ตอนที่ 2,561 : ชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์

อยู่ดีๆก้อนหินสีดำกับป้ายหยกก็พุ่งเข้าหากันแบบนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกรับมือไม่ทันอยู่บ้าง

ทว่าในขณะที่ก้อนหินสีดำกับป้ายหยกสีเขียวกระทบกันอย่างแรง ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอีกครั้ง เพราะเรื่องราวกลับไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้…

พวกมันที่พุ่งเข้าใส่กัน ไม่เพียงแต่ไม่ส่งเสียงกระแทกดังอะไร กลับยังเงียบงันถึงขั้นไม่มีแม้แต่เสียงวัตถุกระทบ!

“นี่มัน…”

และภายใต้สายตาที่มองจ้องไปเขม็ง ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่าสาเหตุที่ป้ายหยกสีเขียวกับหินสีดำไม่บังเกิดเสียงกระแทกกระทั้นอะไรนั้น เพราะตอนนี้พวกมันคล้ายจะแปรสภาพไปเป็นของเหลวแล้ว ที่สำคัญยังเริ่มผสานหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างประหลาด!!

และหลังมองของเหลว 2 สีขยุกขยุยหลอมรวมกันไปได้สักพัก ในที่สุดพวกมันก็หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์!

เห็นฉากเรื่องราวแปลกประหลาดเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสงสัยเป็นธรรมดา

ทว่าในขณะที่เขากำลังสงสัยนั้นเอง

วู้มมม!!

หินสีดำกับป้ายหยกที่หลอมผสานเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว อยู่ๆก็ปะทุแสงสว่างออกมาอย่างเจิดจ้า! ยังสว่างยิ่งกว่าดวงตะวันยามเที่ยง ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว!!

และไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะลืมตาขึ้นมาดูชมว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันลึกล้ำสุดไพศาลขุมหนึ่งแผ่ซ่านมาตีปะทะใบหน้าเขา…เป็นพลังอันรุนแรงขุมหนึ่งกำลังพุ่งมาทางเขาไม่ผิดแน่!!

กลิ่นอายของพลังที่กำลังพุ่งเข้ามา…ไม่เพียงแต่มีความผันผวนถึงขีดสุด ยังเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายเก่าแก่โบราณทั้งยังมีอำนาจอันน่าหวั่นหวาดถึงขั้นสะกดข่มพลังของเขาอย่างเห็นได้ชัด!!

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังตื่นตระหนกตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฉับพลัน! เขาก็เร่งโคจรพลังตามสัญชาติญาณหมายต้านทานรับพลังแปลกปลอมที่กำลังซัดเข้ามา!!

“อั๊ค!!”

ทว่าเพียงริเริ่มเร่งเร้าพลังต้านทานได้ไม่ทันไร พลังมหาศาลดังกล่าวก็ซัดกระแทกเข้าร่างของเขาเสียก่อน มันยังทรงพลังทั้งหนักหน่วงประหนึ่งค้อนอันเขื่องทุบฟาดลงกลางอกอย่างแรง! ทำให้อวัยวะภายในของเขาสะท้าน เลือดลมตีกลับจนทนไม่ไหวต้องกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่! คนยังปลิวละลิ่วไปไม่เป็นท่า!!

หลังจากร่างต้วนหลิงเทียนปลิวกระเด็นไปอย่างไร้ทิศทาง เขาก็พบว่ายากจะเร่งเร้าพลังทั่วร่างได้ ทำให้ไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บใดๆได้เลย!

“ใคร!?”

แม้จะเร่งเร้าพลังใดๆไม่ได้แต่ปฏิกิริยาต้ววนหลิงเทียนยังไม่ใช่ชั่ว ร่างที่ปลิวกระแทกพื้นไปไม่เป็นท่าเร่งม้วนตัวสลายแรง ค่อยดีดตัวขึ้นมาลุกขึ้นยืนตั้งท่าระวังป้องกัน พลางตะโกนออกมาด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราดอย่างไม่รู้ตัว เพราะเขาคิดว่าเมื่อครู่สมควรมีใครบางคนลอบซัดพลังทำร้ายเขา!

