ตอนที่ 2,578 : หน้าใหม่แน่หรือ?

“โอ้! คุกแรงโน้มถ่วง!!”

“จึกๆๆ แค่สั่งสอนเด็กน้อยที่พึ่งขึ้นสวรรค์คนหนึ่งแต่เจ้าหวังเวยนั่นไม่เพียงใช้เวทย์พลังสนับสนุน ‘จำแลงร่างยักษา’ มันยังถึงขั้นใช้เวทย์พลังหากินอย่างคุกแรงโน้มถ่วงนั่นด้วย…”

“เหอะๆ รับมือกับหน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมาหลิงหลัวเทียนแต่มันถึงขั้นเล่นใหญ่เพียงนี้…จำเป็นด้วยหรือ?”

อีก 7 คนในชุดเกราะเงินที่ชมดูอยู่ข้างๆ พอเห็นว่าหวังเวยที่คิดลงมือกับต้วนหลิงเทียนไม่เพียงใช้เวทย์พลังสนับสนุน แต่ยังใช้เวทย์พลังจู่โจม ทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะชมดูเรื่องราวตาปริบๆด้วยความอึ้ง

ใครจะไปนึกถึง

ต่อหน้าเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมา หวังเวยกลับทำท่าราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวร้าย!

สาเหตุที่พวกมันแปลกใจขนาดนี้เพราะพวกมันไม่รู้

ว่ากระบี่พลังมีสภาพที่ห้อมล้อมเวียนวนรอบกายต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่อะไรที่พลังของหน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นสวรรค์จะสร้างได้!

และสาเหตุที่ไฉนหวังเวยแลดูจริงจังทั้งลงมือถึงขนาดนี้ เพราะมันที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ ย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายไม่ธรรมดาจากกระบี่พลังเหล่านั้นชัดเจน!

เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!

ทันใดนั้นเองเสียงอึกทึกพลันดังขึ้นอีกครั้ง

เป็นเวย์พลังจู่โจมอย่างคุกแรงโน้มถ่วงของหวังเวย ที่อยู่ๆก็มีแรงดึงดูดเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว และแรงดึงดูดดังกล่าวก็กำลังถาโถมใส่ร่างต้วนหลิงเทียน ราวกับคิดจะขยี้คนทั้งคนให้แหลก

ขวับ!

และในขณะที่คุกแรงโน้มถ่วงทวีแรงดึงดูด หวังเวยที่กลายร่างเป็นยักษ์ตัวเขื่องด้วยเวทย์พลังสนับสนุนจำแลงร่างยักษาก็ไม่ได้อยู่เฉย!

มันยกมือขึ้นควบรวมพลังเซียนอมตะให้กลายเป็นดาบเล่มหนึ่ง! รังสีดาบยังแผ่พุ่งออกมาน่ากลัวนัก!!

มองไกลๆ รังสีดาบที่ฉาบคลุมตัวดาบอยู่ มองไปเหมือนมีดาบยักษ์โปร่งแสงซ้อนทับอยู่!

ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!

เสียงแหวกอากาศฉับไวดังขึ้นระรัว!

เป็นหวังเวยตวัดดาบออกไปด้วยกระบวนท่าลี้ลับบางประการ

ทันใดนั้นปรากฏคลื่นดาบซัดออกไปพร่างฟ้า ผนึกค้างกลางห้วงอากาศครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มสั่นไหวสะเทือนมองไปไม่ต่างอะไรจากฝูงม้าป่านับพันกำลังตะกุยกีบเท้าหน้า สุดท้ายก็พุ่งดิ่งร่วงฟ้าลงมาจี้ไปทางต้วนหลิงเทียนที่ถูกขังในคุกแรงโน้มถ่วงอย่างเกรี้ยวกราด!!

คลื่นดาบพร่างฟ้าจากทุกทั่วสารทิศพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยสภาวะอำมหิต ทำราวกับจะฟาดฟันทำลายร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นผง!

อย่างไรก็ตาม หากมองสังเกตให้ดีจะพบว่า…

ถึงแม้คลื่นดาบมากมายจะพุ่งมาจากหลายทิศทาง แต่พวกมันทั้งหมดก็เพ่งเล็งทำลายไปยังแขนขวากับขาขวาของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น เห็นชัดว่าคิดตัดแขนตัดขาต้วนหลิงเทียนอย่างละข้าง!!

“อะไร กระทั่งวรยุทธ์ดาบหวังเวยก็ใช้?”

“นี่มันจะไม่ลงทุนมากไปหน่อยหรือไร…กับอีแค่สั่งสอนเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ มันต้องจัดหนักขนาดนี้เลยรึ?!”

