ตอนที่ 2,543 : เจ้ามีเพียงพันปี!
“ใช่อาวุโส”
ภายใต้สายตาของอีกฝ่ายต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนตัวเองไม่อาจปกปิดอะไรไว้ได้ เช่นนั้นเมื่อเผชิญกับคำถามของเซี่ยเจี๋ยเขาก็ไม่กล้ารอช้า รีบตอบกลับไปทันที
และฟังจากบทสนทนาระหว่างอีกฝ่ายกับอวิ๋นเย่ เขาก็รู้ได้ไม่ยาก
ชายที่แลดูมอซอไม่ต่างขอทานคนนี้ สมควรเป็นคนในตระกูลเซี่ย…ตระกูลของเค่อเอ๋อเมื่อชีวิตที่แล้ว!
และเขาไม่คิดว่าการที่อีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่นี่ได้ทันเวลาแบบนี้จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ!
“กะ…เก้าสิบเก้า ชีพจรสวรรค์!?”
ในขณะเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนนตอบคำ เซี่ยเจี๋ยที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่ ก็คล้ายค้นพบโลกใหม่ มันถึงกับโพล่งคำออกมาด้วยความประหลาดใจ!
ต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวถึงกับสะดุ้ง!
จากนั้นถังเซี่ยวเซี่ยวก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
ด้านต้วนหลิงเทียนก็มองเซี่ยเจี๋ยด้วยความประหลาดใจ ด้วยไม่คิดเลยว่าเซี่ยเจี๋ยเพียงมองปราดเดียวก็บอกได้ว่าเขามีชีพจรสวรรค์ 99 สาย!
จากที่ผู้เฒ่าหั่วเคยบอก ชีพจรเซียนที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเรียกกันนั้นมีหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็นชีพจรฟ้าดิน หรือชีพจรสวรรค์ในระนาบเทวโลกนั้น…มันจะส่งผลต่อพลังของเซียนอมตะที่แท้จริงมากกว่าผู้คนในระนาบโลกียะ!
เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลย ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเซียนอมตะในระนาบเทวโลกมากขนาดไหน
เพราะอย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ชีพจรสวรรค์มอบให้ในระนาบเทวโลกแล้ว ประโยชนที่มันมอบให้ในระนาบโลกียะมันแทบไม่เห็นผลอะไรสักเท่าไหร่
ฟังจากที่ผู้เฒ่าหั่วเคยบอก บางทีอาจเป็นเพราะระดับพลังงานของระนาบโลกียะมันต่ำเกินไป
ครู่ต่อมาเซี่ยเจี๋ยก็คล้ายจมอยู่ในโลกส่วนตัว กล่าวพึมพำออกมาเบาๆว่า “มองไปก็แลดูมีพรสวรรค์ทั้งศักยภาพ…น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำให้เสวี่ยเอ๋อที่กลับชาติมาเกิดหลงรักได้หมดใจ สุดท้ายก็กลายเป็นคู่บำเพ็ญทั้งมีลูกสาวตัวน้อยด้วยกันเป็นพยานรัก…”
เสวี่ยเอ๋อ?
ได้ยินคำพึมพำของเซี่ยเจี๋ย สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันใด มองถามออกไปด้วยความกระตือรือร้น “ท่านผู้อาวุโส…เค่อเอ๋อนางสบายดีหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ว่า เสวี่ยเอ๋อ ที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงก็คือเค่อเอ๋อภรรยาเขา!
“เค่อเอ๋อ? อ้อ..”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน เซี่ยเจี๋ยชักสีหน้างุนงงเล็กน้อย ค่อยนึกอะไรได้ออก
หลานสาวของมันก็เคยบอกมันไว้แล้วว่าชีวิตนี้นางมีอีกชื่อว่าเค่อเอ๋อ อีกทั้งคู่บำเพ็ญเต๋าของนางที่ระนาบโลกียะก็เรียกหานางเช่นนี้
“ตอนนี้นางถูกกักบริเวณอยู่…เจ้าว่านางจะสบายดีหรือไม่เล่า?”
เซี่ยเจี๋ยมองตอบต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“กักบริเวณ?”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปทันที “ผู้อาวุโส เค่อเอ๋อถูกอวิ๋นชิงเหยียนนั่นจับไปกักขังหรือ?”
