป็นคนบอกให้ข้าพาตัวท่านเขยออกไปได้หรือไม่”

เฉาเอ้อร์ไห่ถึงจะรู้ว่าจีซวงตั้งใจกลั่นแกล้งตน แต่เขาเป็นบ่าว จีซวงเป็นนาย จึงไม่มีเหตุให้ไม่เชื่อฟัง เขาสื่อสารกับสหายสองสามประโยคเสร็จก็ตัดสินใจออกไป

สายตาของจีซวงกวาดมองเพื่อนองครักษ์ของเฉาเอ้อร์ไห่รอบหนึ่งแล้วเอื้อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “ข้าจะเข้าไปพูดคุยกับท่านเขยสักหน่อย”

องครักษ์บอกว่า “ขอโทษด้วยขอรับฮูหยิน ข้าให้ท่านเข้าไปไม่ได้”

จีซวงดึงกำไลทองออกมาจากข้อมือส่งให้อีกฝ่าย “แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น เจ้าไม่พูดข้าไม่พูด ไม่มีใครรู้หรอก”

“เรื่องนี้…” องครักษ์ทำหน้าลำบากใจ

จีซวงเอ่ยอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าอย่าได้มีสุรามงคลไม่ดื่มไปดื่มสุราลงทัณฑ์ องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ที่นี่จะเปลี่ยนเป็นใครก็ได้ ข้าจะเข้าไปหาท่านเขยอาจไม่ง่ายก็จริง แต่การไล่องครักษ์สักคนออกคงไม่ใช่เรื่องยาก”

องครักษ์ถูกขู่ให้กลัวได้สำเร็จ จึงเปิดทางให้อย่างเชื่อฟัง

จีซวงเดินเข้าไปในคุกใต้ดิน

ภายในคุกใต้ดิน ทั้งหนาวเย็นทั้งเปียกชื้น มีเพียงแสงจากคบเพลิงตรงกำแพง จีซวงพอเห็นท่านเขยฉินที่นั่งหลบอยู่หลังกองฟาง นางก็รีบเดินเข้าไปจับแผ่นไม้ตรงประตูคุก “ท่านพี่!”

ท่านเขยฉินค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้น หากบอกว่าตอนถูกจีซั่งชิงกับจีเซิ่งซ้อมเขาแค่เพียงแสร้งทำเป็นเจ็บปวดแล้ว เช่นนั้นตอนที่เขาถูกเจ้าสัตว์น้อยทั้งสามเล่นงานก็เรียกได้ว่าเจ็บหนักของจริง ตัวเขารู้สึกคล้ายถูกหินบดขยี้ แค่จะขยับแขนยังรู้สึกลำบาก

“ท่านพี่!”

ท่านเขยฉินหันหน้าไปอย่างยากลำบาก เขามองเห็นลักษณะของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนจากร่องไม้ตรงประตู สายตาเขาดูตกใจ “ซวงเอ๋อร์”

จีซวงมองสภาพบอบช้ำทั้งยังหายใจรวยรินของเขา ขอบตาพลันแดงก่ำ “ข้าเอง!”

ท่านเขยฉินคลานเข้ามาหาแล้วนั่งลงตรงประตู เขาเอ่ยเสียงเหนื่อยอ่อนว่า “ซวงเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร”

จีซวงย่อตัวลงมองเขาผ่านทางร่องประตู “ข้ามาเยี่ยมเจ้า…เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บหนักหรือไม่”

ท่านเขยฉินยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน “ซวงเอ๋อร์… ข้าผิดต่อเจ้า…ข้ากระทำเรื่องเช่นนั้นต่อเจ้า…เจ้าก็ยังยอมมาพบหน้าข้า…”

จีซวงขมวดคิ้ว “เจ้าได้กระทำเรื่องเช่นนั้นกับหว่านหว่านและหมิงเยี่ยหรือไม่กันแน่”

ท่านเขยฉินนิ่งเงียบ

จีซวงเบิกตากว้างด้วยความผิดหวัง “เจ้าทำเช่นนั้นจริงๆ หรือ เจ้าทำจริงๆ หรือ!”

ท่านเขยฉินบอกว่า “ซวงเอ๋อร์…ข้าทำไปเพราะถูกบังคับ…พวกมันจับท่านพ่อท่านแม่ข้าไป คนในครอบครัวข้าทั้งหมดถูกพวกมันจับตัวไป ข้าไม่มีทางเลือก…”

ซวงเอ๋อร์สะอึกสะอื้นเอ่ยว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าเล่า ข้าจะได้ช่วยเจ้าอย่างไร!”

“ซวงเอ๋อร์เจ้าไม่รู้จักพวกมัน…พวกมันแข็งแกร่งเกินไป…เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน…”

“ข้ารู้ว่าข้าไม่ใช่ แต่ไม่ใช่ยังมีพี่ใหญ่ข้าอยู่หรือ ยังมีหมิงซิวอีกคน!”

ท่านเขยฉินส่ายหน้า “เจ้าไม่เข้าใจซวงเอ๋อร์…”

จีซวงเอ่ยทั้งตาแดงก่ำ “เจ้าก็ทำให้ข้าเข้าใจสิ!”

ท่านเขยฉินจับมือนางไว้ เอ่ยอย่างอ่อนล้าและทรมานว่า “ไม่มีเวลาแล้วซวงเอ๋อร์ หมิงซิวใกล้กลับมาเต็มที พอเขากลับมาข้าก็คงไม่เหลือชีวิตรอดแล้ว… ขอโทษด้วย ชีวิตนี้ข้าไม่ได้ทะนุถนอมเจ้าให้ดี…หากมีชาติหน้า…ข้าจะยังตามหาเจ้า…แล้วมอบความรักทั้งหมดในชาตินี้ของข้ารวมเอาไว้ให้เจ้า…”

จีซวงน้ำตาร่วงเป็นสายฝน “เจ้าไม่ต้องพูด…ไม่ต้องพูดแล้ว…ไม่ต้องพูดแล้ว…”

ท่านเขยฉินประคองใบหน้าภรรยาไว้ เช็ดน้ำตาตรงแก้มออกให้นาง “ซวงเอ๋อร์ ชาติหน้า…ข้าจะต้อง…จะต้องชดใช้ให้เจ้า…”

จีซวงจับมืออีกฝ่ายที่ประคองใบหน้าตนอยู่ “ข้าไม่เอาชาติหน้า! สิ่งที่เจ้าติดค้างข้าในชาตินี้ เจ้าก็ต้องชดเชยให้ข้าในชาตินี้!”

“ซวงเอ๋อร์”

สายตาซวงเอ๋อร์พลันเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ “ข้าจะช่วยเจ้าออกไป!”