ตอนที่ 305-1 ได้ประโยชน์สองต่อ จุดจบ (1)

เสียงกรีดร้องของจีซวงขึ้นมาจุกทีลำคอ นางไม่คิดเลยว่าเขาจะกระทำอะไรเช่นนี้ ถึงแม้นางจะไม่ถ่องแท้เรื่องวรยุทธ์แต่กลับรู้ดีว่าชั่วขณะนั้นอันตรายมากเพียงใด หากโดนดาบนั้นฟันเข้าไป ต่อให้ไม่ตายก็ต้องมีบาดเจ็บสาหัส

นางคิดอยากจะเข้าไปผลักเขา แต่นางตะลึงงันด้วยความตกใจไปแล้ว นางจึงได้แต่มองดาบฟาดใส่หลังท่านเขยฉิน ชั่วขณะที่คมดาบฟันลงไปทำให้เกิดแผลเป็นทางยาว เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมา อาบแผ่นหลังของเขาจนแดงฉาน

เสียงที่ข้างหูค่อยๆ เบาลง โลกภายนอกดูจะเงียบงันไป ได้ยินเสียงเพียงลมหายใจของตนเอง จีซวงรู้สึกคล้ายว่าดาบเล่มนั้นไม่ได้ฟันถูกท่านเขยฉิน แต่ฟันลงมากลางดวงใจนาง และมีบางอย่างกำลังปริแตกพร้อมเลือดที่ทะลักทะลวง

อีกด้านหนึ่ง ผู้คุ้มครองของฉินปิงอวี่ฝ่าจากวงล้อมออกมา วาดดาบบังคับให้องครักษ์ที่ล้อมฉินปิงอวี่อยู่ถอยออกไป ฉินปิงอวี่อุ้มฉินเฉียวขึ้นรถม้า จีซวงพลันตะลึงค้าง ยกกระโปรงวิ่งเข้าไปหา “ท่านพี่! รอข้าด้วย!”

นางก็ขึ้นรถม้าไปด้วย

ผู้คุ้มครองใช้วิชาตัวเบาลอยตัวขึ้นไปบนรถม้า จับเชือกไว้มั่นก่อนจะตะเบ็งเสียงดังพลางบังคับม้าให้ออกวิ่งไปจนฝุ่นตลบ!

องครักษ์พอเห็นคณะของฉินปิงอวี่หนีไปแล้วก็รีบวิ่งไปทางประตูหน้า พลิกตัวขึ้นหลังมาแล้วควบตามทางที่รถม้าวิ่งหายไปทันที

ผู้คุ้มครองของฉินปิงอวี่เร่งความเร็วรถม้าขึ้นเต็มที่ แต่น่าเสียดายที่ยังเร็วสู้ม้าที่วิ่งตัวเปล่าไม่ได้ รถม้าอย่างไรก็ยังเร็วไม่สู้ม้า องครักษ์จึงไล่ตามมากระชั้นขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ติดที่มีจีซวงอยู่ จึงไม่อาจสั่งให้คนยิงธนูใส่รถม้าคันนั้นได้

จีซวงเปรียบประหนึ่งยันต์คุ้มภัยที่เกาะหนึบอยู่กับคนบนรถ

ฉินปิงอวี่ดึงกระบี่ยาวเล่มหนึ่งมาจากใต้ที่นั่ง

จีซวงตกใจมากที่ตนนั่งอยู่บนกระบี่เล่มหนึ่งมาตลอด!

ฉินปิงอวี่ถือกระบี่ ยื่นตัวครึ่งหนึ่งออกไปนอกหน้าต่างแล้วฟันต้นไม้ต้นใหญ่ข้างทางจนล้มลง ต้นไม้ใหญ่เอนล้มลงมาขวางเส้นทางองครักษ์ทั้งหลายไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ม้าตัวใหญ่ตกใจไม่น้อย จึงเริ่มวิ่งวุ่นไปทั่ว เหล่าองครักษ์พากันกระชับบังเหียนในมือ รอให้อารมณ์ของม้าสงบลงแล้วถึงได้กระโดดข้ามต้นไม้นั้นไป

แต่แม้จะเป็นชั่วเวลาเพียงเท่านั้น แต่รถม้าของฉินปิงอวี่ก็แล่นออกไปไกลแล้ว

หัวหน้าองครักษ์ยกมือขึ้น “ตามไป!”