“อวิ๋นชิงเหยียน? เหอะ!”
เซี่ยเจี๋ยพ่นลมออกมาเสียงเย็น ค่อยตอบด้วยทีท่ารังเกียจ “สารเลวน้อยตระกูลอวิ๋นนั่น ต่อให้มีความกล้ามากกว่านี้อีกสิบเท่า มันก็ไม่กล้าจับองค์หญิงน้อยตระกูลเซี่ยของข้าไปกักขังหรอก!”
“บิดาของนางเป็นคนกักขังนางเอง กล่าวไปก็พ่อตาของเจ้านั่นล่ะ!”
กล่าวถึงท้ายประโยคเซียเจี๋ยก็มองจ้องต้วนหลิงเทียน
ด้านต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็ตระหนักได้ทันที ว่าบิดาเค่อเอ๋อที่เซี่ยเจี๋ยพูดถึง ก็คือบิดาของเซี่ยหนิงเสวี่ยหรือเค่อเอ๋อในชีวิตก่อน…
อย่างไรก็ตามตอนนี้ความทรงจำในอดีตของเค่อเอ๋อได้หวนกลับมาแล้ว เช่นนั้นนางก็คือเซี่ยหนิงเสวี่ย และเซี่ยหนิงเสวี่ยก็คือนาง!
“เอาล่ะ ข้าเองก็ไม่มีเวลามากพอจะเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้เจ้าฟัง เช่นนั้นข้าจะพูดสั้นๆ…”
ครู่ต่อมาเซี่ยเจี๋ยก็กล่าวบอกต้วนหลิงเทียนตรงๆ “ที่ข้ามาครั้งนี้เป็นเพราะเสวี่ยเอ๋อขอให้ข้ามา แต่ข้าไม่คิดเลยว่าจะมาเจอคนที่อวิ๋นชิงเหยียนส่งมาฆ่าเจ้าพอดีแบบนี้…นับว่าเจ้าโชคดีมากเจ้าหนู! เพราะหากข้ามาช้าไปอีกแค่เสี้ยวพริบตาเจ้าได้ตายแน่…”
“เสวี่ยเอ๋อฝากข้ามาบอกเจ้าว่า…ตอนนี้ครอบครัวเจ้ารวมทั้งสหายทั้งหลายปลอดภัยดี ทั้งหมดรอดพ้นเงื้อมมือสารเลวน้อยอวิ๋นชิงเหยียนนั่น และมาพักที่ตระกูลเซี่ยของพวกเราเรียบร้อยแล้ว…”
“อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งหมดจะรอดพ้นเงื้อมมือของไอ้เด็กน่าตายนั่นมาได้…แต่มิวายก็ถูกพี่ชายข้า บิดาเสวี่ยเอ๋อ หรือพ่อตาตัวดีของเจ้ากักบริเวณไว้ในตระกูลเซี่ยของเราอยู่ดี!”
“และพี่ข้าก็คิดใช้ครอบครัวกับสหายเจ้าเพื่อบีบคั้นให้เสวี่ยเอ๋อย่อมแต่งกับไอ้เด็กน่าตายอวิ๋นชิงเหยียนนั่นแต่โดยดี…”
เซี่ยเจี๋ยกล่าว
“อะไรนะ!?”
ได้ยินคำของเซี่ยเจี๋ย ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี ยังแลดูมีโมโหไม่น้อย “เป็นบิดาภาษาอะไรกัน! ไฉนกระทำตัวเลอะเลือนเช่นนี้! นั่นมิใช่8ความสุขชั่วชีวิตของลูกสาวแท้ๆหรือ?! ที่สำคัญชีวิตนี้ลูกสาวของมันก็มีสามีกับลูกแล้ว แต่ยังคิดจะบีบคั้นให้แต่งกับคนอื่นอีก!?”
“บิดาสารเลว! น่าตายนัก!!”
