ตอนที่ 1209 สวรรค์เข้าข้างซีเหลียง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1209 สวรรค์เข้าข้างซีเหลียง

หลิ่วผิงเกาส่ายหน้า “ฝ่าบาทกำลังทรงพระครรภ์อยู่ ทรงลำบากมากแล้ว เรื่องใดที่พวกเราจัดการได้ก็ไม่ควรนำไปรบกวนการพักผ่อนของพระองค์ เจ้ารีบไปถ่ายทอดคำสั่งก่อน ข้าเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจะรีบตามไป”

“ขอรับ!”

นอกเมืองเจียงจือ

ตู้ซานเป่าหันกลับไปมองค่ายทหารของซีเหลียงแวบหนึ่ง จากนั้นตะโกนสุดเสียง “ถอย รีบถอยทัพเร็วเข้า!”

แม่ทัพซีเหลียงสั่งให้ทหารรีบขี่ม้าไล่ตามทหารต้าโจวไปด้วยความโมโห ทว่า ตอนนี้ซีเหลียงยังไม่พร้อมที่จะบุกเมืองเจียงจือ การส่งทหารไล่ตามไปเท่ากับเป็นการส่งพวกเขาไปตาย

แม่ทัพชราชุยซานจงจึงไม่อนุญาตให้ทหารซีเหลียงไล่ตาม

การโยนประทัดเข้าไปในค่ายทหารของซีเหลียงทำให้ทหารซีเหลียงที่ยังพักผ่อนไม่เต็มที่สะดุ้งตื่นขึ้น ทหารซีเหลียงไม่ได้พักผ่อนอย่างสงบอีกต่อไป

เมื่อปลอบขวัญม้าและดับไฟเสร็จเรียบร้อยบรรดาแม่ทัพซีเหลียงจึงพากันไปยังกระโจมของแม่ทัพชราชุยซานจงด้วยความโมโห ต่างกล่าวว่าจะบุกโจมตีเมืองเจียงจือให้ราบคาบ

แม่ทัพชราชุยซานจงเห็นบรรดาแม่ทัพและทหารซีเหลียงเริ่มเดือดดาลจึงรู้ว่าจะรอต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเขาต้องให้บทเรียนแก่ต้าโจวสักครั้ง เมื่อเขาลุกขึ้นยืนก็เห็นสายลับคนหนึ่งเดินเข้ามาด้านใน จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น “รายงานท่านแม่ทัพ เมื่อคืนเมืองไป๋หลงเตรียมจัดเสบียงเพื่อส่งมายังเมืองเจียงจือในวันพรุ่งนี้แล้วขอรับ”

“สวรรค์เข้าข้างซีเหลียงจริงๆ !” แม่ทัพชราชุยซานจงกล่าวเสียงดังลั่นอย่างมั่นใจ “เตรียมจัดทัพบุกโจมตีเมือง!”

จู่ๆ ไฟในค่ายทหารของซีเหลียงที่ล้อมอยู่นอกเมืองเจียงจือสว่างจ้าขึ้นทั้งค่าย

เมื่อหลิ่วผิงเกาเห็นพวกของตู้ซานเป่าเข้ามาในเมืองแล้วจึงรีบตะโกนสั่ง “รีบปิดประตูเมือง!”

เมื่อเห็นทหารซีเหลียงยังไล่ตามมาไม่หยุดหย่อนใจของหลิ่วผิงเกาจึงตึงเครียดตลอดเวลา เมื่อเห็นพวกของตู้ซานเป่ากลับเข้ามาในเมืองเรียบร้อย ประตูเมืองถูกปิดสนิทลง หลิ่วผิงเกาที่ยืนกำดาบที่เอวแน่นจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันที เวลานี้เขาจึงรู้สึกว่าฝ่ามือของเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ

หลิ่วผิงเการีบเดินลงไปด้านล่างกำแพงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นตู้ซานเป่าก้าวลงจากหลังม้าเขาจึงรีบเข้าไปตวาดลั่น “ตู้ซานเป่า! ผู้ใดสั่งให้เจ้าบุกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงกัน! เจ้าไม่รู้หรือว่าฝ่าบาททรงไม่อนุญาตให้พวกเราบุกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียง!”

