ตอนที่ 2529
ตอนที่ 2,529 : กบก้นบ่อ!
หลังได้ยินคำพูดดังกล่าวของตู้เวย สีหน้าต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เป็นธรรมดาว่าที่สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไป ไม่ใช่เพราะเขากลัวระเบิดนิวเคลียที่ตู้เวยกล่าวอ้างว่าซ่อนไว้ทั่วโลกจะเกิดการระเบิดขึ้น
จริงอยู่ที่หากมีระเบิดนิวเคลียฝังไว้ทุกมุมโลกจริง ด้วยอานุภาพทำลายล้างของมัน สมควรระเบิดโลกใบนี้ให้แหลกเป็นจุนได้ง่ายๆ…
แต่ต้องทราบด้วยว่าต่อให้โลกต้องแหลกเป็นผงเพราะแรงระเบิด แต่เขาก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว…
“ไอ้วิปริต!”
สาเหตุที่หน้าเขาเปลี่ยนสีนั้น เพราะจิตใจของตู้เวยได้บิดเบี้ยวจนเข้าขั้นวิปริตผิดเพี้ยนไปแล้ว! มันถึงกับคิดผูกชีวิตคนทั้งโลกไว้กับมันคนเดียว!!
หากมันตาย ในเวลาไม่นานพวกเดนตายของมันจะจุดชนวนระเบิดนิวเคลียที่องค์กรมันซ่อนไว้ทั่วทุกมุมโลก!
ถึงตอนนั้นไม่พ้นโลกต้องถูกทำลายเพราะแรงระเบิดแน่นอน สรรพชีวิตบนโลกย่อมถึงกาลอวสาน!
ถึงแม้เขาจะรู้มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วว่าตู้เวยคนนี้ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปและกลายเป็นตัวตนที่บิดเบี้ยวได้ถึงขนาดนี้…ทั้งๆที่ตอนนี้โลกก็เจริญขึ้นมากแท้ๆแต่จิตใจมันกลับเสื่อมทราม!!
“วิปริต?”
เมื่อเห็นว่าหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนสีไป ตู้เวยก็หลงคิดไปว่าเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนหวาดกลัวระเบิดนิวเคลียที่มันพูดถึง จึงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยียบเย็นอย่างถือไพ่เหนือกว่า “ไม่คิดบ้างเหรอ…ว่าที่ข้าทำไปทั้งหมด บางทีข้าแค่ทำไปเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น?
“แกก็ได้ยินแล้วนี่นา…ว่าก่อนหน้ามีมนุษย์ต่างดาวในทางช้างเผือกได้นำพาอารยธรรมล้ำหน้านับร้อยๆปีมาสู่โลก! ในสายตาคนส่วนใหญ่บนโลกอาจจะเห็นว่ามนุษย์ต่างดาวทำไปเพราะเป็นผู้ที่เจริญแล้วจึงไม่เห็นแก่ตัว อุทิศตนเพื่อโลกอย่างไม่หวังสิ่งใดตอบแทน…”
“แต่ในสายตาข้า ไม่มีทางที่พวกมันจะไม่เห็นแก่ตัว มันต้องมุ่งเป้ามาที่อะไรสักอย่างบนโลกแน่นอน ไม่งั้นพวกมันจะใจดีถึงขนาดนี้ได้ยังไง…เผลอๆพวกมันอาจเห็นมนุษย์โลกเป็นแค่หมูในคอก คิดขุนให้พวกเราอ้วนมากพอ แล้วค่อยจับเชือด!!”
“แถมระเบิดนิวเคลียที่ว่า ข้ายังสามารถสั่งให้คนของข้าจุดชนวนตอนไหนก็ได้…เพราะคนที่ควบคุมตัวจุดชนวนนิวเคลียทุกลูกล้วนเป็นนักรบเดนตายที่ข้าล้างสมองพวกมันมาตั้งแต่เด็ก! ข้าสั่งให้พวกมันตายพวกมันก็พร้อมตายตาไม่กระพริบ!!”
ตู้เวยกล่าว
“ระเบิดนิวเคลีย…ทั่วทุกมุมโลก?”