อย่างไรก็ตามพอเขาหันมองไปรอบๆ ก็พบว่า…

ในสายตาเขา กลับไม่มีบุลคลที่ 2 อยู่เลย จะมีก็แต่ชิ้นส่วนโลหะประหลาดชิ้นหนึ่งที่ลอยล่องอยู่…

“ของเหลวที่เกิดจากหินดำกับป้ายหยกไปไหนแล้ว?”

ต้วนหลิงเทียนที่พยายามมองหาของเหลวเนื้อเดียว ที่เกิดขึ้นจากการผสานกันของหินสีดำกับป้ายหยก กลับไม่พบเห็นพวกมันเลย

หลังจากที่ผสานหลอมรวมเป็นวัตถุเหลวเนื้อเดียวกัน พวกมันคล้ายจะอันตรธานหายไปเสียอย่างนั้น

จนเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคลับคล้ายคลับคลาประการหนึ่งที่แผ่ออกมาจากชิ้นส่วนโลหะประหลาด ที่ไม่ทราบมันมาลอยอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน…

ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น!

“ชิ้นส่วนโลหะประหลาดนั่น…หรือจะเป็นของเหลวเนื้อเดียวที่เกิดขึ้นจากการหลอมรวมของหินสีดำกับป้ายหยก? แถพอจับตัวแข็งยังปะทุพลังออกมาจนซัดข้าปลิว?”

เนื่องจากกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากชิ้นส่วนโลหะมันเหมือนกันกับกลิ่นอายพลังน่ากลัวที่ซัดเขาจนปลิว ต้วนหลิงเทียนจึงคาดเดาเรื่องราวได้ไม่ยาก

และไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบว่า

กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากชิ้นส่วนโลหะประหลาดชิ้นนั้น อยู่ดีๆก็อันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์! ทว่าหลังกลิ่นอายพลังหายไป มันก็เริ่มเปล่งแสงลี้ลับออกมา!!

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ป้ายหยกที่อาสามให้ข้ามันรวมกับก้อนหินสีดำนั่นได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้นยังรวมกันจนกลายเป็นโลหะประหลาดนี่อีก?”

ในขณะที่กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกจากแผ่นโลหะประหลาดได้อันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์ และปรากฏแสงลี้ลับเรืองขึ้นเรื่อๆ ต้วนหลิงเทียนที่ตอนนี้ค่อยๆฟื้นตัวแล้วก็ค่อยๆก้าวเข้าหามันช้าๆอย่างระวัง

หลังพบว่ามันไม่คล้ายจะทำร้ายเขาอีก ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเอื้อมมือไปคว้ามันอย่างระวัง

ต้วนหลิงเทียนที่คว้าชิ้นส่วนโลหะประหลาดดังกล่าวมา เริ่มพลิกดูไปทั่วๆ และนอกจากแสงลี้ลับแล้ว ยังมีสิ่งที่ดึงดูดความสนใจเขาไปไม่น้อย

“ดูเหมือน…มันจะเป็นชิ้นส่วนโลหะที่แตกออกมาจากของอะไรบางอย่าง”

ต้วนหลิงเทียนยังพบว่า โลหะที่เขาถืออยู่ในมือชิ้นนี้ ผิวหน้าด้านหนึ่งเรียบเนียนดั่งผิวกระจก ส่วนอีก 3 ด้านกลับขรุขระไม่เรียบ

ไม่ใช่เรื่องยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาได้ว่า ชิ้นส่วนโลหะประหลาดคล้ายท่อนเหล็กนี่ ได้แตกหักออกมาจากอะไรบางอย่าง…

“หนักจริงๆ…”

หลังจากลองโยนชั่งน้ำหนักของชิ้นส่วนโลหะในมือ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาเบาๆ “ว่าแต่ร่องรอยพวกนี้มันอะไรกัน ตัวอักษรงั้นหรือ? มันเขียนไว้ว่าอะไรกัน…ทำไมไม่เขียนภาษาที่ข้าเข้าใจเล่า? ไม่ใช่แค่ข้อความเท่านั้น ยังมีนี่อีก…มันเป็นวงเวทย์อาคมหรืออะไรกันแน่?”

