เล่ม 1 ตอนที่ 303-1 รับกรรมที่ตนก่อ ให้บทเรียนจีซวง (1)

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 303-1 รับกรรมที่ตนก่อ ให้บทเรียนจีซวง (1)

คืนเดือนมืด ลมพัดแรง คุกใต้ดินมีแต่ความเงียบงัน องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตูกำลังจับกำไลทองคำที่จีซวงให้เล่นอยู่ในมือ สีสันสดดีเหลือเกิน ไม่เสียแรงที่เป็นรางวัลจากเจ้านายในตระกูลใหญ่

“พวกเจ้าดูแลท่านเขยกันอย่างไร”

อยู่ๆ น้ำเสียงเยือกเย็นของจีซวงก็ดังขึ้นทางด้านหลัง องครักษ์รีบเก็บกำไลลงแล้วหันไปทำความเคารพ “ฮูหยิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึไม่ขอรับ”

จีซวงเอ่ยอย่างหัวเสียว่า “เจ้าเข้าไปดูเองสิ!”

องครักษ์หมุนตัวเดินเข้าไปในคุกใต้ดิน เห็นเพียงในกรงขัง ท่านเขยฉินนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น

จีซวงเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ข้าแค่ให้พวกเจ้าจับเขาขังไว้ในคุกใต้ดิน แต่ไม่ได้ให้พวกเจ้าซ้อมเขาจนตายนะ!”

องครักษ์รีบบอกว่า “พวกเราไม่ได้ซ้อมนะขอรับ!”

จีซวงทำเสียงหึ “หากพวกเจ้าไม่ได้ซ้อมแล้วเขาจะตายได้อย่างไร”

องครักษ์เริ่มเลิ่กลั่ก “เขา…เขาตายแล้ว?”

จีซวงตาพลันเป็นประกาย เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ข้าเรียกเขาอยู่ตั้งนานเขาก็ไม่ขยับสักนิด หากไม่ใช่ตายจะคืออะไร ข้าจะไปบอกพี่ใหญ่ข้า บอกว่าพวกเจ้าซ้อมท่านเขยจนตาย!”

“ฮูหยินอย่าเพิ่งบุ่มบ่าม ข้าขอเข้าไปดูก่อน” องครักษ์เอากุญแจออกมาไขเปิดประตู

สายตาจีซวงเริ่มล่อกแล่ก เหลือบมองท่านเขยฉินที่นอนแผ่อยู่บนพื้น ในตอนนั้นองครักษ์เข้าไปในห้องขังแล้ว เขาย่อตัวลงตรวจดูอาการของท่านเขยฉิน แต่แล้วจู่ๆ ท่านเขยฉินก็ยกมือที่ถูกจับคล้องโซ่เหล็กขึ้นมาแล้วใช้โซ่รัดเข้าที่คอของเขา พอออกแรงดึงองครักษ์ผู้นั้นก็หมดสติลงกับพื้นทันที

ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา จีซวงยังไม่ทันตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านเขยฉินก็ค้นหากุญแจจากตัวองครักษ์มาไขโซ่เหล็กที่เท้าให้ตนเองเรียบร้อยแล้ว

จีซวงยังคงอยู่ในภวังค์แห่งความตกใจ ดูไม่อยากเชื่อว่าบุรุษที่ดุดันผู้นี้จะคือสามีของตน

ท่านเขยฉินก็รู้สึกได้ว่าออกจะไม่รอบคอบอยู่สักหน่อย แต่ในเมื่อทำไปแล้วจึงไม่มีอะไรน่าปิดบังอีก เขาคว้ามือจีซวงแล้วบอกว่า “ซวงเอ๋อร์ พวกเราไปกัน!”