“มีระเบิดซ่อนไว้ทั่วโลก…หากระเบิดขึ้นมา โลกจะถูกทำลาย?”
“ไม่นะ…แบบนี้ไม่เอานะ! หนูยังไม่อยากตาย!!”
…
สาวงามทั้ง 3 ในชุดบีกินี่ที่ยังอยู่รอบๆกายตู้เวย ตอนนี้สีหน้าท่าทีเปลี่ยนไปเป็นหวาดผวาเสียขวัญนัก เมื่อได้ยินเรื่องน่าสะพรึงกลัวอย่าง…โลกทั้งใบมีระเบิดนิวเคลียพร้อมจุดชนวนซุกซ่อนเอาไว้!
พวกนางตื่นตระหนกเสียขวัญกันอยู่นาน และแม้จะรู้สึกตัวแล้วแต่ใบหน้าแววตาก็ตื่นกลัวไม่หาย
“แต่ข้าไม่คิดเลยจริงๆ ว่าแก…หลิงเทียน! ไม่เพียงแต่จะกลับมาจากความตายได้ ยังมีผู้หญิงร้ายกาจอยู่เคียงข้าง…”
ตู้เวยมองต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวออกมาเสียงเรียบ “แต่ถึงผู้หญิงข้างกายของแกจะเก่งกว่าข้าแล้วยังไง ยังจะกล้าฆ่าข้าเหรอ? ลองให้ผู้หญิงคนนี้ฆ่าข้าดูสิ คราวนี้พวกแกไม่เว้นคนทั้งโลกได้ฉิบหายวายวอดไปพร้อมข้าแน่นอน! เอาสิวะ! มีโลกทั้งใบร่วมกลบฝังไปพร้อมกันแบบนี้ ข้าตู้เวยถึงตายก็ตายอย่างมีความสุข!!”
“แต่ก็นะ…พวกแกอาจจะเลือกไม่เชื่อข้าก็ได้! ลองดูหน่อยปะไร!!”
กล่าวถึงประโยคท้ายใบหน้าของตู้เวยก็เผยความบิดเบี้ยว ทั้งความยโสโอหังออกมาอีกครั้ง
เรียกว่ามองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตามันเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับเป็นผู้กำชัยชนะไว้ในมือ
“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่สามารถก่อตั้งองค์กรอย่างหัตถ์มารได้…สันดารชั่วไปถึงรากเหง้าแบบนี้นี่เอง”
ตอนนี้เองสีหน้าต้วนหลิงเทียนได้หวนกลับมาสงบดังเดิม อย่างไรก็ตามขณะมองไปยังตู้เวยในแววตายังยากจะเก็บซ่อนประกายเยียบเย็น “แต่คิดจริงๆเหรอ…ว่าหากโลกถูกระเบิดทำลาย แล้วข้าจะต้องตายไปด้วย?”
“เหอะ! หรือแกจะบอกว่า…ต่อให้โลกระเบิดเป็นจุนแกยังมีปัญญารอดชีวิตได้?”
ตู้เวยคลี่ยิ้มเย็นชา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงปรามาส “คิดอาศัยเรื่องที่ระเบิดนิวเคลียทั่วโลกจะถูกจุดชนวนหลังจากที่ข้าตาย 1 เดือน เพื่อแก้สถานการณ์อย่างปลดชนวนระเบิดอยู่สินะ!? แต่แกคิดเหรอว่าด้วยเทคโนโลยีตอนนี้ แกจะออกตามหาระเบิดนิวเคลียได้ครบทุกลูกและปลดชนวนได้ทัน?ขอแค่มีลูกเดียวระเบิดมันก็จะเกิดการระเบิดต่อเนื่องเป็นลูกโซ่!!”
“และต้องบอกไว้ล่วงหน้าเลยว่า เสียใจด้วย…เพราะเทคโนโลยีที่มนุษย์ต่างดาวนั้นทิ้งไว้ให้ ไม่มีเทคโนโลยีในการข้ามมิติหรือเคลื่อนย้ายมวลสาร…ยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยีสร้างยานอวกาศอะไรทั้งหลายบนโลกตอนนี้ก็อันตรธานหายไปไม่มีเหลือแล้ว!”