“มันไม่ระวังเกินไปหน่อยหรือ?”

ชายในชุดเกราะเงินอีก 7 คนอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นว่า หวังเวยไม่เพียงแต่ใช้เวทย์พลัง 2สาย ยังถึงกับใช้วรยุทธ์เซียนอมตะอีกด้วย!

ทั้งหมดรู้สึกว่าหวังเวยลงมือบ้าพลังเกินไป…

กับอีกแค่คิดจัดการเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่คนหนึ่ง หวังเวยที่เป็นถึง ‘เซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน’ ถึงกับลงมือเต็มกำลัง!

พวกมันรู้สึกว่าหวังเวยเหลวไหลเกินไป

‘กระบวนท่าดาบของหวังเวยผู้นี้…มีพลังทำลายเหนือกว่าขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!’

ในขณะที่คนในชุดเกราะสีเงินทั้ง 7 เห็นว่าการลงมือเต็มกำลังของหวังเวยเป็นเรื่องเกินความจำเป็น ด้านต้วนหลิงเทียนที่กำลังเผชิญหน้ากับคลื่นดาบพลันหยีตาลง

หากหวังเวยไม่ได้ใช้วรยุทธ์ดาบสุดท้ายนั่นออกมา อาศัยแค่ความแข็งแกร่งของมันตอนนี้ ก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ของระนาบโลกียะแล้ว…

แต่ตอนนี้พอหวังเวยในสภาพดังกล่าวใช้วรยุทธ์ดาบออกมา พลังทำลายของกระบวนท่ามก็ก้าวข้ามขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ไปทันที พลังอำนาจทัดเทียมกับตัวตนขอบเขตจินเซียนที่ไม่ใช้ทักษะใดๆ

คลื่นดาบพร่างฟ้าที่พุ่งจี้เข้ามาจากทุกทาง พุ่งทะยานเข้าสู่คุกแรงโน้มถ่วงที่กักขังต้วนหลิงเทียนได้ง่ายดายไร้ติดขัด! แต่ในขณะที่ห่าคลื่นดาบทั้งหลายเริ่มร้อยเรียงเป็นสายธาร 2 สาย หมายตัดแขนตัดขาต้วนหลิงเทียนนั้นเอง!!

สายตาต้วนหลิงเทียนพลันเย็นลง

‘ค่ายกลกระบี่!’

’13 กระบี่บงกชฟ้า’

เพียงใจคิดต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วย 2 ที่ทรงพลังที่สุดของเขาออกมาทันที! ขั้นสูงสุดของยอดใจกระบี่ และ 13 กระบี่บงกชฟ้า!!

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

ทันใดนั้นเองกระบี่พลังมีสภาพนับพันที่ลอยล่องอยู่รอบกายต้วนหลิงเทียนก็เปล่งแสงสว่างจ้า กลับกลายเป็นรังสีกระบี่ที่ม้วนวนรอบกายดั่งค่ายกลกระบี่ประการหนึ่ง เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน!

จากนั้นค่ายกลกระบี่ดังกล่าวก็พุ่งทะยานออกไปพร้อมด้วยรังสีกระบี่พลังหลายสายที่เข่นฆ่าทำลายออกไปตามติด!!

หากแต่ 13 กระบี่บงกชฟ้าครานี้ ต้วนหลิงเทียนเลือกจะใช้ออกเพียง 7 กระบี่เท่านั้น

เพราะเขารู้สึกว่า…แค่คิดจะจัดการหวังเวย ไม่จำเป็นต้องใช้ถึง 13 กระบี่..

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

พริบตานั้นเองค่ายกลกระบี่พลันพุ่งทะยานเข่นฆ่าสังหารออกไป โดยมีรังสีกระบี่ติดตามไล่หลังไปอีก 6 สาย!

วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!

ในเวลาชั่วพริบตารังสีกระบี่ที่ทะยานไล่หลังมาก็เริ่มผสานหลอมรวมเข้าด้วยกันกับค่ายกลกระบี่หน้าสุด ก่อเกิดเป็นอานุภาพพลังสังหารอันน่าพรั่นพรึง แสงพลังส่องสาดออกมาอย่างเจิดจ้า!

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

ในขณะที่หวังเวยกับอีก 7 คนกำลังตกตะลึงกับการปะทุพลังตอบโต้ในฉับพลันของต้วนหลิงเทียน…ค่ายกลกระบี่อันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียนก็ปะทุพลังอันน่าสะพรึงกลัว ทำลายสนามพลังแรงดึงดูดในคุกแรงโน้มถ่วงได้อย่างง่ายดาย!

