ตอนที่ 1248 สะอาด

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1248 สะอาด

“เจ้าไม่ต้องห่วง เรื่องที่บอกว่าเด็กทั้งสองคนอาเจียนจนทานสิ่งใดไม่ได้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อหลอกคนภายนอกเท่านั้น! แม้เด็กสองคนโดยเฉพาะคังเล่อจะอ่อนแอ ทว่า มีหมอหลวงหวงอยู่พวกเขาต้องดีขึ้นแน่นอน!”

ต่งซื่อลูบหลังเด็กในอ้อมกอดพลางกล่าวปลอบไป๋ชิงเหยียนเสียงอ่อนโยน

“หมอหลวงหวงจ่ายยาบำรุงและปรับสภาพร่างกายให้แม่นมของเด็กทั้งสองคน เขาจะใช้น้ำนมเป็นตัวช่วยปรับสภาพร่างกายของเด็กๆ ให้ค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ข้าคิดว่าเป็นวิธีที่ดีมาก”

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้ามองบุตรสาวที่กำลังนอนหลับสนิทด้วยความสงสาร นางวางบุตรสาวตัวน้อยลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา

“ท่านแม่ คืนนี้ให้เด็กทั้งสองคนนอนกับข้าเถิดเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“เด็กเพิ่งคลอดออกมา ตอนกลางคืนพวกเขาต้องดื่มนมหลายรอบ หากให้นอนกับเจ้าเจ้าอาจพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ารับปากอาเหยี่ยนไว้เช่นไร เจ้าสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีเพื่ออาเหยี่ยนและลูกไม่ใช่หรือ”

ต่งซื่อรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นห่วงลูกน้อยทั้งสอง นางเกลี้ยกล่อมเสียงเบา

“เจ้าเชื่อแม่นะ เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ แม่นมดูแลเด็กทั้งสองอยู่ที่ห้องด้านข้าง เมื่อเจ้าอยู่ไฟครบสองเดือนแม่จะไม่ห้ามไม่ให้เจ้าเลี้ยงพวกเขาด้วยตัวเองอีก”

“ท่านแม่ ขอแค่คืนนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ…” ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากแยกจากลูกของตน

ต่งซื่อถลึงตาใส่ไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไม่นานก็ใจอ่อนลง ตอนที่นางคลอดอาเป่าออกมาใหม่ๆ นางก็ไม่อยากให้แม่นมนำตัวอาเป่าไปเช่นเดียวกัน

“ก็ได้ แค่คืนนี้นะ…”

ต่งซื่อวางสี่เล่อที่อยู่ในอ้อมแขนของนางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา จากนั้นหันไปกำชับถงหมัวมัวและแม่นมให้คอยช่วยดูแลให้ดี

เมื่อต่งซื่อเดินจากไป ไป๋ชิงเหยียนพลิกตัวนอนตะแคงพิงหมอนอิงพลางก้มหน้ามองดูลูกน้อยที่หลับสนิททั้งสอง ไม่รู้ว่าลูกหน้าตาเหมือนนางหรืออาเหยี่ยนมากกว่ากัน

จู่ๆ นางก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีคำกล่าวว่าหลานชายมักจะเหมือนน้าชายของเขา ทว่า นางจำไม่ได้แล้วว่าตอนเกิดอาอวี๋มีหน้าตาเช่นไร

ไป๋ชิงเหยียนห่มผ้าให้ลูกทั้งสองด้วยใจที่หนักอึ้ง ไม่รู้ว่าตอนนนี้อาเหยี่ยน อาฉีและพวกจิ่นซิ่วช่วยอาอวี๋และเสี่ยวชีออกมาได้แล้วหรือไม่

เด็กทารกที่เพิ่งคลอดมักตื่นขึ้นตอนกลางดึกหลายครั้ง พวกเขาต้องกินนมและเปลี่ยนผ้าอ้อม

ไป๋ชิงเหยียนสะดุ้งตื่นขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงลูกร้อง ถงหมัวมัวและแม่นมเดินเข้ามาก็เห็นไป๋ชิงเหยียนอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนแล้ว

เด็กฝาแฝด…เมื่อคนหนึ่งร้องอีกคนมักจะร้องตาม

แม่นมอุ้มเด็กทั้งสองคนไปป้อนนมและเปลี่ยนผ้าอ้อม ถงหมัวมัวบอกให้ไป๋ชิงเหยียนนอนพักผ่อนต่อ ทว่า เป็นดังที่ต่งซื่อคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดเมื่อไป๋ชิงเหยียนตื่นขึ้นมาแล้วก็นอนไม่หลับอีกต่อไป