ยิ่งพูดต้วนหลิงเทียนยิ่งมีโมโห สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่าออกไป
แต่ต้นจนจบเซี่ยเจี๋ยก็เฝ้าดูต้วนหลิงเทียนฉุนเฉียวอย่างเงียบงัน อย่างไรก็ตามแววตาที่เล็ดลอดเส้นผมรุงรังนั่นมาได้ก็ฉายแววแปลกประหลาดไม่น้อย
“นี่ๆ ต้วนหลิงเทียน…”
เมื่อเห็นสายตาแปลกๆของเซี่ยเจี๋ย ถังเซี่ยวเซี่ยวที่ฟังเรื่องราวอยู่ก็ตระหนักได้คร่าวๆ ว่านี่ไม่ต่างอะไรกับต้วนหลิงเทียนกำลังก่นด่าพี่ชายของอีกฝ่ายอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวเรียกต้วนหลิงเทียนด้วยความกลัว…
“ฮ่าๆๆ…ด่าได้ดี! ด่าได้ดี!!”
อย่างไรก็ตามในขณะที่ถังเซี่ยวเซี่ยวกำลังจะส่งเสียงผ่านพลังให้ต้วนหลิงเทียนรีบขอโทษอีกฝ่าย เสียงหัวเราะด้วยความสะใจของเซี่ยเจี๋ยพลันดังขึ้นขัดนางไว้ก่อน
“เจ้านั่นมันตัวบัดซบสารเลวโดยแท้! กล้าบีบคั้นหลานสาวคนดีของข้าขนาดนี้! มันอยากแต่งนัก ไฉนไม่ไปแต่งกับตระกูลอวิ๋นเองเล่า…มาวุ่นวายอะไรชีวิตเสวี่ยเอ๋อของข้า! บีบให้หลานข้าตายไปรอบแล้วยังไม่พออีกหรือไร สารเลวที่น่าตายนัก…ฯลฯ”
เซี่ยเจี๋ยเองก็สบถด่าออกมาเป็นชุด ทำราวกับจะระบายความอัดอั้นที่กักเก็บไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านออกมา…
มันเองก็ไม่พอใจการกระทำนี้ของพี่ใหญ่ตัวเองเหมือนกัน…
แต่ใครใช้ให้พี่ใหญ่ของมันเป็นผู้นำตระกูลเซี่ยล่ะ?
การระเบิดอารมณ์ของเซี่ยเจี๋ยไม่เพียงแต่ทำให้ถังเซี่ยวเซี่ยวตะลึง ยังทำให้ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อย ทั้งคู่ได้แต่นิ่งมองเซี่ยเจี๋ยก่นด่าออกมาไม่หยุดอย่างอื้ออึง
ครู่ต่อมาคล้ายตระหนักได้ว่ารุ่นเยาว์กำลังชมมองอยู่ เซี่ยเจี๋ยก็ค่อยๆฟื้นอาการ
“เด็กดี…เจ้านับว่าเป็นเด็กดี!”
ขณะเดียวกันสายตาที่เซี่ยเจี๋ยใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ก็แลดูพึงพอใจไม่น้อย “ถึงพ่อตาของเจ้าจะไม่ต้องการลูกเขยเช่นเจ้า แต่ข้าอาสามคนนี้นับเจ้าเป็นหลานเขยแล้ว! เทียบกับไอ้เด็กน่าตายอวิ๋นชิงเหยียนนั่น อาสามถูกชะตากับเจ้ามากกว่า”
“อาสาม?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจ
“ดูสิ ป่านนี้ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวเอง…ข้าเป็นอาสามของเสวี่ยเอ๋อ เซี่ยเจี๋ย นายท่านคนที่ 3 ของตระกูลเซี่ย”
เซี่ยเจี๋ยกล่าวแนะนำตัวเอง “ปกติเสวี่ยเอ๋อมักเรียกข้าว่าอาสาม เช่นนั้นเจ้าก็เรียกข้าว่าอาสามเหมือนเสวี่ยเอ๋อแล้วกัน”
