=ตอนที่ 1232 ทะเยอทะยาน
ไป๋จิ่นถงเล่าเรื่องที่ซือหม่าหมิงเต้าจะเดินทางมายังเยี่ยนว่อให้ไป๋ชิงเหยียนฟังในจดหมายแล้ว ทว่า นางนึกไม่ถึงว่าคนที่ซือหม่าหมิงเต้าจะมาพบคือฉินซ่างจื้อ
“มีปรับเปลี่ยนบางจุด…แค่กๆ”
ฉินซ่างจื้อใช้แขนเสื้อบังจมูกของตัวเองไว้ เมื่อไอเสร็จจึงชี้นิ้วที่ตำแหน่งสองสามตำแหน่งในภาพซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
“ตรงนี้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทว่า จะทำให้เขื่อนกว่างเหอมีประสิทธิภาพดีขึ้นมาก เพียงแค่ต้องใช้เงินทุนและกำลังคนมากกว่าเดิมพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ใต้เท้าฉินคิดว่าไม่คุ้มค่าอย่างนั้นหรือ”
ฉินซ่างจื้อตะลึงไปชั่วครู่ เขาเม้มปากพลางกล่าวต่อ
“กระหม่อมคิดว่าสำหรับต้าโจวในตอนนี้…ไม่คุ้มค่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ลองอธิบายให้ข้าฟังสิ” ไป๋ชิงเหยียนเดินจับมือชุนจือไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็ก
ฉินซ่างจื้อไอหนักอีกพักใหญ่ จากนั้นจึงกล่าวขึ้น
“ฝ่าบาทต้องการครอบครองทั้งใต้หล้า ไม่ใช่เพียงแคว้นต้าโจวเท่านั้น หากใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งเราสามารถขยายอาณาเขตเขื่อนกว่างเหอไปถึงแคว้นต้าเยี่ยนได้ด้วย หลังจากนั้นเยี่ยนว่อจะไม่ใช่เพียงแหล่งเสบียงอาหารหลักเพียงแหล่งเดียวของต้าโจว เมืองฉิงปี้ของต้าเยี่ยนไปจนถึงแม่น้ำจิงจะกลายเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ของต้าโจวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินซ่างจื้อกล่าวถึงตรงนี้ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นทันที ดูเหมือนเขาจะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว ขณะกล่าวคำกล่าวของเขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความตื่นเต้น
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าฉินซ่างจื้อคือคนมีความสามารถ
ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ ไม่นาจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“เช่นนั้นข้าจะให้ใต้เท้าฉินเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมด”
ฉินซ่างจื้อนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เขาไออกมาอย่างรุนแรงครู่หนึ่ง จากนั้นก้าวถอยหลังไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
“ฝ่าบาท ฉินซ่างจื้อเคยทูลว่าเมื่อซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอเสร็จจะจากไปอยู่กับอดีตรัชทายาทแห่งต้าจิ้นทันที กระหม่อมรับปากอดีตรัชทายาทแล้วว่าจะเป็นอาจารย์ให้ทายาทของเขา ฝ่าบาทสามารถมอบหมายเรื่องนี้ให้ซือหม่าหมิงเต้าหลานชายของซือหม่าเซิ่งรับผิดชอบต่อได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ฉินเซียนเซิงเป็นคนมีปณิธานยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ข้าไม่ได้บีบบังคับให้ท่านทอดทิ้งอดีตรัชทายาทมารับใช้ข้า ทว่า ในเมื่อฉินเซียนเซิงวางแผนไว้แล้วว่าจะขยายอาณาเขตของเขื่อกว่างเหอเช่นไรเมื่อต้าโจวรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จ ท่านไม่อยากทำมันให้สำเร็จด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินฉินซ่างจื้อแก้ไขคำสรรพนามที่นางเรียกเขาจึงเปลี่ยนกลับไปเรียกเขาว่าฉินเซียนเซิงเหมือนเดิมยิ้มๆ
