ตอนที่ 1229 ไล่ไป

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1229 ไล่ไป

เซียวหรงเหยี่ยนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มาก โดยเฉพาะพี่ชายของเขา…พี่ชายคนโตเปรียบเสมือนบิดาดังนั้นเซียวหรงเหยี่ยนจึงเคารพรักพี่สะใภ้ใหญ่ของเขามาก

อวิ๋นจิง…

ไป๋ชิงเหยียนกำช้อนในมือแน่น

บางทีนางสามารถใช้เมืองอวิ๋นจิงเป็นเครื่องปูทางในการรวมสองแคว้นให้เป็นหนึ่งได้ ทว่า ต้าโจวต้องยึดอวิ๋นจิงมาให้ได้ก่อน

ขณะที่ไป๋ชิงเหยียนกำลังใช้ความคิดเว่ยจงเห็นองครักษ์เดินเข้ามาในเรือนพลางกล่าวสิ่งใดบางอย่างกับองครักษ์ที่เฝ้าประตู เว่ยจงจึงเดินออกไปถาม จากนั้นหันกลับมามองไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง เขานึกถึงนิยายที่ไป๋ชิงเหยียนนั่งอ่านเมื่อคืน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้ามาด้านใน จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา “ฝ่าบาท ด้านนอกมีสตรีนามว่าเมิ่งเจาหรงขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ นางทราบฐานะที่แท้จริงของฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงจดหมายของไป๋จิ่นถงขึ้นมา นางหัวเราะออกมาเบาๆ โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแม้แต่น้อย “สิ่งนี้คู่ควรให้เจ้านำมารายงานข้าด้วยหรือ นางเป็นเพียงบุตรสาวของเสนาบดีของแคว้นอื่น ต่อให้อยากเข้าเฝ้าจักรพรรดิของแคว้นตัวเองก็คงทำไม่ได้ง่ายๆ ทว่า นางกลับมาขอเข้าเฝ้าข้าอย่างนั้นหรือ เหตุใดนางจึงคิดว่าข้าจะยอมพบนางกัน ไล่กลับไป”

“องครักษ์บอกว่านางขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทในฐานะว่าที่พระชายาของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงกล่าวเสียงเบา

“นางบอกว่านางคือว่าที่พระชายาของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนข้าก็ต้องเชื่อตามนั้นอย่างนั้นหรือ ไปตรวจสอบว่านางมีหนังสือเดินทางหรือไม่ นางเดินทางเข้ามาในเมืองในฐานะเมิ่งเจาหรงหรือไม่ หากไม่ใช่ให้แม่ทัพคุ้มกันเมืองจัดการในฐานะของสายลับได้เลย” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าทานโจ๊กต่อ ไม่ได้ต้องการพบเมิ่งเจาหรงผู้นี้แม้แต่น้อย “เตรียมเก็บของให้เรียบร้อย เมื่อทานอาหารเสร็จเราจะออกเดินทางกลับเมืองหลวงทันที ข้าอยากแวะสำรวจเมืองระหว่างทางด้วย”

ตอนที่เมิ่งเจาหรงอยู่ในต้าเยี่ยนนางคือบุตรสาวของเสนาบดีแห่งต้าเยี่ยน คือสาวงามอับดับหนึ่งของต้าเยี่ยน อีกทั้งจักรพรรดิมู่หรงอวี้เคยอยากให้นางแต่งงานกับมู่หรงเหยี่ยนนางจึงประเมินตัวเองสูงไปเช่นนี้

เมิ่งเจาหรงคงสามารถเข้าออกวังหลวงของต้าเยี่ยนได้อย่างง่ายดาย นางจึงคิดว่าต้าโจวก็คงเหมือนกัน

คือสาวงามอันดับหนึ่งเช่นเดียวกัน ทว่า หากเทียบกันแล้วหลิ่วรั่วฟูสงบเสงี่ยมและรู้กฎเกณฑ์กว่าเมิ่งเจาหรงผู้นี้มากนัก

“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงรับคำ

เมิ่งเจาหรงยืนรอพบไป๋ชิงเหยียนอยู่หน้าประตูจวนคนเดียว ทว่า นางยังไม่ทันได้พบหน้าไป๋ชิงเหยียนก็ถูกทหารลาดตระเวนขอตรวจสอบหนังสือผ่านทางแทน

เมิ่งเจาหรงยื่นหนังสือผ่านทางที่ชุยเฟิ่งเหนียนเตรียมให้นางให้ทหารหน่วยลาดตระเวน ทหารหน่วยลาดตระเวนมองหน้านางสลับกับหนังสือผ่านทาง “คนอำเภอเฟิงนามเจียงพ่านเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ”

องครักษ์ไป๋ที่อยู่นอกประตูจวนกล่าวเสียงดัง “ไม่ใช่! เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าคือว่าที่พระชายาของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน ต้องการขอพบคุณหนูใหญ่ของพวกข้าไม่ใช่หรือ!”