คุกแรงโน้มถ่ววงนั้น ไม่เพียงเปล่งพลังดูดรั้งโถมใส่ร่างต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ยังเปล่งพลังแรงโน้มถ่วงออกไป หมายลดทอนพลังอานุภาพของทุกสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกอีกด้วย

ทว่าต่อหน้าค่ายกลกระบี่ดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน คลื่นพลังโน้มถ่วงดังกล่าวก็แพ้พ่ายลงไปอย่างง่ายดาย

และค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียนที่พุ่งทะยานออกไป ยังทำลายธารคลื่นดาบหวังเวยที่กรูกันเข้ามาทิ้งไดง่ายดาย แม้ว่าจะถูกต้านทานเอาไว้ได้อยู่บ้าง แต่พลังสภาวะเพียงลดทอนไปเล็กน้อยเท่านั้น ยังคงจี้ทะยานเข้าหาหวังเวยสืบต่อ!

“ไม่จริงน่า! ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้!?”

เมื่อเห็นว่าคลื่นดาบที่ซัดถล่มออกไปดั่งสายธาร ถูกค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียนที่ให้ควาวมรู้สึกดั่งสัตว์ร้ายหลุดพ้นพันธนาการทำลายจนหมดสิ้น หน้าหวังเวยก็เปลี่ยนสีไปโดยสิ้นเชิง

ตอนนี้ลูกตามันฉายแววหวั่นหวาดออกชัด ลึกลงไปยังท่วมท้นไปด้วยความหวาดกลัว

ถึงแม้มันจะรู้ตั้งแตเมื่อครู่แล้ว ว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลงเทียนไม่ธรรมดา

ไม่งั้นมันคงไม่ลงมือเต็มกำลังแบบนี้

ทว่ามันเองก็ไม่คิดไม่ฝันเลย

ว่ากระทั่งมันลงมือเต็มกำลัง แต่ยังไม่ใช่เซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมา!

“ไม่…!!”

เมื่อเห็นว่าค่ายกลกระบี่ต้วนหลิงเทียน เข่นฆ่ามาฉับไวราวภูตผี จนไม่มีเวลามากพอให้เร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเพื่อต้านทาน หวังเวยก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาเสียงหลง ลูกตาหดเล็กลง ความสิ้นหวังเริ่มฉายออกชัดบนใบหน้า

ฉัวะ!!

ปงงงงง!!

“อ๊าคคค!!”

เสียงสับสะบั้นบางสิ่งดังขึ้น พร้อมเสียงระเบิดดังปานป่นทำลายบางอย่างตามติด เคล้าคลอไปกับเสียงกรีดร้องแทบขาดใจพาลให้ชายในชุดเกราะสีเงินทั้ง 7 ที่ยืนชมดูเรื่องราวอยู่อดไม่ได้ที่จะขวัญเสียอยู่บ้าง

เพราะพวกมันได้แลเห็นฉากอันน่าตกใจชัดถนัดตา

แขนข้างหนึ่งกับขาอีกข้างหนึ่งของหวังเวยถูกตัดทิ้งในชั่วพริบตา กระทั่งยังถูกพลังมหาศาลระเบิดทำลายเป็นผุยผง บังเกิดเป็นหมอกโลหิตฟุ้งว่อน…

ยังมีน้ำพุโลหิตที่ฉีดพุ่งออกมาจากตอเนื้อสีแดงสดพร้อมเส้นเอ็นที่เต้นตุบๆชวนสยอง ตกพื้นดังแหมะๆไปบังเกิดเป็นบุปผาสีเลือดเบ่งบาน…

อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดมองฉากชวนสยองดังกล่าว ทั้งหมดหันไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างแตกตื่น

“เจ้าสมควรขอบคุณ ที่ก่อนหน้าตัวเจ้าไม่ได้คิดฆ่าข้า…ไม่งั้นตอนนี้เจ้าคงกลายเป็นศพไปแล้ว”

ทันใดนั้นเองเสียงเฉยเมยไร้แยแสต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้น สะท้านใจหวังเวยและทุกคนอีกรอบ

หวังเวยทีเดินพลังห้ามเลือดที่แขนกับขาเสร็จ มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ใบหน้าที่ซีดเซียวลงก็เผยให้เห็นความหวาดผวาจับใจ

โชคดีที่มันยังจดจำกฏห้ามเข่นฆ่าเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ตามอำเภอได้ ไม่งั้นมันที่โมโหเพราะถูกลูบคม ไม่พ้นคิดฆ่าเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ชุดม่วงผู้นี้แน่!