“แน่นอนว่าข้าไม่คิดบังคับฉินเซียนเซิง”
ไป๋ชิงเหยียนจับมือชุนจือลุกขึ้นยืน
“หากฉินเซียนเซิงยินดี เมื่อต้าโจวรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งได้สำเร็จท่านก็มารับมอบหมายดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ข้าจะให้คนของกรมการคลังร่วมมือกับท่านอย่างเต็มที่ หากฉินเซียนเซิงไม่ยินดี ข้าก็ยังมีซือหม่าหมิงเต้าบุตรชายของซือหม่าเซิ่งอยู่ตามที่ฉินเซียนเซิงกล่าว”
“การซ่อมแซมเขื่อนคือการสร้างประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ ชื่อเสียงของเซียนเซิงจะถูกจารึกไว้นับพันปี คนรุ่นหลังจะจำได้ว่ามีบุคคลนามว่าฉินซ่างจื้อเคยอยู่ในใต้หล้าแห่งนี้ ทว่า หากฉินเซียนเซิงไม่เต็มใจ นามของท่านก็จะจางหายไปตามกาลเวลา ผู้ใดจะจดจำความจงรักภักดีของเซียนเซิงได้กัน”
ไป๋ชิงเหยียนมองฉินซ่างจื้อยิ้มๆ “ผู้ดูแลเรื่องการซ่อมแซมเขื่อนคือฉินเซียนเซิง หากเซียนเซิงคิดว่าซือหม่าหมิงเต้าผู้นี้สามารถใช้งานได้ก็ใช้ได้ตามสบาย ข้าบอกแล้วว่าให้ท่านเป็นคนดูแลเรื่องนี้ทั้งหมด ราชสำนักจะให้ความร่วมมือกับท่านเป็นอย่างดี ฉินเซียนเซิงต้องการใช้งานผู้ใดเชิญใช้ได้ตามสบาย ไม่จำเป็นต้องมาขอความเห็นจากข้า”
ฉินซ่างจื้อฝืนไม่ให้ตัวเองไอออกมา จากนั้นโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน
“ขอบพระคุณฝ่าบาทที่ไว้วางพระทัยกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้เขื่อนกว่างเหอยังซ่อมแซมไม่เสร็จ ทุกคนต้องพึ่งพาใต้เท้าฉิน หากใต้เท้าฉินรู้สึกไม่สบายควรพักผ่อนให้มาก มิเช่นนั้นหากร่างกายของใต้เท้าฉินทรุดลงอาจทำให้การซ่อมแซมเขื่อนล่าช้าลงได้”
“กระหม่อมจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ” ฉินซ่างจื้อกล่าวจบจึงเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียนต่อ
“ฝ่าบาททรงต้องการพบหน้าซือหม่าหมิงเต้าหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ฉินซ่างจื้อพบหน้าซือหม่าหมิงเต้าผู้นั้นแล้ว อาจเป็นเพราะเขาคือทายาทของซือหม่าเซิ่งจึงดูยโสกว่าผู้อื่น เขากล่าวว่าไม่อยากใช้ฐานะของตัวเองเป็นทางลัดเดินทางไปยังเมืองหลวง ทว่า เลือกมาที่เยี่ยนว่อแทน
ทว่า ฉินซ่างจื้อคิดว่าคนผู้นี้มีความสามารถจริงๆ เขาอยากแนะนำคนผู้นี้กับไป๋ชิงเหยียน
“เขาบอกท่านว่าต้องการพบข้าอย่างนั้นหรือ”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ คุณชายซือหม่าผู้นี้เป็นคนมีความสามารถ ทว่า ค่อนข้างโอหังไปสักนิด เขาไม่มีทางขอให้กระหม่อมพามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” ฉินซ่างจื้อกล่าว
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องพบ” ไป๋ชิงเหยียนตอบอย่างไม่ต้องคิด
“เมื่อเขาสร้างผลงานได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยนามของซือหม่าเซิ่งเมื่อใดข้าค่อยพบเขา ใต้เท้าฉินรีบกลับไปพักผ่อนเถิด เว่ยจงและองครักษ์เดินสำรวจแถวนี้เป็นเพื่อนข้าก็พอแล้ว”