ทุกคนออกตัวตามไปกันสุดกำลัง

รถม้าพุ่งทะยานไปท่ามกลางความมืดอย่างบ้าคลั่ง สองมือของจีซวงจับกำแพงรถม้าไว้มั่น แต่ก็ยังคนถูกแรงกระแทกจนโยกคลอนไปมาอยู่ดี นางเหลือบมองฉินปิงอวี่ที่อยู่ด้านข้าง เขากลับสงบนิ่งราวกับหินผา ในอ้อมแขนเขาคือฉินเฉียวที่ดื่มยาลงไปและกำลังเหงื่อแตกไม่หยุด ฉินเฉียวได้รับการปกป้องอย่างเป็นเลิศ หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเขา

จีซวงกำนิ้วตนเองแน่น นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าในวันหนึ่งนางจะต้องแบ่งปันสามีของตนกับสตรีคนอื่น แน่นอนว่าการคิดเพ้อพกไปเองนั่นย่อมมีบ้าง แต่นางสูงศักดิ์ถึงเพียงนี้ นางสามารถบดขยี้เหล่าผึ้งภมรหน้าไม่อายที่คอยตามตอแยสามีนางไม่เลิกราไปได้ทั้งหมด สามีก็จะเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว คอยพะเน้าพะนอเอาใจนางด้วยความเกรงใจ และนางก็จะเป็นเพียงคนเดียวที่เขาใส่ใจดูแล…

แต่เวลานี้เมื่อนางได้เห็นฉินเฉียว นางถึงได้รู้ว่าตนไม่เคยเป็นคนที่เขาใส่ใจดูแลมากที่สุดมาก่อน

แต่ที่ไม่ต้องสงสัยก็คือ เขาเป็นคนที่นางใส่ใจมากที่สุด

เมื่อเห็นที่เขาปฏิบัติต่อฉินเฉียว นางก็รู้สึกหึงหวงขึ้นมาจนแทบอยากจะเป็นบ้า!

นางพยายามข่มอารมณ์ซับซ้อนในใจเอาไว้ เอ่ยออกไปอย่างยากลำบากว่า “เจ้าบาดเจ็บ มาข้าดูให้”

“ไม่ต้อง” ฉินปิงอวี่เอ่ยปากพร้อมเหงื่อที่ไหลย้อย เขาทนมาได้ถึงตอนนี้ก็นับว่าไม่ง่ายแล้ว เขาไม่อยากเสียงพละกำลังไปกับเรื่องอื่นหรือกระทั่งการพูดจาอีก

เจ้าคิดถึงความรู้สึกข้าบ้างไม่ได้หรือ เจ้าปฏิบัติต่อสตรีนางอื่นต่อหน้าข้าเช่นนี้…

จีซวงสูดหายใจเข้าออกลึกๆ พยายามควบคุมความหึงหวงที่แทบจะทะลักล้นออกมาเอาไว้ “รถม้าโยกเยกเกินไป”

หากเป็นก่อนหน้านี้ไม่จำเป็นต้องให้นางเอ่ยปากด้วยซ้ำ เขาคงเข้ามากอดตนนานแล้ว แต่กระนั้นครั้งนี้ นางเอ่ยออกมาตรงๆ เช่นนี้แล้วเขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อนสักนิด