เด็กทารกแรกเกิดกินนมค่อนข้างช้า ไป๋ชิงเหยียนรออยู่ครู่หนึ่งก็อดคิดถึงสถานการณ์รบที่ซีเหลียงขึ้นมาไม่ได้ นางกล่าวกับถงหมัวมัว

“หมัวมัวช่วยไปหยิบแผนที่ซีเหลียงมาให้ข้าที”

ถงหมัวมัวมีสีหน้าลำบากใจ

“คุณหนูใหญ่อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลยเจ้าค่ะ ในห้องของคุณหนูใหญ่ไม่มีแผนที่หรือหนังสือสักเล่มเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่สั่งให้พ่อบ้านเหาขนออกไปหมดแล้ว ฮูหยินไม่อยากให้คุณหนูใหญ่ทำลายสายตาของตัวเองตอนอยู่ไฟเจ้าค่ะ”

ต่งซื่อที่นอนไม่หลับเดินแหวกม่านเข้ามาด้านในก็ได้ยินไป๋ชิงเหยียนขอแผนที่ซีเหลียงจากถงหมัวมัวพอดี ต่งซื่อก้าวข้ามประตูเข้ามาด้านใน จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“หาแผนที่อันใด ตอนอยู่ไฟต้องดูแลดวงตาของตัวเองให้ดี ห้ามอุ้มลูกบ่อยเกินไปมิเช่นนั้นอาจปวดแขนได้!”

แม่นมอุ้มเด็กซึ่งกินนมเสร็จแล้วเข้ามาในห้อง ต่งซื่อรีบเดินเข้าไปรับหลานสาวมาจากแม่นม จากนั้นนั่งลงบนปลายเตียงของไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปรับบุตรชายมาจากแม่นม

“ท่านแม่ ข้าแค่ทำจนเคยชินจึงอยากให้หมัวมัวไปหยิบแผนที่มาให้ข้าดูเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนยังคงเป็นห่วงสถานการณ์รบที่ซีเหลียงอยู่ นางเป็นห่วงอาอวี๋และเสี่ยวชี นางมองไปทางบุตรสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของมารดาแวบหนึ่ง

“ท่านแม่ว่าแต่ข้า ทว่า ดึกดื่นเช่นนี้ท่านแม่ก็ไม่ยอมนอนพักผ่อนกลับมาอุ้มหลานอยู่ที่นี่เหมือนกันไม่ใช่หรือเจ้าคะ”

“มีคำกล่าวว่าอุ้มหลานไม่อุ้มลูก!”

ต่งซื่อก้มมองดูหลานของตัวเองด้วยแววตาอ่อนโยนและรักใคร่ จากนั้นหันไปเกลี้ยกล่อมบุตรสาว

“เจ้ารับปากแม่แล้วว่าจะอยู่ไฟโดยไม่คิดมากเรื่องอื่น เจ้าต้องเชื่อว่าอาฉีและจิ่นซิ่วจะช่วยอาอวี๋และเสี่ยวชีออกมาได้ เจ้าต้องเชื่อในความฉลาดในการเอาตัวรอดของอาอวี๋และเสี่ยวชี”

น้ำเสียงของต่งซื่อชะงักไปเล็กน้อย

“เจ้าต้องเชื่อใจอาเหยี่ยนของเจ้าด้วย”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองมารดาของตัวเอง

“ท่านแม่…เชื่ออาเหยี่ยนหรือไม่เจ้าคะ”

“แม่เชื่อ! แม้แต่อาอวี๋ยังเชื่อใจพี่เขยของเขา เหตุใดแม่จึงจะไม่เชื่อ”

ตอนแรกต่งซื่อยังรู้สึกไม่พอใจเรื่องที่เกิดในตอนนั้น แม้นางจะไม่พอใจที่เซียวหรงเหยี่ยนทำให้บุตรสาวของนางท้องก่อนแต่ง ทว่า ต่อมาเซียวหรงเหยี่ยนยกทัพไปช่วยเหลืออาเป่าที่เมืองเจียงจือ เมื่อนึกถึงถ้อยคำที่เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวกับอาเป่า อีกทั้งมองดูหลานๆ ที่น่ารักในอ้อมแขน ต่งซื่อจะไม่ชอบเซียวหรงเหยี่ยนได้อย่างไรกัน