จีซวงยังคงอยู่ในอาการตกใจ นางถูกท่านเขยฉินลากออกไปข้างนอก ท่านเขยฉินได้รับบาดเจ็บภายใน จึงวิ่งชนนู่นชนนี่ไปตลอดทางจนกลับไปถึงเรือนสี่ ท่านเขยฉินหายารักษาอาการบาดเจ็บภายในออกมากิน พละกำลังจึงฟื้นกลับมาได้ชั่วคราว คนในเรือนสี่มองท่านเขยที่กลับมาจากคุกใต้ดินอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าควรจะไปแจ้งข่าวหรือไม่

จีซวงเอ่ยสั่งเสียงเข้มว่า “พวกเจ้าเงียบปากกันไว้เลยนะ หากใครกล้าเอาเรื่องนี้ออกไปพูดแม้แต่ครึ่งคำ ข้าจะฉีกปากคนผู้นั้นให้เละเลยคอยดู!”

ทุกคนจึงได้แต่รับคำอย่างกล้าๆ กลัวๆ

จีซวงให้เถาจือไปเตรียมรถม้า นางออกไปส่งท่านเขยฉินที่ประตูของเรือนเหนือด้วยตนเอง นางมองท่านเขยฉินอย่างอาลัยอาวรณ์พลางสะอึกสะอื้นเอ่ยว่า “เจ้าไปเถิด”

ท่านเขยฉินจับมือนางไว้พลางเอ่ยด้วยความรู้สึกล้ำลึกว่า “ซวงเอ๋อร์ ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้า ไว้ข้ามีที่ทางเป็นหลักแหล่งแล้วจะมารับเจ้าไปอยู่ด้วย”

จีซวงฝืนข่มความรวดร้าวในจิตใจแล้วพยักหน้า “เจ้ารีบไป! หากยังไม่ไปอีกจะไม่ทันแล้วนะ!”

ท่านเขยฉินปล่อยมือจีซวงแล้วหมุนตัวขึ้นรถม้าไป

จีซวงมองสองมือที่ว่างเปล่า ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

“หยุดเดี๋ยวนี้!” เฉาเอ้อร์ไห่นำองครักษ์จำนวนสิบกว่านายไล่ตามมา “ห้ามผู้ใดไปไหนทั้งสิ้น! ลงมาเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นข้าจะยิงธนูแล้วนะ!”

ท่านเขยฉินนั่งอยู่ด้านนอกรถ ในมือจับเชือกอยู่

เฉาเอ้อร์ไห่สายตาคมกล้า ยกมือขึ้นบอกว่า “พลธนูเตรียมพร้อม…”

พลธนูที่ยืนเรียงหน้ากระดานพลันยกธนูขึ้นง้าง ถนนเล็กๆ ทั้งสองฝั่งก็มีพลธนูอีกยี่สิบกว่าคนปรากฏตัวออกมาราวกับคลื่นน้ำ ธนูในมือแต่ละคนเล็งตรงไปยังท่านเขยฉิน หากอยู่ในยามที่ร่างกายเขาสมบูรณ์พร้อม ธนูเหล่านี้เขาไม่แม้แต่จะสนใจเลยด้วยซ้ำ แต่หลังจากถูกเจ้าสัตว์น้อยทั้งสามทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส วรยุทธ์ของเขาก็แทบจะหายไปเจ็ดแปดส่วนได้ หากธนูเหล่านี้ยิงเข้ามาพร้อมกันคงเอาชีวิตเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย

“ห้ามยิงนะ!” จีซวงกางแขนออกขวางหน้ารถม้าไว้

เฉาเอ้อร์ไห่ทำหน้าขรึม “ฮูหยิน ข้าน้อยก็ทำตามคำสั่ง ขอฮูหยินอย่าได้ขัดขวางข้าน้อยเลย มิเช่นนั้นหากพลั้งมือทำร้ายฮูหยินไป ข้าน้อยคงจำต้องไปขอให้นายท่านลงโทษข้าน้อยแล้ว!”

สีหน้าจีซวงพลันถมึงทึง “เจ้ากล้าทำร้ายข้า?”

