เล่ม 1 ตอนที่ 318-1 ผู้เป็นมารดานั้นแข็งแกร่ง ฝึกโหด

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 318-1 ผู้เป็นมารดานั้นแข็งแกร่ง ฝึกโหด

ยามบ่ายศิษย์พี่ห้ายืนฝึกกระบี่อยู่ในลาน ศิษย์เอกระดับเขา นอกจากตอนเช้าที่ยังจำเป็นต้องฝึกวรยุทธ์ร่วมกับศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่น เวลาที่เหลือล้วนจัดตารางฝึกเอง

เขานับว่าเป็นลูกศิษย์ที่ค่อนข้างขยัน ขอเพียงท่านอาจารย์ไม่เรียกหาเขา เขาก็จะฝึกวิชากระบี่อยู่ในลานกว้างตลอด อย่างไรเสียหากจะสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก เขาก็จำเป็นต้องท้าสู้กับผู้อาวุโสทั้งห้าคน

“ศิษย์พี่ห้า! ศิษย์พี่ห้า!” ศิษย์คนหนึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมสีหน้าลนลาน ศิษย์คนนี้คือศิษย์ในที่เพิ่งได้เลื่อนขั้นเข้ามาหลังจากการทดสอบของสำนักศิษย์ใหม่ เขายังไม่ทันเบียดตัวเองเข้ามาในลำดับศิษย์เอกได้ แต่ฝีมือก็ค่อนข้างโดดเด่นอยู่เหมือนกัน เขาทราบว่าศิษย์พี่ห้าเป็นตัวเลือกเจ้าสำนักในอนาคตโดยที่ไม่มีคู่แข่ง ด้วยเหตุนี้จึงประจบศิษย์พี่ห้าเป็นพิเศษ

ศิษย์พี่ห้าสะบัดกระบี่ฟันดอกตูมบนกิ่งไม้เหนือศีรษะ เขามุ่นคิ้วท่าทางเย็นชาถามว่า “มีเรื่องใด”

ศิษย์คนนั้นชื่นชมวิชากระบี่อันสูงส่งของศิษย์พี่ห้าอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าเมื่อใดตนจะบรรลุถึงขอบขั้นเดียวกับศิษย์พี่ห้า ทอดถอนใจจบถึงนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ศิษย์พี่ห้า ข้าพบว่าสตรีนางนั้นเชิญอาจารย์มาคนหนึ่ง!”

“อาจารย์หรือ” ศิษย์พี่ห้าสะบัดกระบี่อีกหน ปราณกระบี่ฟันใบไม้จนเกิดเสียงดังแสกสาก

ศิษย์คนนั้นมองจนตาค้าง เกือบจะลืมพูดตอบ โชคยังดีที่เขาเรียกสติตนเองกลับมาได้ เอ่ยตอบว่า “ขอรับ เช้าตรู่วันนี้ข้าไปฝึกก็เห็นสตรีนางนั้นเดินไปทางทะเลสาบด้านหลัง ข้านึกสงสัยจึงลอบตามไปอย่างเงียบๆ ข้าเห็นคนผู้หนึ่งท่าทางเหมือนกำลังถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้นางอยู่ ศิษย์พี่ห้า ท่านว่านางไปเชิญยอดฝีมือจากที่ใดมาเพราะคิดจะเรียนท่าไม้ตายอะไรสักอย่างเพื่อรับมือกับผู้อาวุโสทั้งห้าหรือไม่”

ศิษย์พี่ห้าหัวเราะหยัน “คนที่แม้แต่สู้ยังไม่กล้าสู้คนหนึ่ง มาลับหอกยามข้าศึกประชิด ต่อให้ลับจนคมวาวอีกเท่าใดแล้วจะมีประโยชน์อันใด ข้าว่านางก็เป็นแค่คนโง่คนหนึ่งเท่านั้น ตอนอยู่เมืองหลวงนางเพียงโชคดีจึงชนะเดิมพันเอาป้ายเจ้าสำนักไปจากมือท่านอาจารย์ได้ หนนี้ต่อกรกับผู้อาวุโสทั้งห้า นางย่อมอับจนหนทางอย่างสิ้นเชิง ศิษย์พี่คนนั้นของข้าคงตามใจนาง หาใครสักคนมาให้นางฝึกฝนมั่วซั่วดูก็เท่านั้น มีสิ่งใดให้หวาดกลัวกันเล่า”

“ถ้าเช่นนั้น…ศิษย์พี่ห้าหมายความว่า…ไม่ต้องสนใจนาง ปล่อยให้นางฝึกอย่างไรก็ได้ตามใจหรือ” ศิษย์ผู้นั้นถาม

