ตอนที่ 1211 ต่อสู้อย่างกล้าหาญ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1211 ต่อสู้อย่างกล้าหาญ

ทหารส่งสารของกองทัพไป๋ออกเดินทางช่วงบ่ายของเมื่อวาน จากความเร็วในการส่งสารของกองทัพไป๋เขาน่าจะไปถึงด่านเย่เฉิงภายในช่วงบ่ายของวันนี้ แม่ทัพหยางอู่เช่อซึ่งคุ้มกันด่านเย่เฉิงน่าจะเร่งเดินทางมาถึงภายในสองวัน

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองท้องฟ้า คำนวณจากเวลาหากเมืองไป๋หลงเริ่มออกเดินทางนำเสบียงมาส่งตั้งแต่เช้า ตอนนี้กองทัพเสริมที่ดักปล้นเสบียงของซีเหลียงน่าจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองถูกหลอก ตอนนี้คงส่งคนกลับมารายงานแม่ทัพชราชุยซานจงแล้ว

หลังจากนั้นกองทัพซีเหลียงต้องบุกโจมตีเมืองเจียงจือเต็มกำลังแน่นอน

เมื่อองครักษ์ไป๋ส่งข่าวให้เมืองไป๋หลงทราบเสร็จ เขาจะเดินทางไปขอความช่วยเหลือต่อที่เมืองผิงหยาง กองทัพผิงหยางต้องการเวลาในการเดินทางมายังเมืองเจียงจือ

กองทัพซีเหลียงบุกโจมตีเมืองก่อนเวลาดังนั้นทุกอย่างจึงไม่ได้เป็นไปตามแผนการที่ไป๋ชิงเหยียนวางไว้

ตอนนี้ขอเพียงนางไม่จากไป ทุกคนในเมืองเจียงจือต้องมีกำลังใจต้านทานศัตรูจนกว่าแม่ทัพหยางอู่เช่อหรือกองทัพผิงหยางจะนำทัพเสริมมาช่วยเหลือแน่นอน เพราะในเมืองนี้ไม่ได้มีเพียงทหาร ทว่า ยังมีชาวบ้านทุกคนที่กำลังร่วมแรงร่วมใจกันช่วยต้าโจวต่อต้านซีเหลียงอยู่ด้วย

“ฝ่าบาท พระองค์คือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว พวกเราทุกคนเสียชีวิตได้ ทว่า ฝ่าบาทจะทรงเป็นอันใดไปไม่ได้เด็ดขาด! มิเช่นนั้นต้าโจวจะเกิดอุปสรรคใหญ่หลวงในการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งนะพ่ะย่ะค่ะ” ตู้ซานเป่ายังคงกล่าวโน้มน้าวไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทคือขวัญและกำลังใจของทุกคนในต้าโจว ชีวิตของพวกเราทุกคนสำคัญน้อยกว่าชีวิตของฝ่าบาท ต่อให้นำชีวิตของชาวบ้านทุกคนในเมืองมารวมกันก็ยังเทียบไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาทคือคนที่จะนำพวกเราไปรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ขอเพียงฝ่าบาทยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ขอเพียงฝ่าบาทไม่ถูกซีเหลียงจับได้ พวกเราจึงจะสามารถปกป้องชาวบ้านอีกมากมาย สามารถสร้างสันติสุขให้ใต้หล้าแห่งนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ! นี่คือสิ่งที่แม้ทหารและชาวบ้านในเมืองรวมกันก็ไม่สามารถทำได้พ่ะย่ะค่ะ!”

ดวงตาของตู้ซานเป่าแดงก่ำ เขาคุกเข่าขอร้องไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมนำทหารไปโจมตีค่ายทหารซีเหลียงโดยพลการจนทำลายแผนของฝ่าบาท ฝ่าบาท…ตู้ซานเป่าไม่สามารถปล่อยให้ฝ่าบาทแบกรับความผิดนี้แทนกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทรีบเสด็จออกจากเมืองเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ตู้ซานเป่าได้รับคำสั่งให้ปิดตายหลุมทางออก ทว่า เขากลัวว่าซีเหลียงจะบุกล้อมเมืองจนพวกเขาออกไปไม่ได้ เขาต้องเหลือทางรอดให้ไป๋ชิงเหยียนหนีออกจากเมืองไป

ไป๋ชิงเหยียนตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะอยู่คุ้มกันเมืองเจียงจือจนถึงที่สุด หญิงสาวตะโกนเสียงดังลั่น “ให้ทหารทุกคนยืนหยัดสู้ต่อไป! แม้กองทัพซีเหลียงจะบุกมาถึงกำแพงเมืองแล้ว ทว่า พวกนั้นทำสงครามมาทั้งคืน พวกเขาต้องกินอาหาร ต้องพักผ่อน ร่างกายของทหารซีเหลียงไม่ได้ทำด้วยเหล็ก!”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงหันไปมองตู้ซานเป่าที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “ลุกขึ้น หยิบธนูของเจ้าขึ้นมา!”