“ฉินปิงอวี่!” จีซวงเดือดจัด “ในใจเจ้าคิดอย่างไรกันแน่ ปากเจ้าก็บอกว่ารักข้า ไว้ลงหลักปักฐานเรียบร้อยแล้วจะมารับข้า แต่ดูที่เจ้าทำตอนนี้สิ เจ้าอย่าคิดว่าข้ายอมให้เจ้าพานางมาด้วยแล้วเจ้าก็จะไม่เห็นหัวข้าได้นะ! ข้าต่างหาที่เป็นภรรยาเจ้า! ข้าต่างหากคือคนที่เจ้าควรคุ้มครองข้าด้วยชีวิต! ข้าให้กำเนิดบุตรให้เจ้าสองคน ครึ่งชีวิตที่เหลือของข้าก็ให้เจ้าแล้ว แต่นางเล่า นางทำอะไรให้เจ้า เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ยังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่

ฉินปิงอวี่ไม่พูดอะไรสักคำ

จีซวงเขย่าตัวเขา “เจ้าตอบข้าสิ!”

ฉินปิงอวี่ยังคงไม่เอ่ยปาก

จีซวงร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

เวลานี้จะไปหาสหายมาช่วยก็ไม่ทันแล้ว ผู้คุ้มครองเอารถม้าไปจอดไว้ริมแม่น้ำ เขาทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ให้สหายแล้วกระโดดลงจากรถม้า เข็นเรือรำหนึ่งออกมาจากดงพุ่มไม้

ฉินปิงอวี่อุ้มฉินเฉียวลงจากรถม้า

จีซวงเช็ดน้ำตาแล้วตามไป

นางมีความรู้สึกว่าต่อให้ตนจากไปตอนนี้ หายตัวไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้ ฉินปิงอวี่ก็คงไม่พูดอะไรอยู่ดี แต่นางยอมไม่ได้ นางเชื่อว่าฉินปิงอวี่เคยมีความจริงใจให้กับนาง เพียงแต่ระหว่างทางมีฉินเฉียวเข้ามาเลยทำให้เขาลุ่มหลงมัวเมาไป ไว้รอให้เขารับรู้ถึงความดีของนางได้อีกครั้ง เขาก็จะกลับมาหานางเอง

“ท่านพี่ พวกเราจะไปที่ไหนกันหรือ” นางถามเสียงเบา

“ลงใต้” ฉินปิงอวี่ประหยัดคำพูดเสียยิ่งกว่าอะไร

“ต้องไปทางน้ำหรือ” จีซวงบิดผ้าเช็ดหน้าด้วยความกลัว “ข้าว่ายน้ำไม่เป็น เรือนี่ก็เล็กเท่านี้ หากเกิดพลิกคว่ำไปจะทำอย่างไร”

ฉินปิงอวี่เหลือบมองนางทีหนึ่ง

นางระบายยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “เจ้าจะปกป้องข้าใช่หรือไม่”

ฉินปินอวี่เลื่อนสายตาหนี

จีซวงรู้สึกเย็นวาบไปทั้งใจ

ฟิ้ว!

ธนูดอกหนึ่งพุ่งมาปักลงที่พื้น

พวกเขาพากันตกใจ พอหันมองไปทางที่ธนูลอยมาก็เห็นว่าเหล่าองครักษ์ที่ถูกทิ้งห่างไปไกล ไม่รู้ว่าไล่ตามพวกเขามาทันตั้งแต่เมื่อไร

เหล่าองครักษ์ควบม้าพุ่งทะยานเข้ามา กระบี่ในมือเปลี่ยนเป็นคันธนู พวกเขาง้างธนูเล็งตรงมาที่พวกตน

องครักษ์เหล่านี้ไม่ใช่องครักษ์ของบ้านตระกูลจี จีซวงไม่รู้จักพวกเขา แต่จีซวงเข้าใจถึงฐานะของตนดี ขอเพียงพวกเขาเป็นคนของทางการหรือเป็นคนที่หมิงซิวส่งมา ก็ไม่มีทางกล้าทำร้ายตนแน่นอน

นางรวบรวมความกล้า กดความตระหนกตกใจเอาไว้แล้วเข้าไปขวางหน้าพวกฉินปิงอวี่ นางมองตรงไปยังองครักษ์ที่กำลังง้างธนูด้วยสีหน้าดุดันพร้อมเอ่ยเสียงเย็นว่า “ลดธนูลงเดี๋ยวนี้!”