หน้าของเมิ่งเจาหรงเปลี่ยนไปทันที ทว่า นางยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใดทหารหน่วยลาดตระเวนก็ปิดหนังสือผ่านทางเสียก่อน “มาจากต้าเยี่ยนอย่างนั้นหรือ! เช่นนั้นขอโทษด้วย แม่นางคงต้องไปกับพวกเราสักรอบ พาตัวไป!”

เมิ่งเจาหรงซึ่งสวมผ้าปิดหน้าอยู่คือสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ นางคือบุตรสาวของเสนาบดีแคว้นต้าเยี่ยน นางไม่เคยถูกเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อนจึงตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “พวกเจ้าบังอาจนัก! ข้าคือว่าที่พระชายาของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน ข้ากำลังรอให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวของพวกเจ้าเรียกเข้าเฝ้า พวกเจ้ากล้าจับตัวข้าอย่างนั้นหรือ!”

องครักษ์ไป๋รีบกล่าวขึ้น “แม่นางอย่ากล่าววาจาพล่อยๆ นะขอรับ ท่านมาขอพบคุณหนูใหญ่ของพวกเรา คุณหนูใหญ่ของพวกเราสกุลไป๋จริง ทว่า พวกเราไม่กล้าแอบอ้างเป็นฝ่าบาทนะขอรับ”

เมิ่งเจาหรงที่ถูกทหารหน่วยลาดตระเวนจับตัวได้โมโหถึงขีดสุด “เจ้า…”

“อีกอย่างดูจากการแต่งกายของท่านก็น่าจะเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน เหตุใดจึงกล้าป่าวประกาศว่าเป็นว่าที่พระชายาของอ๋องแห่งต้าเยี่ยนไปทั่วอย่างน่าไม่อายเช่นนี้กัน ท่านหลงรักอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจนเสียสติไปแล้วกระมัง” องครักษ์ไป๋กวาดสายตามองเมิ่งเจาหรง

“พวกเจ้าปล่อยตัวข้าเดี๋ยวนี้ ข้าคือเมิ่งเจาหรงบุตรสาวของเสนาบดีแคว้นต้าเยี่ยน!”

“เห็นแล้วใช่หรือไม่ นางยอมรับว่าเป็นคนของต้าเยี่ยนแล้ว นางปลอมตัวเข้ามาในแค้วนต้าโจวของพวกเรา นางน่าสงสัยยิ่งนัก!”

“พฤติกรรมน่าสงสัย นำตัวไป!” ทหารหน่วยลาดตระเวนกล่าว

“ปล่อยข้า! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”

ขณะที่เมิ่งเจาหรงกำลังตะโกนร้องนางเห็นรถม้าคันหนึ่งจอดลงที่หน้าประตู เมื่อชะโงกมองก็เห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากด้านในท่ามกลางการอารักขาของเว่ยจง ชุนจือและองครักษ์ไป๋

ชุนจือเห็นเมิ่งเจาหรงจึงตะลึงไปชั่วครู่ นางกระซิบข้างหูไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ คือแม่นางที่เราพบที่ร้านเสื้อเมื่อวานเจ้าค่ะ”

เมิ่งเจาหรงถูกทหารหน่วยลาดตระเวนลากตัวไปไกลแล้ว นางหันกลับมาตะโกนเรียกไป๋ชิงเหยียนเสียงดังลั่น “จักรพรรดินีแห่งต้าโจว ข้าคือบุตรสาวของเสนาบดีเมิ่งแห่งต้าเยี่ยน คือคู่หมั้นของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเพคะ!”