“ฝ่าบาท!” ตู้ซานเป่ากล่าวเสียงสะอื้น

กองทัพต้าโจวยังคงป้องกันกำแพงเมืองเจียงจืออย่างไม่ถอยหนี พวกเขาไม่มีเวลากินอาหารแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงทหารซีเหลียงเลย

เดิมทีไป๋ชิงเหยียนคิดว่าทหารห้าพันกว่านายรวมกับชาวบ้านทั้งหมดในเมืองเจียงจือคงทำให้กองทัพซีเหลียงจำนวนห้าหมื่นกว่านายที่ถึงแม้จะกินอิ่มนอนหลับไม่สามารถโจมตีเมืองเจียงจือได้ง่ายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงนี้

ทว่า นี่คือสงครามสุดท้ายของซีเหลียง พวกเขามีจำนวนคนมากกว่า พวกเขายินดีสละชีพของตัวเองต่อสู้กับทหารต้าโจว ที่สำคัญยิ่งต่อสู้ยิ่งดุดันมากขึ้นจนไป๋ชิงเหยียนเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาทันที

ทหารซีเหลียงใช้ร่างกายของตัวเองป้องกันให้สหายในกองทัพนำบันไดเชือกไปพาดบนกำแพงเมือง พลทหารโล่แนบหลังชิดกำแพงพลางจับเชือกบันไดแน่นเพื่อให้บันไดมั่นคงที่สุด ด้านล่างบันไดเชือกเต็มไปด้วยศพของทหารซีเหลียง

ซีเหลียงราวกับคนบ้าที่ไม่กลัวตายและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย

หากเมืองถูกตีแตก…

ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าคิด

หากเมืองเจียงจือถูกตีแตก จากสถานการณ์ที่ซีเหลียงกำลังขาดแคลนเสบียงอาหารอย่างหนักในตอนนี้ทหารต้าโจวคงไม่สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ กองทัพซีเหลียงไม่มีทางแบ่งอาหารให้เชลยแน่นอน

ถึงแม้ซีเหลียงจะไม่สังหารชาวบ้านในเมืองเจียงจือ พวกเขาก็ต้องปล้นชิงเสบียงอาหารจากชาวบ้านไปจนหมด ชาวบ้านคงไม่เหลือทางรอดเช่นเดียวกัน

หากนางถูกจับเป็นตัวประกัน บรรดาน้องๆ ของนางต้องย้อนกลับมาช่วยเหลือนางโดยไม่มีข้อแม้แน่นอน

ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด!

ดังนั้นพวกนางต้องปกป้องเมืองเจียงจือด้วยชีวิต นางและทหารทุกคนจะทำให้ได้เหมือนท่านปู่และท่านพ่อของนาง หากไม่ตายไม่มีวันถอดเกราะ!

ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีของแม่ทัพชราชุยซานจงก็รู้ทันทีว่าหากไม่สำเร็จวันนี้เขาไม่มีทางถอยทัพแน่นอน

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวเงยหน้าสังเกตทิศทางลม จากนั้นหันไปตะโกนเรียกตู้ซานเป่าที่ยืนยิงธนูอยู่ไม่ไกล “ตู้ซานเป่า!”

ตู้ซานเป่าที่กำลังยิงธนูใส่ทหารซีเหลียงที่อยู่ด้านล่างกำแพงอย่างดุดันรีบรับคำและวิ่งไปหาไป๋ชิงเหยียนทันที “ฝ่าบาท!”

ไป๋ชิงเหยียนกระชากร่างตู้ซานเป่าเข้ามาใกล้พลางกล่าวขึ้น “เจ้าพาทหารไปรวบรวมฮวาเจียว[1]และพริกที่มีอยู่ในเมืองเจียงจือทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้ เราจะจัดการกับกองทัพซีเหลียงด้วยวิธีเดียวกับที่เคยทำกับกองทัพช้าง มัดพริกเหล่านั้นเป็นถุงเล็กๆ ทำให้เปียกชื้นเล็กน้อย รีบไปเร็ว!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ตู้ซานเป่าโยนธนูในมือทิ้ง จากนั้นตะโกนเรียกลูกน้องของตัวเองให้วิ่งตามลงไปด้านล่างกำแพง เขาตะโกนสั่งให้ชาวบ้านไปรวบรวมพริกทั้งหมดที่สามารถนำมาห่อได้จากร้านเครื่องเทศและเครื่องหอมในเมืองมาทั้งหมด