“ได้ อาสาม”
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดมาก่อนเลยว่า การตะโกนด่าพ่อตาที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน จะทำให้อาสามคนนี้ถูกใจเขาได้…
กล่าวไปก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
อย่างน้อยๆคนในตระกูลเซี่ยของเค่อเอ๋อ ก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาทุกคน
มีคนเข้าข้างเขาคนนึงแล้ว…
“อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ข้าจะถูกใจเจ้ามากกว่า และหวังให้เจ้าได้อยู่กับเสวี่ยเอ๋ออย่างมีความสุข…แต่ข้าขอกล่าวตามตรง ข้าไม่อาจช่วยเหลืออะไรเจ้าได้เลยในเรื่องนี้ เพราะพี่ใหญ่ของข้ามิมีทางยอมรับเจ้าที่ไม่คู่ควรแน่ หากเจ้าคิดจะอยู่กับเสวี่ยเอ๋อ ก็มีแต่ต้องพยายามให้มาก และทำให้พี่ใหญ่ยอมรับในตัวเจ้าให้ได้…”
เมื่อเห็นว่าในแววตาของต้วนหลิงเทียนคล้ายฉายแววความสุขขึ้นมาเล็กๆ เซี่ยเจี๋ยก็กล่าววาจาออกไปดั่งถังน้ำเย็นราดรดลงหัวต้วนหลิงเทียนทันที
“ตอนนี้ด้วยช่องทางมิติที่เชื่อมระหว่างดินแดนแห่งทวยเทพกับระนาบเทวโลกใกล้จะปิดตัวลงเต็มที ข้าคงไม่อาจเล่ารายละเอียดอะไรให้เจ้าฟังได้…”
หลังจากที่นึกถึงเรื่องเวลาขึ้นมาได้ เซี่ยเจี๋ยก็มองไปยังต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวออกมาอย่างคาดหวัง “ตอนนี้เค่อเอ๋อของเจ้า ถูกบิดาของนางกักบริเวณเอาไว้ในบ้านไม้ให้ออกไปไหน อีกทั้งแหวนมิติของนางยังถูกบิดาริบไปอีกด้วย…อาจเป็นเพราะสาเหตุนี้อวิ๋นชิงเหยียนถึงกล้าส่งคนมาฆ่าเจ้า”
“เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อไม่มีแหวนวงนั้น ลูกแก้ววิญญาณของเจ้าในแหวนจะแตกหรือไม่แตก นางก็มิมีทางล่วงรู้ได้เลย หาไม่แล้วไอ้เด็กชิงเหยียนน่าตายนั่นมิกล้าเสี่ยงกับชีวิตของเสวี่ยเอ๋อหรอก”
“เพราะด้วยนิสัยเด็ดเดี่ยวของเสวี่ยเอ๋อแล้ว ถ้านางรู้ว่าเจ้าตกตายไป นางก็ไม่คิดจะอยู่ต่อแน่!”
เมื่อเซี่ยเจี๋ยกล่าวบอกเรื่องนี้ออกมา ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที
ก่อนหน้านี้เขายังสงสัยอยู่เลยว่าไฉนอวิ๋นชิงเหยียนถึงกล้าส่งคนมาฆ่าเขาแบบนี้ หรือมันไม่ห่วงชีวิตของเค่อเอ๋อแล้ว?
ที่แท้แหวนพื้นที่ของเค่อเอ๋อที่เก็บลูกแก้ววิญญาณเขาไว้ โดนบิดาของนางริบไปนี่เอง
อวิ๋นชิงเหยียนนั่น เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องนี้ จึงส่งคนมาฆ่าเขาทันที!