“กระหม่อม…แค่กๆ กระหม่อมไปเป็นเพื่อนฝ่าบาทดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ จะได้อธิบายสิ่งต่างๆ ให้ฝ่าบาทฟังไปตามทางด้วยพ่ะย่ะค่ะ…แค่กๆ”
ฉินซ่างจื้อไอไม่หยุด
“ใต้เท้าฉินกลับไปพักผ่อนให้หายดีเถิดขอรับ คนที่นี่ต้องพึ่งพาใต้เท้าฉินอีกมาก บ่าวกับองครักษ์ไป๋จะไปเดินไปเพื่อนฝ่าบาทเอง พวกเราต้องเดินทางกลับเมืองหลวงต่อแล้วด้วย ใต้เท้าฉินไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”
เว่ยจงกล่าวยิ้มๆ
ฉินซ่างจื้อทรมานจากอาการไอมากจริงๆ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เขาคิดว่าเขาคงไม่สามารถเดินเป็นเพื่อนไป๋ชิงเหยียนต่อได้แล้วจริงๆ จึงพยักหน้าและยอมจากไป
ไป๋ชิงเหยียนจับมือชุนจือเดินสำรวจบริเวณโดยรอบครู่หนึ่งท่ามกลางการอารักขาของเว่ยจงและองครักษ์ไป๋ ไม่นานจึงออกเดินทางกลับเมืองหลวงต่อ จดหมายของเซียวหรงเหยี่ยนถูกส่งมาถึงแล้วเช่นเดียวกัน
ไป๋ชิงเหยียนแกะจดหมายออกอ่านบนรถม้า
“แด่อาเป่าผู้เป็นภรรยาที่รัก เห็นลายมือเสมือนเห็นหน้า…”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นเนื้อหาในจดหมายจึงยกยิ้มมุมปากขึ้นทันที
เซียวหรงเหยี่ยนคงรับรู้ความจริงใจของนางผ่านจดหมายฉบับนั้นแล้ว ท่าทีของชายหนุ่มจึงดีขึ้นมา เขากล่าวว่าเขารู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าคนทั่วไป เขาเป็นห่วงไป๋ชิงเหยียนมากเกินไปเอง ทว่า ไม่ว่าไป๋ชิงเหยียนจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ในสายตาของเขานางก็เป็นเพียงภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของเขาเท่านั้น
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวว่าพวกเขาสาบานต่อฟ้าดิน เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมแล้ว เขาควรเป็นคนปกป้องไป๋ชิงเหยียน แม้บัดนี้ทั้งสองคนจะถูกผูกมัดด้วยเรื่องแคว้นทั้งสองแคว้น ทว่า เขาไม่อยากให้ไป๋ชิงเหยียนเอาตัวเองและลูกไปเสี่ยงอันตรายอีก
สุดท้ายเซียวหรงเหยี่ยนเล่าสถานการณ์ในต้าเยี่ยนให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้อย่างไม่ปิดบัง เขากล่าวว่าเขารับปากไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนว่าเมื่อทำสงครามที่อวิ๋นจิงเสร็จจะยอมให้ไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนจัดงานเลี้ยงดูตัวให้เขา เมื่อเขาชอบพอสตรีนางใดจะให้ไทเฮาพระราชทานสมรสให้เพื่อความสบายใจของไทเฮา ทว่า สตรีนางนั้นไม่มีทางเป็นเมิ่งเจาหรงแน่นอน
เซียวหรงเหยี่ยนให้คนนำนิยายเล่มนั้นกลับไปให้ไทเฮาดูที่เมืองหลวงของต้าเยี่ยน จากนั้นบอกไทเฮาว่าเขาไม่ชอบตกเป็นเรื่องสนทนาของผู้อื่น
เขาทำเช่นนี้เพื่อแสดงให้ไทเฮาเห็นว่าเขาไม่ได้ลักพาตัวเมิ่งเจาหรงไป
เขาคำนวณเวลาดีแล้ว เมื่อทำสงครามที่เมืองอวิ๋นจิงเสร็จอาลี่ก็คงเสนอเรื่องการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองของสองแคว้นให้ราชสำนักรับรู้แล้ว ถึงเวลานั้นเขาจะขอให้ไทเฮาไปเกลี้ยกล่อมอาลี่ ไทเฮาคงไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องการแต่งงานของเขาอีก