เมื่อได้ยินคำสั่งจากตู้ซานเป่าชาวบ้านจึงรีบกระจายตัวกันไปทำตามคำสั่งทันที

ทหารบนกำแพงเมืองต่อสู้กันอย่างกล้าหาญและดุดัน ทหารด้านล่างกำแพงเมืองช่วยกันส่งเครื่องเทศชื้นที่มัดรวมกับขี้เถ้าอยู่ในถุงเดียวขึ้นไปบนกำแพงเมือง

กองทัพต้าโจวสวมผ้าปิดปากเรียบร้อยทุกคน พวกเขาโยนถุงเครื่องเทศลงไปด้านล่างกำแพงได้ไม่เท่าใดก็เห็นฝุ่นตลบขึ้นทางด้านหลังกองทัพซีเหลียง กองทัพที่ขบวนยาวรราวกับมังกรกำลังมุ่งหน้าไปทางกองทัพซีเหลียง

ไม่นานกองทัพซีเหลียงก็อลหม่านขึ้นทันที ด้านหลังกองทัพเต็มไปด้วยเสียงสู้รบของทหาร

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงช้างยักษ์ร้องขึ้นท่ามกลางฝุ่นควันและเสียงสู้รบของทหาร

ทหารชี้ไปยังเบื้องหน้า จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “ทัพเสริมมาถึงแล้ว!”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้น หญิงสาวก้าวไปด้านหน้าสองก้าวพลางกำขอบกำแพงเมืองแน่น นางมองเห็นธงนกดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของต้าเยี่ยนมาจากที่ไกลๆ !

เซียวหรงเหยี่ยนอย่างนั้นหรือ!

ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นม้าศึกสีดำตัวหนึ่งบุกเข้าไปใจกลางกองทัพซีเหลียงอย่างอาจหาญด้วยร่างที่เต็มไปด้วยไอสังหาร

ม้าศึกยกขาถีบทหารซีเหลียงล้มลงบนพื้นมากมายนับไม่ถ้วน บุรุษสวมหน้ากากที่นั่งอยู่บนหลังม้าถือดาบยาวไว้ในมือ เขาสวมชุดเกราะสีดำสนิท เสื้อคลุมกันลมสยายตามแรงลมราวกับปีกของเหยี่ยว

เสื้อเกราะของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเลือด ไอสังหารที่แผ่ออกมารอบกายน่าหวาดหวั่นราวกับปีศาจที่ผุดขึ้นจากขุมนรก

คือเซียวหรงเหยี่ยนจริงๆ ด้วย!

ไป๋ชิงเหยียนมองดูเซียวหรงเหยี่ยนที่กำลังใช้ดาบเล่มเดียวสังหารทหารซีเหลียงกลางกองทัพของซีเหลียง ใจของหญิงสาวกระตุกวูบ นางรีบหยิบลูกธนูจากกระบอกใส่ธนูของทหารซึ่งยืนอยู่ข้างกาย จากนั้นยิงออกไปทันที ลูกธนูแหลมลอยผ่านอากาศเฉียดหมวกเกราะของเซียวหรงเหยี่ยนปักทะลุลำคอของทหารซีเหลียงที่กำลังจะลอบโจมตีชายหนุ่ม

เซียวหรงเหยี่ยนกำบังเหียนม้าด้วยมือข้างเดียวแน่น เขาตวัดดาบฟันศีรษะของแม่ทัพที่อยู่ทางฝั่งซ้าย ทหารซีเหลียงที่เลือดท่วมตัวอยู่ทางฝั่งขวาของเซียวหรงเหยี่ยนกำหอกยาวในมือแน่นพลางพยายามใช้หอกโจมตีร่างของเซียวหรงเหยี่ยนให้หล่นจากหลังม้าให้ได้อย่างสุดชีวิต

เซียวหรงเหยี่ยนสัมผัสถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาจึงรีบหันกลับไปใช้ดาบในมือต้านหอกยาวนั้นเอาไว้ ทว่า เขายังไม่ทันจะตวัดดาบอีกครั้งก็เห็นลูกธนูเสียบทะลุลำคอของทหารซีเหลียงผู้นั้นเสียก่อน

[1] ฮวาเจียว เครื่องเทศชนิดหนึ่งของจีนมีลักษณะคล้ายเม็ดพริกไทย ทว่า มีรสชาติที่ต่างกันโดยพริกไทยมีรสเผ็ด ฮวาเจียวให้ความรู้สึกชา