“ที่น่าประหลาดใจกว่านั้นก็คือ…นักวิทยาศาสตร์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสร้างยานอวกาศทั้งหลาย หากไม่หายตัวไปก็กลายเป็นบ้าในเวลาชั่วข้ามคืน! เรื่องนี้ยังทำให้โลกทั้งใบตื่นตระหนกกันไม่น้อย!!”
ต้องกล่าวเลยว่าคำพูดของตู้เวยรอบนี้มีความหมายจริงๆ
ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วเป็นปม
เพราะหากเรื่องที่ตู้เวยพูดมันเกิดขึ้นจริงๆ มั่นใจได้เลยว่ามนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลกและมอบอารยธรรมที่ล้ำหน้าโลกไปกว่าร้อยปีมาให้นั่น…ต้องไม่ใช่ตัวดีแน่นอน!!
เพราะการขจัดเทคโนโลยียานอวกาศไปจากโลก ไม่ต่างอะไรจากคิดเปลี่ยนโลกให้เป็นคุก! ไม่เปิดโอกาสให้มนุษย์โลกสร้างยานอวกาศหลบหนีไปไหนเลย!!
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่ไม่มีใครสงสัยหรือเอะใจมั่งเลยรึไง?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปเสียงเข้ม
“ย่อมมีคนสงสัยและเอะใจเป็นธรรมดา”
ตู้เวยกล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “มีคนที่กล่าวถามคำถามนี้กับมนุษย์ต่างดาวนั่นตรงๆ แต่ตอนนั้นมนุษย์ต่างดาวมันให้คำตอบว่า เป็นการดีซะกว่าที่มนุษย์โลกจะละทิ้งเทคโนโลยีส่วนนี้ไป เพราะหากเดินทางออกไปจากระบบสุริยะทั้งที่ยังไม่พร้อม ไม่พ้นต้องพบกับอันตรายใหญ่หลวง!!”
“และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม มันจะกลับมามอบเทคโนโลยียานอวกาศให้มนุษย์เอง!”
กล่าวถึงเรื่องนี้ ตู้เวยก็ยกยิ้มแสยะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “ที่เหลวไหลสิ้นดีก็คือ…คนส่วนใหญ่บนโลกกลับเชื่อวาจาผายลมของไอ้มนุษย์ต่างดาวนั่น!”
“ถึงจะมีหลายคนที่ไม่เชื่อ…แต่พวกมันจะทำอย่างไรได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวลึกลับยากหยั่งถึง?”
กล่าวถึงท้ายประโยคแววตาของตู้เวยก็เผยความอิจฉาเหล่ามนุษย์ต่างดาวลึกลับที่ไม่รู้ความเป็นมานัก
“ดังนั้น…เจ้าก็เลยวางระเบิดนิวเคลียไว้ทั่วทุกมุมโลก หมายเอาไว้ข่มขู่มนุษย์ต่างดาวไม่ให้ลงมือทำอะไรวู่วาม…กระทั่งยังคิดใช้เรื่องนี้ต่อรองผลประโยชน์กับพวกมันงั้นสิ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตามองตู้เวย พลางถามออกไปเสียงเรียบ
เขาไม่คิดหรอกว่าที่ตู้เวยวางระเบิดโลกแบบนี้ เพราะคิดช่วยมนุษย์โลกหรือกระทั่งเพื่อพิทักษ์โลกอะไรแบบนั้น
มันทำไปเพราะความเห็นแก่ตัวเท่านั้น! ทั้งหมดเพียงเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ให้ตัวเอง!!
“ไม่ผิด”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ตู้เวยพยักหน้ารับตรงๆ “ไอ้มนุษย์ต่างดาวพวกนี้มันดั้นด้นถ่อมาถึงโลก แถมมอบผลประโยชน์ให้โลกไม่น้อยแบบนี้…ไม่พ้นพวกมันต้องการอะไรบางอย่างแน่นอน! ตราบใดที่ข้าสามาถใช้โลกทั้งใบมาต่อรองกับมันได้ ก็ไม่ยากที่จะใช้ผลประโยชน์จากพวกมัน!!”