ศิษย์พี่ห้าหัวเราะหยันตอบว่า “ข้าไม่เพียงจะไม่ใช้เล่ห์กลกลั่นแกล้ง แต่ยังจะช่วยเหลือนางอีกด้วย เจ้าไปบอกนาง หากต้องการยืมสนามแห่งใด อาวุธอะไรหรือสมุนไพรชนิดใด ขอให้มาบอกข้า ขอเพียงเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ ข้าล้วนจะไม่ตระหนี่ถี่เหนียวแน่นอน”

ศิษย์ผู้นั้นจากไปพร้อมกับสีหน้ามึนงง

เวลานี้เฉียวเวยเพิ่งฟื้นเรี่ยวแรงมาได้เล็กน้อย นางคลานขึ้นมาจากพื้นมาพิงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง นางกินผลไม้ฟังคำพูดของศิษย์คนนี้จบก็งุนงงอย่างห้ามไม่ได้ “ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่ ศิษย์พี่ของพวกเจ้าจะอำนวยความสะดวกให้ข้าหรือ”

ศิษย์ผู้นั้นตอบว่า “ขอรับ ศิษย์พี่บอกว่าไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใด สนามฝึกก็ดี อาวุธก็ดี แม้แต่สมุนไพร ขอเพียงเป็นสิ่งที่เขาหามาให้ได้ เขาก็จะมอบให้ท่านอย่างไม่ตระหนี่ถี่เหนียวแม้แต่น้อย”

เฉียวเวยมองสำรวจเขาจากหัวจรดเท้าแล้วถามว่า “สมองของศิษย์พี่พวกเจ้าถูกลาดีดมาใช่หรือไม่”

ศิษย์คนนั้นโมโหขึ้นมาทันใด “ศิษย์พี่ของพวกเรามีแต่เจตนาดี ท่านไม่ต้องการก็แล้วไปเถิด ไยต้องเอ่ยวาจาดูหมิ่นด้วย ได้ ข้าจะกลับไปบอกศิษย์พี่ห้าเดี๋ยวนี้ บอกว่าท่านไม่ต้องการให้เขายุ่งไม่เข้าเรื่อง”

“กลับมานี่!” เฉียวเวยกลอกลูกตา แล้วเรียกเขาไว้

ศิษย์คนนั้นโมโหฮึดฮัดหมุนตัวกลับมามองเฉียวเวย ทำท่าทำทางละม้ายคล้ายไก่ชน

เฉียวเวยคลี่ยิ้มบอกว่า “ในเมื่อศิษย์พี่ห้าของพวกเจ้ามีจิตใจอารีเช่นนี้ ข้าก็ไม่สะดวกใจจะปฏิเสธ ช่วงนี้ข้าฝึกกำลังฝึกหนัก พอฝึกหนักแล้วก็บาดเจ็บง่าย อาวุธอะไรพวกนั้นข้าไม่ต้องการ แต่ขอโสม ถังเช่า บัวหิมะ รังนก เขากวางอ่อนอย่างดีอะไรพวกนั้นของสำนักซู่ซินจงของพวกเจ้ามาให้ข้าอย่างละหนึ่งชั่ง!”

ศิษย์ผู้นั้นโกรธจนกระทืบเท้า “เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าหน้าไม่อาย!”

“ศิษย์พี่ของพวกเจ้าบอกว่าข้าต้องการสิ่งใดเขาก็จะให้สิ่งนั้นไม่ใช่หรือ หรือว่าเขาเพียงพูดไปอย่างนั้น ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็กลับไปถามเขาว่าตัวเขามีสิ่งใดมอบให้ข้าได้บ้าง ไม่ต้องให้ข้าเรียกร้องเองอีก!” เฉียวเวยพูดพลางก็กลอกตาใส่ “ขี้เหนียว”

ศิษย์ผู้นั้นเดินไปที่เรือนของศิษย์พี่ห้า ถ่ายทอดคำพูดของเฉียวเวยฉบับใส่สีตีไข่ให้ศิษย์พี่ห้าฟัง แต่เดิมศิษย์พี่ห้าสมควรจะโมโห แต่พอเขาคิดว่าอีกไม่นานเฉียวเวยก็คงถูกผู้อาวุโสทั้งหลายตีตายแล้ว เขาก็พลันรู้สึกว่ามอบของขวัญไว้อาลัยแก่นางสักหน่อยก็ไม่เลว