“ถึงแม้พี่ใหญ่ข้าคิดจะใช้ครอบครัวกับสหายของเจ้าเพื่อบีบคั้นเสวี่ยเอ๋อให้แต่งกับสารเลวน้อยอวิ๋นชิงเหยียนนั่น…แต่เนื่องจากช่วงนี้ดินแดนแห่งทวยเทพกำลังจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น เช่นนั้นพี่ใหญ่ข้าจึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องดังกล่าว ทำให้ยังไม่มีการบังคับให้นางตบแต่งอะไรช่วงนี้แน่…”
“และอีก 3 วันหลังจากนี้ ช่องทาง ที่เชื่อมระหว่างดินแดนแห่งทวยเทพกับระนาบเทวโลกทั้งมวลก็จะถูกปิดตัวลงไปอีกพันปี…และในช่วงพันปีหลังจากนี้ที่ดินแดนแห่งทวยเทพก็จะมีเรื่องราวสำคัญที่ว่า เช่นนั้นกล่าวได้ว่าเสวี่ยเอ๋อยังปลอดภัยไปสักพัก”
“แต่อย่างไรก็ตาม…หลังจากผ่านไปพันปี เมื่อเรื่องราวบนแดนเทพเข้าที่เข้าทางแล้ว…ไม่พ้นพี่ใหญ่ข้าต้องคิดสะสางเรื่องเก่าๆ และรื้อฟื้นสัญญาวิวาห์แน่…”
“ถึงตอนนั้น…หากเจ้ายังไม่มีพลังสามารถที่คู่ควรกับเสวี่ยเอ๋อให้พี่ใหญ่ข้าเห็น ข้าเกรงว่าเสวี่ยเอ๋อก็ไม่อาจต้านทานแรงกดดันเรื่องนี้ได้ไหวและต้องตบแต่งกับอวิ๋นชิงเหยียนนั่นแน่…”
กล่าวถึงจุดนี้ เซี่ยเจี๋ยก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง
“อาสาม…ท่านหมายความว่า…ข้ามีเวลาเพียงพันปี?”
ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนโง่ เป็นธรรมดาว่าเข้าใจสิ่งที่เซี่ยเจี๋ยจะสื่อได้ทันที
“มิผิด! เจ้ามีเวลาเหลือเพียงพันปีเท่านั้น!”
เซี่ยเจี๋ยพยักหน้า “หากหลังจากนี้อีกพันปีเจ้ายังไม่อาจเป็นที่ยอมรับของพี่ใหญ่ข้าได้…ข้าเกรงว่าเจ้ากับเสวี่ยเอ๋อก็คงสิ้นสุดวาสนากันแต่เพียงเท่านี้แล้ว…”
หนึ่งพันปี…
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะพึ่งมีชีวิตอยู่มาได้ไม่ถึงร้อยปี แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดัน!
เพราะเขารู้ดีแก่ใจ ว่าหากเขาจะทำให้บิดาของเค่อเอ่อยอมรับได้นั้น เกรงว่าถึงจะมีพลังสามารถทัดเทียมกับตัวตนอย่างจักรพรรดิสวรรค์ ก็ไม่แน่ว่าจะพอ!!
“อาสาม…ดินแดนแห่งทวยเทพ คืออะไรหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
เพียงข้ารับใช้ที่อวิ๋นชิงเหยียนสุ่มเลือกส่งมา กลับมีพลังสามารถถึงขั้นบีบคั้นตัวตนจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนอย่างอาวุโสฟงชิงหยางให้ต้องหนีตาย สุดท้ายท่านถึงกับต้องหลบหนีเข้าไปในสถานที่อันเรียกว่า นรกอสุรา…1 ใน 7 แดนอันตรายของระนาบเทวโลก
เรื่องนี้บอกให้รู้ว่า คนที่มาจากดินแดนแห่งทวยเทพนั้นทรงพลังอย่างมาก!
“ดินแดนแห่งทวยเทพ เป็นการดำรงอยู่ที่แตกต่างจากระนาบเทวโลกและระนาบโลกียะ…มันเป็นระนาบที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!”
ราวกับล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนจะกล่าวถามเรื่องนี้ออกมาแต่แรก เซี่ยเจี๋ยก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพียงกล่าวอธิบายออกมาทันที “เรื่องพวกนี้ไว้เจ้าไปถึงระนาบเทวโลกและพลังฝึกปรือบรรลุถึงระดับหนึ่ง เจ้าก็จะรู้มันเอง”
“สำหรับข้อมูลอื่นๆของดินแดนแห่งทวยเทพ ข้าบอกเจ้าไปตอนนี้ ก็รังแต่จะทำให้เจ้ารู้สึกกดดันเปล่าๆ…เช่นนั้นข้าจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้”
เซี่ยเจี๋ยไม่คิดบอกเพิ่ม ต้วนหลิงเทียนก็พอเข้าใจได้ว่าเพราะอะไร
“เจ้าไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องนี้ให้มากหรอก หลังเจ้ามีพลังถึงระดับหนึ่งในระนาบเทวโลก เจ้าจะล่วงรู้เรื่องทั้หมดเอง”
เซี่ยเจี๋ยกล่าวเสริม