“บางที…หากมนุษย์ต่างดาวพวกนั้นมันย้อนกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ข้าอาจจะต่อรองกับพวกมันจนได้รับยาพันธุกรรมเพื่อยืดอายุ และสามารถเดินทางออกจากโลกเพื่อไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นในจักรวาลได้เสียที!!”
กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาตู้เวยก็ส่องประกายเจิดจ้า!
ด้วยฐานะในปัจจุบัน ตู้เวยได้มาถึงจุดสูงสุดแห่งความรุ่งโรจน์ของชีวิตบนโลกแล้ว ลาภยศสรรเสริญใดๆในโลกล้วนอยู่ในมือของมัน!
ทำให้สิ่งที่มันแสวงหาตอนนี้ ไม่ใช่อะไรที่มีอยู่ในโลกอีกต่อไป!
สิ่งที่มันปรารถนาตอนนี้ก็คือสามารถยืดอายุขัยตัวเองออกไปได้ และได้ออกเดินทางไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นในจักรวาล!
“เจ้า…ต้องการแค่นั้น?”
หลังได้ยินคำพูดของตู้เวย ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา ทั้งยังมองตู้เวยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสมเพช…
เพราะในสายตาเขา ความทะเยอทะยานของตู้เวย ไม่ใช่อะไรนอกจากความทะเยอทะยานของกบน้อยที่แหงนมองท้องฟ้าจากก้นบ่อน้ำ!
เดินทางออกจากโลกไปดาวเคราะห์ดวงอื่น?
ยืดอายุ?
เรื่องแค่นั้น ยังจะนับเป็นอะไรได้!?
“แกหมายความว่าอะไร?”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หน้าตู้เวยเปลี่ยนไปอย่างมาก “แกพูดคำว่า ‘แค่นั้น’ งั้นเหรอ? ทำไมแกถึงพูดออกมาแบบนั้น! แล้วสายตานั่นมันอะไรกัน?!”
ในสายตาของตู้เวย
ความทะเยอทะยานของมันช่างยิ่งใหญ่เสียจนมนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกยังไม่กล้าคิดฝันด้วยซ้ำ!
แต่ทว่าไฉนหลังหลิงเทียนได้ยินความทะเยอทะยานของมัน สายตาถึงได้แลดูเวทนาสงสารมัน ยังพูดคำว่า ‘แค่นั้น’ ทำราวกับความฝันสูงสุดของมันไม่มีค่า!
“ทำไมข้าถึงพูดว่า ‘แค่นั้น’ น่ะเหรอ?”
ได้ยินคำถามของตู้เวย ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเรียบ “ก็ไม่อะไรหรอก ก็แค่ความฝันของเจ้ามันไม่ต่างอะไรจาก ‘กบก้นบ่อ’ แม้แต่น้อย…”
“กบก้นบ่อ!?”
ถูกต้วนหลิงเทียนดูถูกความฝันสูงสุดแบบนี้ ตู้เวยอดไม่ได้ที่จะมีโมโหจนหน้าเขียวปั๊ด!
“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่สักครู่นะ..”
ในขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนพลันหันไปมองกล่าวกับถังเซี่ยวเซี่ยวข้างๆ
“ข้าจะพากบก้นบ่อตัวนี้ไปเปิดหูเปิดตาหน่อย…จะให้มันได้เห็นดาวเคราะห์ดวงอื่นในจักรวาลที่มันอยากเห็นนักหนา…และให้มันรับรู้ว่าความต่างระหว่างมันกับข้าตอนนี้เป็นยังไง!”
เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกถังเซี่ยวเซี่ยวจบคำ เขาเพียงสะบัดมือเบาๆ ก็หอบหิ้วตู้เวยเหินทะยานออกไปดั่งสายลมกรรโชกหอบหนึ่งโดยที่มันไม่ทันได้รู้ตัวแม้แต่น้อย
เรียกว่าในสายตาของ 3 สาวในชุดบีกินี่ ต้วนหลิงเทียนกับตู้เวยราวกับจะอันตรธานหายไปในอากาศว่างเปล่า!