ของที่เฉียวเวยต้องการถูกส่งมาถึงอย่างรวดเร็วยิ่งนัก แต่เฉียวเวยยังไม่ทันได้ดีใจ นางก็ถูกอาจารย์ตาฮั่วลากยังอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ ที่แห่งนั้นมีหลุมลึกขนาดยักษ์อยู่แห่งหนึ่ง หลุมเป็นรูปวงรีคล้ายกับไข่ไก่ขนาดมหึมาฝังอยู่ใต้ดินแล้วถูกผิวดินผ่าขวางหายไปครึ่งลูก ผนังหลุมมีหินอ่อนเนื้อเนียนมันวาว สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายเห็นเป็นแสงรัศมี…ที่ดูประหลาดยิ่งนัก

เฉียวเวยลูบคางอย่างไม่เข้าใจ “สำนักซู่ซินจงมีสถานที่เช่นนี้ด้วยหรือ เป็นบ่ออาบน้ำสมัยก่อนหรืออย่างไร อาจารย์ตาฮั่วท่านพาข้ามาที่นี่ทำอะไร”

อาจารย์ตาฮั่วยื่นมือออกมาวางบนหัวไหล่นาง จากนั้นก็ผลักนางลงไป!

“อ้ากกก”

ตุ้บ!

หัวหน้าพรรคเฉียวร่วงตกลงไปที่ก้นหลุมอย่างจัง

มารดา มารดาของข้า ท่านแน่ใจหรือว่าอาจารย์ตาฮั่วมาช่วยข้า ไม่ใช่มากำจัดข้า

เมื่อมาถึงก้นหลุม เฉียวเวยถึงค้นพบว่าแสงประหลาดนั่นมาจากอะไร หินอ่อนสีขาวแต่ละก้อนในบ่อแห่งนี้ถูกทาขี้ผึ้งเอาไว้ นางเพิ่งจะลุกขึ้นมาก็ลื่นพรืดล้มลงไปอีกหน นางมองขึ้นไปเหนือศีรษะอย่างมึนงง แล้วก็เห็นศีรษะน้อยๆ กลมดิก หนึ่งหัว สองหัว สามหัว สี่หัวชะเง้อหน้าออกมาบังแสงตะวันเจิดจ้าที่ปากหลุม ดวงตาเบิกโตด้วยความสงสัยใคร่รู้กำลังจ้องมองนาง

เฉียวเวยหรี่ตาลง ท่าทางดูอันตราย ตัวร้ายกาจน้อยทั้งหลายนิ่งเฉยดูข้าถูกคนผลักลงมาอย่างนั้นหรือ รอข้าขึ้นไปก่อนเถอะ ดูซิว่าข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร!

เงาของอาจารย์ตาฮั่วปรากฏขึ้นในสายตาของเฉียวเวย “ให้เวลาหนึ่งก้านธูป ปีนขึ้นมา”

ลื่นขนาดนี้จะปีนขึ้นไปอย่างไร

เฉียวเวยลุกขึ้นนั่งยองๆ แล้วแกะถุงทรายที่ผูกอยู่บนขา

อาจารย์ตาฮั่วดีดก้อนหินก้อนหนึ่งมาปัดมือของเฉียวเวยออก

เฉียวเวยเจ็บจนสะบัดมือ นางมองอาจารย์ตาฮั่วอย่างไม่เข้าใจ อาจารย์ตาฮั่วจึงบอกว่า “ห้ามถอด”

ไม่ถอดก็ไม่ถอด!

ไม่ใช่แค่หลุมลึกสามเมตรกว่าแห่งหนึ่งหรือ หัวหน้าพรรคคนนี้วิ่งส่งแรงสักหน่อยก็ปีนขึ้นไปได้แล้ว!

น่าเสียดายก้นหลุมแคบยิ่งนัก พื้นที่ในการออกตัววิ่งมีไม่มาก เฉียวเวยแนบตัวเองติดกับผนังบ่อ ใส่แรงทั้งหมด วิ่งรวดเดียวไปยังฝั่งตรงข้าม ทว่ายังมิทันปีนถึงสองก้าว เท้าก็ลื่นพรืด ตัวกระแทกกับผนังบ่อดัง ปั้ก!

เฉียวเวยแปะติดอยู่กับผนังบ่อเหมือนปลาหมึกตัวหนึ่ง ก่อนจะไหลราวรูดลงมาที่ก้นบ่อ

วั่งซูนอนคว่ำอยู่บนพื้นหญ้า สองมือเท้าคาง เบิกตาโตมองมารดาของตนเอง “ท่านแม่สู้ๆ นะเจ้าคะ”

เฉียวเวย เหตุใดไม่โยนเจ้าอ้วนน้อยคนนี้ลงมาด้วย

หนึ่งหน!

สองหน!

สามหน!