ต่งซื่อหวนนึกถึงตอนที่เซียวหรงเหยี่ยนเรียกนางว่ามารดา นึกถึงสายตาที่โหยหาความรักจากมารดาของชายหนุ่มก็อดรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้ เซียวหรงเหยี่ยนเสียมารดาไปตั้งแต่อายุยังน้อย เขาคงเจ็บปวดและทรมานมาก…

ต่งซื่อรู้สึกสงสารบุตรเขยของตัวเองขึ้นมาทันที เมื่อบุตรเขยของนางกลับมานางจะเป็นแม่ที่ดีให้เขา

“เขาจากแคว้นบ้านเกิดของตัวเองไปตามแคว้นต่างๆ ในฐานะพ่อค้าที่ต่ำต้อยตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อแคว้นของตัวเอง เป็นพ่อค้าที่สามารถเข้าออกตระกูลสูงศักดิ์ตามแคว้นต่างๆ ได้อย่างสะดวก”

ต่งซื่อรู้สึกชื่นชมความสามารถของบุตรเขยตัวเองมาก

“อาเหยี่ยนเป็นคนเก่งมาก ทว่า สิ่งที่แม่ชอบคือความรักที่เขามีให้อาเป่าของแม่”

ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าดูสิ น้องชาย น้องสาวและสามีของเจ้าล้วนอยู่ที่ด่านหน้า เจ้ามีสิ่งใดต้องกังวลอีก แม่เรียนรู้ที่จะไม่กังวล เชื่อใจเด็กๆ เหล่านั้นแล้ว” ต่งซื่อกล่าวยิ้มๆ “แม่รู้ว่าเจ้าคือพี่สาวคนโต เจ้าคิดว่าการดูแลน้องชายและน้องสาวคือหน้าที่ของเจ้า เจ้าทำดีมากแล้ว แม่ภูมิใจในตัวเจ้ามาก”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

ต่งซื่อก้มหน้ามองหลานสาวตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนพลางบ่นพึมพำคล้ายจะกล่าวให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง ทว่า คล้ายกล่าวกับตัวเองมากกว่า

“ตอนที่ท่านพ่อของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เขามักเป็นห่วงยามที่เจ้าไปออกรบในสนามรบอยู่เสมอ ต่อให้เจ้าจะเก่งเพียงใดเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ต่อมาเจ้าไล่ตามแม่ทัพผางของแคว้นสู่ไปคนเดียว ท่านพ่อของเจ้าโมโหเจ้ามาก เขาไม่สนใจเจ้าเป็นเวลานาน ท่านปู่ของเจ้าเป็นคนเกลี้ยกล่อมท่านพ่อของเจ้าว่าลูกนกต้องมีวันเติบใหญ่ หากไม่ปล่อยให้ลูกนกหัดบินด้วยตัวเองจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกนกจะบินได้สูงกว่าพ่อแม่!”

“อาเป่า เจ้าควรปล่อยให้น้องชายและน้องสาวของเจ้ารวมถึงอาอวี๋และเสี่ยวชีได้ฝึกฝนด้วยตัวของพวกเขาเอง ให้พวกเขาได้หัดบินด้วยปีกของพวกเขาเอง เจ้าต้องเชื่อว่าพวกเขาจะบินได้สูงและมั่นคงกว่าที่เจ้าคิด เจ้าไม่ต้องกังวลเกินไปนัก นี่คือสิ่งที่แม่บอกกับตัวเองมาโดยตลอด”

“ท่านแม่ ข้าจะจำไว้เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับต่งซื่ออย่างจริงจัง

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน ฉินหมัวมัวแหวกม่านเข้ามาด้านใน นางรายงานมุ้งเสียงเบา

“ฮูหยิน คุณหนูใหญ่ ฮูหยินห้าส่งจดหมายมาบอกว่าในวังหลวงมีความเคลื่อนไหวเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาเยือกเย็น

“เคลื่อนไหวก็ดีแล้ว ข้ากลัวว่าพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวมากกว่า!”

ต่งซื่อและฮูหยินห้าฉีซื่อต้องการใช้โอกาสตอนที่ต่งซื่อพาองค์ชายและองค์หญิงมาอาศัยอยู่ที่จวนไป๋เก็บกวาดวังหลวงให้สะอาด