ไป๋ชิงเหยียนจับมือชุนจือเดินออกมาจากโรงเตี๊ยม จากนั้นเดินขึ้นรถม้าไปอย่างไม่รีบร้อน ไม่ได้สนใจเมิ่งเจาหรงแม้แต่นิดเดียว

เมื่อเมิ่งเจาหรงเห็นไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปบนรถม้า องครักษ์ขึ้นประจำม้าของตัวเอง จากนั้นค่อยๆ จากไป ใจของนางเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนึกได้ว่านางถูกจับในฐานะสายลับของต้าเยี่ยนจึงหวั่นวิตกขึ้นมาทันที นางรีบตะโกนขึ้นด้วยความหวาดกลัว “ในเมืองมีร้านค้าของตระกูลชุยหรือไม่ ร้านค้าของชุยเฟิ่งเหนียนแห่งแคว้นต้าโจวของพวกเจ้า พวกเจ้าช่วยส่งจดหมายไปบอกร้านค้าของตระกูลชุยที พวกเขาสามารถช่วยยืนยันฐานะของข้าได้”

ทหารหน่วยลาดตระเวนไม่ได้มีหน้าที่ต้องทำถึงขนาดนี้ พวกเขาได้รับคำสั่งให้มาจับตัวคน พวกเขาก็แค่ทำตามคำสั่งของเบื้องบนเท่านั้น

ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่ในรถม้าโดยไม่สนใจเสียงตะโกนของเมิ่งเจาหรงแม้แต่น้อย ทว่า ชุนจือกลับเปิดม่านมองไปทางเมิ่งเจาหรงแวบหนึ่งด้วยความรู้สึกสะใจ “สตรีสูงศักดิ์ของต้าเยี่ยนหน้าไม่อายถึงเพียงนี้เลยหรือเจ้าคะ สิ่งใดคือว่าที่พระชายากัน ยังไม่ได้หมั้นหมายก็กล้าเรียกตัวเองว่าว่าที่พระชายาแล้ว ไม่มียางอายสักนิด”

แววตาของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็นและสงบนิ่ง ไป๋จิ่นถงน่าจะรู้ว่าเรื่องที่เมิ่งเจาหรงกล่าวเป็นเรื่องโกหกตั้งแต่ก่อนส่งนางมาที่อำเภอเฟิงแล้ว ทว่า ไป๋จิ่นถงเห็นแก่ที่เมิ่งเจาหรงเป็นสตรีเหมือนกันจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ขณะเดียวกันก็ส่งคนจับตาดูนางเอาไว้ด้วย

ทว่า ไป๋จิ่นถงดูถูกสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้เกินไป มิเช่นนั้นเมิ่งเจาหรงคงไม่สามารถสลัดคนของไป๋จิ่นถงทิ้งและกล้าบุกมายังด่านเทียนเหมินเช่นนี้หรอก

ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงเหตุการณ์ในร้านตัดเสื้อที่อำเภอเฟิง เมิ่งเจาหรงสั่งให้บ่าวรับใช้ในร้านมอบนิยายเล่มนี้ให้นาง บ่าวรับใช้ก็รีบทำตามคำสั่งทันที

ดูเหมือนว่าเมิ่งเจาหรงจะเป็นคนเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาเอง!

ช่างเป็นเรื่องน่าบังเอิญที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรักเสียจริง!

ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย นางให้ชุนจือหยิบนิยายเล่มนั้นออกมา จากนั้นแหวกม่านรถม้าออก “เว่ยจง…”

เว่ยจงที่ขี่ม้าได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียกจึงรีบขี่ม้าเข้ามาใกล้รถม้าของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นขานรับอย่างนอบน้อม “บ่าวอยู่นี่ขอรับ”

“เจ้าส่งคนไปรายงานเรื่องที่ข้าพบเมิ่งเจาหรงที่อำเภอเฟิงและเรื่องที่นางเดินทางมาขอพบข้าที่ด่านเทียนเหมินให้อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนทราบอย่างละเอียดที” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงเรียบ จากนั้นยื่นนิยายให้เว่ยจง “เล่าเรื่องที่มาของนิยายเล่มนี้ให้เขาฟังด้วย”

“ขอรับ คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง บ่าวจะให้คนเล่าเรื่องนี้ให้อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนฟังอย่างละเอียดแน่นอนขอรับ” เว่ยจงเอื้อมมือสองข้างรับนิยายมาจากมือของไป๋ชิงเหยียน