และหากมันบังเกิดจิตคิดสังหารอีกฝ่ายขึ้นมา เกรงว่าป่านนี้มันคงตายไปแล้ว!

“เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่!?”

เรียกว่ามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง คราวนี้หวังเวยทำท่าราวกับเจอผีกลางวันแสกๆ

เป็นครั้งแรกในชีวิตจริงๆ ที่มันได้พบได้เจอเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่ร้ายกาจขนาดนี้!

“บ้าน่า…เจ้าหนูนั่นมันเป็นแค่คนที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาจริงหรือ?”

ด้านชายทั้ง 7 ในชุดเกราะสีเงิน แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าสระน้ำเบื้องหน้าก็คือสระกำเนิดเซียนอมตะ อันมีไว้สำหรับรองรับครึ่งก้าวเซียนอมตะที่พึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนแห่งนี้จากระนาบโลกียะไม่ผิดพลาดแน่…

ทว่าพอได้เห็นพลังความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะแผ่สำนึกเทวะออกไปหมายตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนทันที

‘หืม?’

การที่พวกมันแผ่สำนึกเทวะออกมาพร้อมเพรียงต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะไม่รู้ตัวกระทั่งยังพบว่าสำนึกเทวะของพวกมันทั้ง 7 เกิดจากพลังวิญญาณที่มีระดับพลังทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ 2 สาย ส่วนอีก 5 สายนั้นเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์…

เขาไม่ได้แยแสอะไรเรื่องที่พวกมันคิดจะสำรวจพลังของเขา

กระทั่งต่อให้อีกฝ่ายพบว่าสุดท้ายเขาเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะที่พึ่งขึ้นมายังระนาบเทวโลกจริงๆ จนคิดใช้พลังวิญญาญอะไรเล่นงานเขา เขาก็ยังสามารถใช้ชิ้นส่วนโลหะแตกหักนั่นมารับมือได้

เพราะคนพวกนี้พลังฝีมือก็พอๆกับหวังเวยเท่านั้น แม้จะมี 2 คนที่แข็งแกร่งกว่าแต่ก็เพียงแค่ขั้นเดียว

พวกมันยังไม่ใช่ จินเซียน!

ตัวตนระดับนี้ต่อให้คิดใช้อำนาจจิตหรือทักษะวิญญาณใดๆเล่นงานเขา ต้วนหลิงเทียนมั่นใจว่าสามารถใช้ชิ้นส่วนโลหะป้อกันได้ทันเวลาแน่นอน

‘อ่าว ชิ้นส่วนโลหะนั่นไปไหนแล้วล่ะ!?’

ทว่าในขณะที่ต้วนหลิงเทียนขยับมือหมายบีบกำชิ้นส่วนโลหะเอาไว้ หน้าเขาก็จำต้องเปลี่ยนสีไปทันที

เพราะเขานึกขึ้นได้ว่า…

ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าชุดเดิมของเขาจะถูกทำลายตอนเขาขึ้นสู่ระนาบเทวโลก…แต่เขายังหมดสติไปด้วย!

‘หรือว่า…ตอนข้าขึ้นมา ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าข้าจะถูกทำลาย กระทั่งชิ้นส่วนโลหะนั่น กลับร่วงตกอยู่ในระนาบโลกียะ?’

คิดถึงจุดนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปเป็นว้าวุ่นยากสงบ

ตอนแรกก่อนที่จะเดินทางขึ้นมา นอกจากกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่ผสานหลอมรวมเข้ากับร่างกายเขา เขาก็คิดจะนำแค่ชิ้นส่วนโลหะนั่นขึ้นมาเท่านั้น

ไม่คิดเอาอะไรมาอีก

เขายังจดจำได้ชัดเจน ว่าตอนนั้นเขาได้กำชิ้นส่วนโลหะไว้ในมืออย่างแน่น

สาเหตุที่เขาทำแบบนั้นเพราะเขารู้ดีว่าไม่อาจนำแหวนพื้นที่ขึ้นมาระนาบเทวโลกได้

แต่ตอนนั้นเขาแค่ไม่ทันคิดอยู่เรื่องเดียว…

ว่าเสื้อผ้าที่เขาใส่ก็ถือว่าเป็นของในระนาบโลกียะและไม่อาจนำขึ้นไปได้เท่านั้น….

แต่แน่นอนว่าเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องหนึ่งมาก่อนเลย

ว่าในกระบวนการขึ้นสู่ระนาบเทวโลก สติเขาจะดับวูบไปด้วย!