พวกนางก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกันไปอีกพักใหญ่…
ส่วนอีกด้าน
ฟุ่บ!
ต้วนหลิงเทียนที่หอบหิ้วตู้เวยเหินทะยานขึ้นมา พริบตาก็พามันออกจากชั้นบรรยากาศของโลก และหยุดลงกลางห้วงอวกาศ…
ตู้เวยเองก็ไม่ทันได้รู้เรื่องราวอะไร และมันก็พึ่งได้สติหลังฟังวาจาใหญ่โตของต้วนหลิงเทียน
“แกอย่าโม้ให้มันมากนัก…เก่งจริงก็ลองพาข้าไปดะ…อู”
เรียกว่าพอตู้เวยได้สติ ก็กล่าววาจาท้าทายต้วนหลิงเทียนออกมาทันที ทว่าทันใดนั้นมันก็พึ่งตระหนักได้ว่าสภาพแวดล้อมรอบกายได้เปลี่ยนไป! ต้วนหลิงเทียนตรงหน้าได้หายไปแล้ว และฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็ทำให้มันอดตกตะลึงไปไม่ได้!!
กระทั่งขาของมันก็สั่นระริกด้วยความตื่นตระหนก!
พระเจ้าช่วย!
มัน…ไม่ได้ฝันไปแน่นะ!?
มองไปยังดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่ลอยเด่นกลางห้วงอวกาศไกลๆ สีหน้าของตู้เวยก็อดไม่ได้ที่จะซีดลงไปในพริบตา!
ขณะเดียวกันมันก็เริ่มก้มลงมองใต้ฝ่าเท้า…
ตอนนี้มันไม่ทราบมาปรากฏตัวในห้วงอวกาศทั้งยังอยู่ดีแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อไม่มียานอวกาศทั้งชุดอวกาศให้มันสวมใส่
และเป็นธรรมดาว่ามันจะรู้แก่ใจดี
ภายใต้แผนการบางอย่างของพวกมนุษย์ต่างดาวเหล่านั้น บนโลกไม่มีทางมีเทคโนโลยีอวกาศถึงระดับนี้ได้แน่นอน!
‘ดูเหมือน…รอบกายข้าจะมีพลังบางอย่างห่อหุ้มอยู่!’
ตู้เวยในตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรมันก็เป็นถึงนักรบเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และเป็นถึงผู้นำองค์กรหัตถ์มารที่มีอิทธิพลมหาศาล เป็นตัวตนที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารบนโลกอย่างแท้จริง…
หลังมันพยายามสงบสติอารมณ์ ระงับความแตกตื่นลงไดเ มันก็เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังไร้สภาพบางประการที่คอยโอบอุ้มมันเอาไว้ ไม่ให้มันมีอันตรายใดๆ
“ยังคิดว่าข้าโม้อยู่ไหม?”
ทันใดนั้นเองเสียงต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นเข้าหูของมัน และทำให้มันสะดุ้งตกใจทันที
และพอมันหันหน้าไปทางต้นเสียงอย่างไม่รู้ตัว
มันก็พบร่างต้วนหลิงเทียนเหินลอยอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าแววตาแปลกๆ
สายตานั่นช่างเต็มไปด้วยความสมเพชเวทนา ทำราวกับกำลังมองกบก้นบ่อไม่มีผิด!
“…ได้ยังไง?”
“กะ…แก…บินขึ้นมาสูงจากพื้นโลก กระทั่งหลุดออกจากชั้นบรรยากาศ และอยู่ในห้วงอวกาศแบบนี้ไดยังไงโดยไม่ต้องพึ่งยานและชุดอวกาศ!?”
“ต่อให้เป็นนักรบเหนือธรรมชาติที่เชี่ยวชาญธาตุลม…อย่างดีก็ลอยตัวเหนือพื้นดินได้แค่ 100 หมี่เท่านั้น…”
ความตกตะลึงทั้งเหลือเชื่อฉายชัดบนใบหน้าตู้เวย!