แต่กระนั้นเหล่าองครักษ์ก็ยังไม่ลดธนูลง ซ้ำยังง้างจนสุดกำลังเลยอีกด้วย

ใจจีซวงสั่นสะท้าน ตะคอกเสียงเข้มว่า “ข้าให้พวกเจ้าลดธนูลง ไม่ได้ยินหรือ! หูหนวกหรือเป็นบ้ากันแน่ ข้าเป็นท่านน้าของหมิงซิว หากพวกเจ้าทำอะไรข้าแม้แต่ปลายเส้นผม หมิงซิวไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”

ฟิ่ว!

ธนูดอกหนึ่งลอยตรงมาปักที่หน้าอกของนาง

นางมองลูกธนูตรงหน้าอกอย่างไม่อยากเชื่อ เลือดสดๆ ไหลทะลัก อาบย้อมอาภรณ์นางจนแดงฉาน นางเป็นถึงท่านน้าของอัครเสนาบดี เป็นน้องสาวของประมุขตระกูลจี เหตุใดถึงมีคนกล้ายิงธนูใส่นาง คนเหล่านี้เข้าใจอะไรผิดหรือไม่

“ข้าเป็นท่านน้าสายตรงของอัคร…”

ฟิ้ว!

ธนูอีกดอกดอกหนึ่งลอยมาปักเข้าที่หน้าอกนาง ความแรงของมันทำให้ตัวนางเซถอยไปด้านหลังหลายก้าวก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น

ฉินปิงอวี่กับผู้คุ้มครองมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าช่วงก่อนหน้านี้ที่พวกเขาประมือกัน ไม่ว่าจะเป็นคนของทางการก็ดีหรือคนของบ้านตระกูลจีก็ดี ต่างก็ยั้งมือกับพวกเขาทั้งสิ้น แต่ในเวลานี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรคอยขวางความเด็ดเดี่ยวห้าวหาญของคนกลุ่มนี้แล้ว

ผู้คุ้มครองชักกระบี่ออกมา ใช้ภาษาที่จีซวงฟังไม่เข้าใจเอ่ยเร่งฉินปิงอวี่ให้ขึ้นเรือ

ฉินปิงอวี่อุ้มฉินเฉียวขึ้นบนเรือ

องครักษ์กระโดดขึ้นเรือตามไป

จีซวงเจ็บจนน้ำตาไหลออกมา พยายามยื่นมือไปหาสามี “ท่านพี่…”

ฉินปิงอวี่ยื่นมือจะไปจับนาง

นางเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นระบายยิ้ม นางรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางไม่สนใจนาง ในใจเขายังมีนางอยู่

ฟิ้ว!

ธนูอีกดอกหนึ่งลอยมาอีกครั้ง ผู้คุ้มครองใช้กระบี่ปัดธนูดอกนั้นออกไป เขาพูดบางอย่างกับฉินปิงอวี่ด้วยความโกรธ มือที่จะยื่นไปจับจีซวงของฉินปิงอวี่พลันชะงักค้าง

จีซวงพลันหน้าถอดสี ยื่นแขนออกไปยาวขึ้น คิดจะคว้ามือเขาไว้ “ท่านพี่…อย่าทิ้งข้าไป…”

ในขณะที่ใกล้จะจับถูกมืออีกฝ่ายนั้น เรือก็พายออกไปเสียก่อน

มือจีซวงคว้าได้เพียงความว่างเปล่า นางมองไปทางฉินปิงอวี่อย่างเหม่อลอย “ท่านพี่…ท่านพี่! ท่านพี่! ท่านพี่อย่าไป! เจ้าอย่าทิ้งข้า! ท่านพี่…ท่านพี่! ท่านพี่…”

เรือแล่นไกลออกไปเรื่อยๆ ในที่สุดนางก็ยังคงเป็นคนที่ถูกทิ้ง

นางถูกธนูยิงเข้าใส่สองดอก แต่ดอกที่เจ็บที่สุดคือ “ธนู” ดอกสุดท้ายจากเขา