ต้วนหลิงเทียนที่ลองสำรวจชิ้นส่วนโลหะประหลาดอยู่ นอกจากอักขระและลวดลายที่เขาไม่ทราบว่าคืออะไรแล้ว ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอีกชนิดหนึ่งที่แผ่ซ่านออกมาอย่างเจือจาง

กลิ่นอายพลังเจือจางดังกล่าวยังให้ความรู้สึกเก่าแก่โบราณนัก ราวกับของสิ่งนี้มันดำรงอยู้ข้ามผ่านกาลเวลามาแสนนาน…

“มันคืออะไรกันแน่?”

มองไปยังชิ้นส่วนโลหะแตกหักในมือ ต้วนหลิงเทียนได้แต่ขมวดคิ้วยู่ย่น เพราะไม่ว่าจะมองซ้ายมองขวาเขาก็ไม่อาจบอกได้เลยว่าชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ชิ้นนี้มันคืออะไรกันแน่

“แต่มีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้เลย…มันไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาแน่นอน!”

ล้อกันเล่นหรือไร?!

หากของสิ่งนี้เป็นของธรรมดา มีหรือแค่กลิ่นอายพลังที่เปล่งออกมายามปรากฏจะซัดเขาจนตัวปลิว! แถมพลังของมันยังเหนือกว่าเขาถึงขั้นไม่อาจต้านทานได้เลย!!

และที่สำคัญที่สุดก็คือ…

ชิ้นส่วนโลหะแตกหักชิ้นนี้ ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการผสานหลอมรวมกันระหว่างป้ายหยกลึกลับที่ตัวตนจากดินแดนแห่งทวยเทพอย่างเซี่ยเจี๋ยมอบให้เขา กับหินสีดำประหลาดนั่น…!

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้เรื่องราวอะไรมากมาย แต่อย่างน้อยๆเขาก็มองออกว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาแน่นอน…

ล้อกันเล่นหรือไร!?

หากเป็นของธรรมดาจริง คนอย่างเซี่ยเจี๋ยจะพกป้ายหยกลึกลับนั่นติดตัวมาโดยตลอดหรือ?

“ลองดูโครงสร้างมันหน่อยแล้วกัน…ว่าเป็นยังไง…”

เพียงหนึ่งความคิด สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนก็แผ่ออกไป หมายชำแรกแทรกเข้าไปในชิ้นส่วนโลหะแตกๆในมือ หมายตรวจดูโครงสร้างของมันอย่างละเอียด…

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนสัมผัสถูกชิ้นส่วนโลหะแตกๆ เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า…

ในวินาทีที่สำนึกเทวะของเขาใกล้สัมผัสถูกมันนั้น ชิ้นส่วนโลหะแตกๆดังกล่าวคล้ายกลับมามีชีวิตก็ไม่ปาน! มันเปล่งพลังลี้ลับยากหยั่งถึงออกมาขุมหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้! ทำให้ไม่ว่าเขาจะแผ่สำนึกเทวะออกไปเท่าไหร่ก็คล้ายเผชิญหน้ากับเหวลึกไร้ก้นบึ้ง!!

แต่ต้นจนจบไม่ว่าสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนจะแผ่ออกไปมากมายเท่าไหร่ มันก็จมหายไปในม่านพลังลึกลับของชิ้นส่วนโลหะประหลาดดังกล่าว และไม่อาจตรวจสอบอะไรได้เลย…

มันก็ไม่ถึงกับไม่พบสิ่งใดเสียทีเดียว…

เพราะอย่างน้อยๆเขาก็พบว่า ทันทีที่เขาแผ่สำนึกเทวะออกไปหมายสำรวจมันนั้น ชิ้นส่วนโลหะประหลาดดังกล่าวจะเปล่งพลังอำนาจลี้ลับสุดหยั่งถึงออกมา และสามารถกลืนกินสำนึกเทวะของเขาได้อย่างหมดจด! และพอมองให้ดีก็พบว่าต้นตอของพลังลี้ลับดังกล่าว คล้ายจะมีที่มาจากอักขระและลวดลายประหลาดที่สลักไว้บนชิ้นส่วนโลหะประหลาดนี่…!!