ตู้ซานเป่าลงจากหลังม้า จากนั้นหัวเราะแห้งๆ “ข้าเห็นว่าท่านแม่ทัพหลิ่วเองก็อยากบุกโจมตีซีเหลียงจึงกล้าทำเช่นนี้ขอรับ มันได้ผลลัพธ์ดีไม่ใช่หรือขอรับ ทหารซีเหลียงสะดุ้งตกใจตื่นเพราะเสียงประทัดกันทั้งค่ายเลยขอรับ”

“ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำเสียเรื่องมากกว่า หากซีเหลียงยกทัพบุกโจมตีเจียงจือก่อนเวลาจะทำเช่นไร เจ้าจะทำลายแผนการใหญ่ของฝ่าบาทของพวกเรา!” หลิ่วผิงเกาตวาดลั่น

หลิ่วผิงเกาเพิ่งคิดได้เมื่อครู่ว่าเหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงไม่อนุญาตให้พวกเขาบุกโจมตีค่ายทหารของซีเหลียง

ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งให้คนนำจดหมายออกไปจากเมืองได้ไม่นาน เมืองไป๋หลงอยู่ใกล้เมืองเจียงจือจึงยังไม่น่าเป็นห่วงนัก ทว่า ด่านเย่เฉิงอยู่ค่อนข้างไกลจากเมืองเจียงจือ หากจดหมายยังส่งไปไม่ถึงแล้วพวกเขาบุกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียง…หากซีเหลียงยกทัพบุกมาโจมตีเมืองเจียงจือแล้วทัพเสริมมาช่วยเหลือไม่ทันจะทำเช่นไร

ตู้ซานเป่านิ่งอึ้ง เขาไม่ได้คิดลึกถึงเพียงนั้น “คงไม่กระมังขอรับ! ฟ้ามืดเช่นนี้พวกเขาจะบุกโจมตีเมืองได้อย่างไรขอรับ”

สิ้นเสียงของตู้ซานเป่า ทหารทุกคนได้ยินเสียงกลองศึกของซีเหลียงดังสนั่นขึ้น

“บุกโจมตีเมืองแล้ว!” หลิ่วผิงเกาเบิกตาโพลง

ตู้ซานเป่าคิดไม่ถึงว่าการลอบบุกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงครั้งเดียวจะทำให้พวกนั้นเปลี่ยนเวลาโจมตีเมืองเช่นนี้ ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงทันที

“ท่านแม่ทัพหลิ่วทำเช่นไรดีขอรับ ข้าแค่อยากให้ทหารซีเหลียงไม่มีเวลาพักผ่อนเท่านั้นเองขอรับ” ตู้ซานเป่ามีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นทันที “ข้าทำลายแผนการของต้าโจวแล้วใช่หรือไม่ขอรับ”

เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้รับข่าวก็ตกอยู่ในอาการตะลึงเช่นเดียวกัน ทว่า สงครามมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ โชคดีที่ไป๋ชิงเหยียนเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว นางสั่งให้ฝึกฝนชาวบ้านในเมืองเจียงจือพอสมควรแล้ว ที่สำคัญจดหมายถูกส่งออกไปจากเมืองแล้วเช่นเดียวกัน

ไป๋ชิงเหยียนมัดผมสูง สวมชุดเกราะสีเงิน จากนั้นหยิบธนูเซ่อรื้อพาองครักษ์ไป๋มุ่งหน้าไปยังกำแพงเมือง

หลิ่วผิงเกาที่กำลังสั่งให้ทหารบนกำแพงเมืองเตรียมรับมือได้ยินเสียงทหารทำความเคารพฝ่าบาทจึงรีบเดินลงไปจากกำแพงเมือง ตู้ซานเป่าที่ก่อเรื่องรีบเดินตามหลังหลิ่วผิงเกาไปหาไป๋ชิงเหยียนทันที

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนลงจากหลังม้าหลิ่วผิงเการีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นพลางกล่าวขอขมา “ฝ่าบาท กระหม่อมขัดพระบัญชาของฝ่าบาทส่งทหารออกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียง นึกไม่ถึงว่าจะทำให้ซีเหลียงบุกโจมตีพวกเราก่อนเวลาเช่นนี้ ฝ่าบาทได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ตู้ซานเป่าไม่คิดว่าหลิ่วผิงเกาจะรับความผิดทุกอย่างไว้เองเช่นนี้ เขาจึงรีบกล่าวขึ้นอย่างรู้สึกผิดมากกว่าเดิม “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเป็นคนฝืน…”

“นี่ไม่ใช่เวลามาแย่งกันรับผิด!” ไป๋ชิงเหยียนโยนแส้ม้าให้องครักษ์ไป๋ จากนั้นเดินผ่านร่างของหลิ่วผิงเกาและตู้ซานเป่าขึ้นไปบนกำแพงทันที

หลิ่วผิงเกาและตู้ซานเป่ารีบเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปบนกำแพงเมือง

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเบื้องหน้า เมื่อเห็นทหารซีเหลียงกำลังรวมพลกันอยู่ หญิงสาวหันไปสั่ง “รีบตีกลองเรียกรวมพลชาวบ้านทุกคน ซีเหลียงกำลังจะบุกโจมตีเมืองแล้ว!”

ไม่นานเสียงกลองดังสนั่นขึ้นกลางเมืองเจียงจือทันที

ทหารต้าโจวตีกลองปลุกชาวบ้านให้ตื่น “ซีเหลียงบุกโจมตีเมืองแล้ว! ซีเหลียงบุกโจมตีเมืองแล้ว หากปกป้องเมืองเจียงจือไว้ไม่ได้พวกเราจะถูกสังหารทิ้งทั้งเมือง!”