เฉาเอ้อร์ไห่ย่อมไม่กล้าทำร้ายจีซวง แต่ตำแหน่งที่จีซวงอยู่ก็ขวางได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น พลธนูอีกสองด้านยังสามารถยิงถูกท่านเขยฉินได้อยู่ เขาจึงลอบส่งสัญญาณมือให้องครักษ์ทั้งสองด้าน

จีซวงดูไม่เข้าใจ ยังคิดว่าเขาจะยอมถอยให้ แต่ท่านเขยฉินดูเข้าใจแล้ว เฉาเอ้อร์ไห่คิดจะยิงเขาให้พรุนไปเลยชัดๆ!

พลธนูง้างธนูจนสุดเชือก ชั่วขณะนั้นเอง ท่านเขยฉินคว้าหัวไหล่จีซวงไว้แล้วดึงนางขึ้นมาบนรถม้า แขนข้างหนึ่งคล้องอยู่ที่คอของนาง ในมือยังถือกริชจ่อไปตรงคอนางอีกด้วย “อย่าเข้ามานะ! ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่านางเสีย!”

จีซวงพลันตื่นตระหนก “ท่านพี่!”

ท่านเขยฉินยิ้มเยาะ “ไม่ต้องเรียกแล้วภรรยา เวลานี้ต่อให้เจ้าตะโกนจนคอแตกก็ไม่มีประโยชน์ หากวันนี้พวกมันกล้าทำอะไรข้าแม้เพียงปลายเล็บ ข้าก็จะลากเจ้าลงไปฝังด้วย!”

จีซวงเบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้า…”

จีซั่งชิง เฉียวเวยกับใต้เท้าเจ้าสำนักได้ยินข่าวต่างก็รีบมาจากเรือนของตน ทั้งสามเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็พอเดาได้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร เลยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

“เคยเห็นคนโง่ แต่ก็ไม่เคยเจอที่โง่ขนาดนี้ จึ๊ๆๆ!” ใต้เท้าเจ้าสำนักส่ายหน้าด้วยความดูแคลน

เฉียวเวยทำท่ายกลงมาแล้วเอาขึ้นไปวาง

ใต้เท้าเจ้าสำนักถามว่า “เจ้าทำอะไรน่ะ?”

เฉียวเวยบอกหน้าตาเฉยว่า “ข้าเอาเจ้าลงจากตำแหน่งโง่ที่สุด แล้วเอาท่านน้าขึ้นไปแทนแล้ว”

ใต้เท้าเจ้าสำนักแทบกระอักเลือด!

จีซั่งชิงมองน้องสาวด้วยความขัดใจ ตั้งแต่ได้ยินจากเฉาเอ้อร์ไห่ว่าจีซวงไปที่คุกใต้ดิน เขาก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่าน้องสาวผู้นี้จะหลงผิดถึงขั้นปล่อยท่านเขยฉินออกมา นี่นางคิดจะทำอะไร? ตั้งตนเป็นศัตรูหรือ!

“จีซวงเจ้ามาหาข้าเดี๋ยวนี้นะ!” เขาเอ่ยเสียงเข้ม

จีซวงด้วยความกลัวว่า “พี่ใหญ่…ช่วยข้าด้วย…”

จีซั่งชิงเดือดจัด “อย่ามาเสแสร้ง! เจ้ายังจะเสแสร้งอีก!”

“ข้าไม่ได้เสแสร้ง…” จีซวงใกล้จะร้องไห้เต็มที

ท่านเขยฉินเพิ่มแรงที่คล้องคอจีซวงไว้ หันไปเอ่ยกับจีซั่งชิงด้วยสีหน้าโหดเหี้ยมว่า “ปล่อยข้าไป ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่านางเสีย!”

จีซั่งชิงยังไม่ทันได้ตอบ ใต้เท้าเจ้าสำนักก็ส่งเสียงหึเย็นๆ ขึ้นก่อน “เจ้าฆ่าสิ! เก่งนักก็ฆ่าเลย! เจ้าฆ่านางเสร็จพวกเราจะได้ฆ่าเจ้าต่อ! รับรองเลยว่าจะถลกหนังลอกเส้นเอ็นเจ้าออกมา ให้เจ้าได้อยากตายเสียดีกว่าอยู่!”