“นี่มันยังไงกันแน่?”

สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่หยุดการแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบ กระทั่งยังถอนสำนึกเทวะกลับมา และมองจ้องชิ้นส่วนโลหะประหลาดในมือด้วยความหวาดกลัว…

ยิ่งมองมันมากเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกว่ากำลังมองต้นตอของหายนะ!

เรียกว่าความรู้สึกยามถือชิ้นส่วนโลหะแตกตอนนี้ ยังไม่ต่างอะไรจากกำลังถือเผือกร้อนชิ้นหนึ่ง…

“สำนึกเทวะล้วนมีต้นตอมาจากพลังวิญญาณ…ในเมื่อมันสามารถกลืนกินสำนึกเทวะข้าได้ง่ายดายไม่ต่างหนึ่งหยดน้ำจมหายไปในมหาสมุทร…ไม่รู้ว่ามันจะกลืนกินพลังวิญญาณจากทักษะวิญญาณ หรืออำนาจจิตได้รึเปล่า?”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปถึงวิญญาณ และเริ่มลองใช้พลังวิญญาณของเขาจู่โจมออกไปยังชิ้นส่วนโลหะแตกๆทันที!

และฉากเรื่องราวเดิมๆพลันฉายวนซ้ำ!

พลังวิญญาณที่ควบรวมออกไปดั่งเกลียวคลื่นของต้วนหลิงเทียน กลับถูกพลังลี้ลับยากหยั่งถึงที่แผ่ออกมาจากชิ้นส่วนโลหะแตกหักกลืนกินจนหมดสิ้น! ไม่อาจสร้างผลกระทบใดๆให้ชิ้นส่วนโลหะประหลาดนี่ได้เลย…!!

“มันกลับกลืนกินพลังวิญญาณ! ทั้งทักษะวิญญาณได้จริงๆ!!”

ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวสว่างจ้า มองไปยังชิ้นส่วนโลหะแตกๆในมืออีกครั้ง ไม่เพียงจะไม่หลงเหลือความหวาดกลัวในสายตา ยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีถึงขีดสุด!!

“ลองมีชิ้นส่วนโลหะประหลาดนี่…ต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นอันมีการโจมตีด้วยทักษะวิญญาณทรงพลังที่สุดในระนาบโลกียะ ข้าก็ไม่ต้องกลัวมันแล้ว!”

คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นยินดี!

ถึงแม้วิญญาณของเขาจะมีระดับครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น

อย่างไรก็ตามมองจากความสามารถในการกลืนกินพลังวิญญาณจู่โจมของเขาได้อย่างง่ายดายของชิ้นส่วนโลหะประหลาดในมือ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่าต่อให้เป็นพลังวิญญาณของตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น ก็น่าจะกลืนกินได้โดยไม่มีปัญหา!

เพราะสุดท้ายต้นตอของวัตถุโลหะประหลาดชิ้นนี้ ก็คือสิ่งที่กระทั่งตัวตนอย่างเซี่ยเจี๋ยของดินแดนแห่งทวยเทพ ยังไม่อาจตรวจสอบและทำอะไรมันได้!!

สิ่งที่กระทั่งเซี่ยเจี๋ยยังเอ่ยออกมาว่าไม่ธรรมดา เช่นนั้นอาศัยการโจมตีจากพลังวิญญาณของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างพลังวิญญาณควบแน่นในระนาบโลกียะแสนต่ำต้อยยังจะนับเป็นอะไรได้!?

ด้วยเหตุนี้ทำให้สายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองชิ้นส่วนโลหะในมือ เปลี่ยนไปราวกับกำลังมองสมบัติล้ำค่าทันที!