เมื่อชาวบ้านในเมืองเจียงจือได้ยินว่าหากซีเหลียงบุกเข้ามาในเมืองได้สำเร็จจะสังหารพวกเขาทิ้งทั้งหมด ทุกคนจึงหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ทหารซีเหลียงสังหารชาวบ้านซีเหลียงด้วยกันเองที่นอกเมืองขึ้นมาทันที ทุกคนต่างรีบตื่นนอนและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างกระตือรือร้น ต่างหยิบอาวุธในบ้านของตัวเองวิ่งไปยังกำแพงเมืองพลางตะโกนเรียกเพื่อนบ้านให้ออกไปช่วยกันต่อต้านศัตรู ซีเหลียงกำลังบุกโจมตีเมืองแล้ว

ก่อนหน้านี้ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้หลิ่วผิงเกาพาทหารไปช่วยฝึกฝนวิธีต่อสู้ให้ชาวบ้าน มอบหมายหน้าที่รักษาอาการบาดเจ็บของทหารและขนอาวุธและของใช้ที่จำเป็นขึ้นไปบนกำแพงเมืองให้ชาวบ้าน ดังนั้นทหารบนกำแพงเมืองต้องยิงธนูอย่างแม่นยำ ลูกธนูทุกดอกมีค่า ห้ามยิงพลาดเป้าแม้แต่ลูกเดียว

การฝึกฝนในช่วงหลายวันที่ผ่านมาไม่ได้เปล่าประโยชน์ เมื่อเสียงแตรและกลองศึกบนกำแพงเมืองดังขึ้นชาวบ้านจึงพากันกระจายตัวไปยังกำแพงเมืองทิศต่างๆ ตามที่เคยฝึกฝนมาทันที ทหารต้าโจวง้างสายธนูเต็มเหนี่ยวรอเวลาที่กองทัพซีเหลียงจะบุกเข้ามาถึงระยะยิงธนู ชาวบ้านช่วยกันขนลูกธนูขึ้นไปบนกำแพง ชาวบ้านบางคนที่ร่างกายกำยำยืนอยู่หลังเครื่องยิงธนูอย่างเตรียมพร้อม

ไป๋ชิงเหยียนยืนมองกองทัพซีเหลียงที่กำลังจะบุกมาโจมตีเมืองเจียงจืออยู่บนกำแพงเมืองนิ่ง แม้นางจะมองไม่เห็นร่างของแม่ทัพชราชุยซานจงในกองทัพซีเหลียง ทว่า นางมองเห็นแม่ทัพใหญ่คนอื่นในกองทัพซีเหลียงแล้ว หญิงสาวง้างสายธนูเซ่อรื้อ หยิบลูกธนูออกมาจากเอว เล็งไปยังตำแหน่งที่ไกลออกไป…

ทหารบนกำแพงเมืองเจียงจือทั้งสี่ทิศอยู่ในท่าเตรียมพร้อม

แม่ทัพชราชุยซานจงไม่ได้ตั้งใจจะบุกโจมตีเมืองเจียงจือจริงๆ เขาไม่ได้นำทัพบุกไปทางประตูทิศใต้ของเมืองเจียงจือเท่านั้น ทว่า นำทัพบุกไปยังประตูทุกทิศของเมืองเจียงจือ

แม้กองทัพของเขาจะมีจำนวนมากจนน่าหวาดหวั่น ทว่า คงไม่ได้ผลสักเท่าใดนัก แต่หากว่ากองกำลังในเมืองมีไม่มากพอการบุกโจมตีทั้งสี่ทิศเช่นนี้คงทำให้ต้าโจวป้องกันลำบากอยู่เหมือนกัน

ทว่า สิ่งที่แม่ทัพชราชุยซานจงไม่รู้ก็คือการที่ทหารซีเหลียงไม่อนุญาตให้ชาวบ้านซีเหลียงอพยพออกจากเมือง ทั้งยังสังหารชาวบ้านซีเหลียงทำให้ชาวบ้านซีเหลียงที่อยู่ในเมืองเจียงจือพร้อมลุกขึ้นช่วยต้าโจวปกป้องเมืองเจียงจืออย่างเต็มที่ ตอนนี้พวกเขากลายเป็นชาวบ้านของต้าโจวแล้ว ผู้ใดไม่กลัวถูกกองทัพซีเหลียงสังหารหากพวกนั้นบุกเข้ามาในเมืองได้สำเร็จกัน

การเข้าร่วมของชาวบ้านซีเหลียงเหนือความคาดหมายของแม่ทัพชราชุยซานจง เขาคิดว่าไม่ว่าอย่างไรชาวบ้านเหล่านี้ก็ล้วนเกิดและเติบโตมาในแคว้นซีเหลียงเกือบครึ่งชีวิต ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ควรเข้าข้างซีเหลียง