จีซวงมองจีซั่งชิงด้วยความหวาดกลัว “อย่านะ พี่ใหญ่…”

จีซั่งชิงกำหมัดแน่น มองท่านเขยฉินด้วยสายตาเยือกเย็น ท่านเขยฉินก็จ้องตอบด้วยสายตาเยือกเย็นเช่นกัน บรรยากาศในตอนนี้พลันเย็นยะเยือกขึ้นทันตา

เฉียวเวยหรี่ตา มือจับกระชับกริชโดยไม่ให้ใครเห็นพลางค่อยๆ ขยับถอยออกจากผู้คน

ใต้เท้าเจ้าสำนักตวัดสายตาไปมอง “เจ้าจะทำอะไร”

ในขณะที่เฉียวเวยกำลังจะถอยออกจากตรงนั้นเพื่ออ้อมไปแทงท่านเขยฉินทางด้านหลังนั้น จีหมิงซิวก็เดินเอื่อยๆ เข้ามา

เขายังอยู่ในชุดราชการสีม่วง แสงจันทร์ส่องลงบนร่างที่แข็งแกร่งกำยำของเขา สะท้อนเป็นประกายรัศมี

เมื่อเขาเดินเข้ามา ทำให้การประจันหน้ากันระหว่างจีซั่งชิงกับท่านเขยฉินพลันมลายหายไป รัศมีอันยิ่งใหญ่เข้าโอบคลุมสถานที่แห่งนั้นไว้จนทั่ว ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล

“หมิงซิว” เฉียวเวยเดินเข้าไปหาเขา

สายตาทุกคนหยุดมองไปที่เขาโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงแขนเสื้อตัวกว้างของเขายกขึ้นแล้วยื่นไปจับมือเฉียวเวยไว้เบาๆ เขาปรายสายตามองท่านเขยฉินที่อยู่บนรถม้าเรียบๆ ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย “ปล่อยไป”

ทุกคนพากันอึ้งงัน

เฉาเอ้อร์ไห่เอ่ยอย่างอึ้งๆ ว่า “ปล่ ปล่ ปล่อย…ปล่อยไป?”

จีหมิงซิวไม่ได้พูดอะไรอีก แค่มองท่านเขยฉินด้วยสายตาเรียบเฉยแล้วจูงมือเฉียวเวยหมุนตัวเดินไปจากตรงนั้น

ด้วยคำสั่งของจีหมิงซิว เฉาเอ้อร์ไห่จึงปล่อยท่านเขยฉินไป เขาวางแผนไว้ว่ารอให้ท่านเขยฉินปล่อยตัวฮูหยินมาแล้วจะค่อยให้พลธนูปลิดชีพเขาอีกที แต่น่าเสียดายที่ไม่เป็นไปตามแผน ท่านเขยฉินจะไม่ปล่อยจีซวงไปถ้ายังไปไม่ถึงจุดปลอดภัย

ท่านเขยฉินพาตัวจีซวงไปกับเขาด้วย

ระหว่างทางกลับเรือน เฉียวเวยถามจีหมิงซิวด้วยความประหลาดใจ “จะปล่อยท่านเขยไปเช่นนี้จริงๆ หรือ”

จีหมิงซิวมองภรรยาด้วยความรักใคร่ “เมื่อเย็นกินอะไรไป ตรงปากยังมีอะไรติดอยู่เลย”

เฉียวเวยถึงกับหน้าเสีย รีบยกมือขึ้นจะลูบปากตนเอง จีหมิงซิวกลับเร็วกว่า ยกมือขึ้นเชยคางนางแล้วจุมพิตลงไปเบาๆ ก่อนบอกด้วยท่าทางจริงจังว่า “ไม่มีแล้ว”

คนเถื่อนใจทราม!

ไม่มีอะไรติดตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ!

จีหมิงซิวยกมุมปากขึ้นอย่างหล่อเหลา เงยหน้ามองพระจันทร์เสี้ยวกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า “ปล่อยก็ปล่อยไปแล้ว แต่จะหนีรอดไปได้รึไม่ก็อยู่ที่เขาแล้ว”