“ชิ้นส่วนโลหะประหลาดนี่ ไม่ควรทำได้แค่กลืนกินพลังวิญญาณเท่านั้น…มันต้องมีความลับยิ่งใหญ่บางประการซุกซ่อนอยู่แน่นอน แต่อาศัยความสามารถของข้าในตอนนี้คงมีไม่พอจะไขความลับทั้งหมดของมันได้…”

ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาและลึกล้ำของชิ้นส่วนโลหะแตกๆในมือได้โดยสัญชาตญาณ…

“นอกจากนี้การถือกำเนิดของชิ้นส่วนโลหะแตกๆ นี่ยังเกี่ยวข้องกับชีพจรเซียน 99 สายของข้าอย่างแยกไม่ออก…”

ต้วนหลิงเทียนพึมพำกับตัวเองเบาๆ ขณะเดียวกันก็หลับตานึกย้อนถึงฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าในใจ เป็นฉากตอนีท่เขาถือหินสีดำกับป้ายหยกไว้ในมือแต่ละข้าง

ตอนนั้นทั้งหินสีดำกับป้ายหยกได้แผ่พลังลี้ลับชำแรกเข้ามาในร่างเขาอย่างพร้อมเพรียง

ต่อมาพลังลี้ลับสองขุมก็ได้โคจรไปทั่วชีพจรเซียน 99 สายของเขาก่อน พวกมันถึงจะค่อยๆหลอมรวมผสานกัน…

‘ข้าจำไม่ผิดแน่ แม้พลังประหลาดสองขุมนั่นจะโคตรผ่านชีพจรเซียนไปถึง 98 สายแล้ว แต่พวกมันยังไม่ส่อสัญญาณว่าจะรวมตัวกันแม้แต่น้อย…จนเมื่อพวกมันโคจรผ่านชีพจรเซียนครบทั้ง 99 สายแล้วเท่านั้น พวกมันถึงจะหลอมรวมกัน!’

‘และผลสืบเนื่องจากการหลอมรวมกันของพลังประหลาดนั่น สุดท้ายจึงทำให้หินดำกับป้ายหยกเริ่มรวมตัวกัน จนเกิดเป็นชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์นี่ขึ้นมา…’

คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะมองจ้องไปยังชิ้นส่วนโลหะแตกหักในมืออีกครั้ง

กล่าวได้ว่า

ชิ้นส่วนโลหะแตกหักในมือเขา เกิดขึ้นจากการหลอมรวมของป้ายหยกสีเขียวและหินสีดำ โดยมีตัวประสานเป็นชีพจรเซียน 99 สายของเขา…

ชีพจรเซียนนั้น ผู้คนในระนาบเทวโลกจะเรียกมันว่าชีพจรสวรรค์

‘แบบนี้ถือว่าข้าไขความลับของป้ายหยกกับหินสีดำได้รึยังนะ?’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

‘อย่างไรก็ตามแม้ข้าจะไขความลับของป้ายหยกกับหินสีดำได้แล้ว…แต่กลับมีความลับของชิ้นส่วนโลหะแตกหักนี่มาแทน…’

‘ไม่รู้ว่าชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์นี่ มันแตกหักออกมาจากสิ่งใดกันแน่…แต่มีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้เลย ไม่ว่ามันจะแตกหักออกมาจากอะไรก็ตาม สิ่งนั้นต้องเป็นของที่ไม่ธรรมดาถึงขีดสุด ต่อให้จะเป็นในดินแดนแห่งทวยเทพก็ตาม’

ต้วนหลิงเทียนมั่นใจเรื่องนี้เต็มเปี่ยม!

‘จะอย่างไรก็แล้วแต่ การเก็บเกี่ยวครั้งนี้นับว่าได้ผลเลิศล้ำจริงๆ!’

‘ด้วยมีชิ้นส่วนโลหะประหลาดในมือ ต่อไปถึงต้องเจอกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นข้าก็ไม่ต้องกลัวอะไรพวกมันและทำได้แค่หนีตายอีกต่อไป’

นึกถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาอีกครั้ง!

หลังจากนั้นเขาก็เก็บชิ้นส่วนโลหะแตกหักดังกล่าวเข้าแหวนพื้นที่อย่างทะนุถนอมราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่า