ตอนที่ 1268 หมดวาสนาแล้ว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1268 หมดวาสนาแล้ว

ตอนนี้หลี่เทียนเจียวตระหนักได้แล้วว่าไพ่ตายใบสุดท้ายที่พวกนางคิดว่าสามารถใช้ปกป้องซีเหลียงได้ทำให้พวกนางกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของต้าโจวและต้าเยี่ยนตั้งแต่ตอนที่แม่ทัพชราชุยซานจงจับเป็นไป๋ชิงอวี๋และกองทัพไป๋เข้ามาในเมืองอวิ๋นจิงแล้ว

ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ หลี่เทียนเจียวก็นึกถึงชุยเฟิ่งเหนียนสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษผู้นั้นขึ้นมาอีกครั้ง

ตอนนี้หลี่เทียนเจียวมั่นใจแล้วว่าชุยเฟิ่งเหนียนคือสายลับของต้าโจวไม่ใช่ต้าจิ้น นางรับซื้อผ้าทอและหนังสัตว์จากชาวบ้านซีเหลียงในราคาสูงและกดราคาเสบียงอาหารเป็นเพราะนางกำลังช่วยปูทางให้ต้าโจวทำลายล้างซีเหลียงได้สำเร็จในวันนี้

ดังนั้นเมื่อไป๋ชิงอวี๋และกองทัพไป๋ถูกจับเข้ามาในอวิ๋น สายลับที่แฝงตัวอยู่ในเมืองอวิ๋นจิงจึงรู้สึกประหนึ่งเห็นเจ้าชีวิตของพวกเขาเข้ามาในเมือง พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว!

หลี่เทียนเจียวนึกถึงอาการของไป๋ชิงอวี๋ที่หมอหลวงรักษาไม่หาย นึกถึงชีพจรที่เต้นสับสน นึกถึงตอนที่ชายหนุ่มสลบไม่ฟื้นเพราะบาดแผลเก่ากำเริบ ตอนนี้หลี่เทียนเจียวเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว! ไป๋ชิงอวี๋ไม่ได้อาการกำเริบ เขาแค่แกล้งสลบไม่ตื่นเท่านั้น!

หึ…บุรุษผู้นี้ช่างอดทนเก่งเสียจริง เขานอนนิ่งอยู่บนเตียงนานเช่นนั้น เขาทนความเจ็บปวดจากการถูกเข็มทิ่มจุดสำคัญต่างๆ ในร่างกายและทนความเจ็บปวดจากการถูดถอดเล็บได้ดีจริงๆ ช่างเป็นคนมีความอดทนสูงเสียจริง!

วังหลวงของซีเหลียงมีอายุหลายร้อยปี ในวังมีขันทีและนางกำนัลมากมายนับไม่ถ้วน นางไม่รู้ว่ามีสายลับแฝงตัวอยู่ในวังหลวงมากเท่าใด ไป๋ชิงอวี๋คงแกล้งสลบไม่ได้สติตลอดเวลา จากนั้นสั่งให้สายลับในวังหลวงถ่ายทอดคำสั่งของเขาออกไป คลังเสบียงและอาวุธจึงถูกเผา พวกทหารจึงถูกวางยาเช่นนี้!

เช่นนั้น…แสดงว่าไป๋ชิงเหยียนวางแผนอยากโค่นล้มราชวงศ์จิ้นมานานแล้วอย่างนั้นหรือ บางทีไป๋ชิงเหยียนอาจไม่ได้โค่นล้มจักรพรรดิของราชวงศ์จิ้นเพียงเพราะเขาใช้ชีวิตเด็กไปปรุงยาวิเศษ นั่นเป็นเพียงข้ออ้างที่ดีที่สุดของไป๋ชิงเหยียนเท่านั้น บางทีนางอาจปูทางเพื่อรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งนานแล้ว

นี่ต้องนานเพียงใดกันเชียว

วินาทีนั้นสมองของหลี่เทียนเจียวเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายนับพัน ใจของนางค่อยๆ เยือกเย็นลงเรื่อยๆ

คิดสิ่งเหล่านี้ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว สุดท้ายซีเหลียงก็ต้องดับสูญในมือของนางอยู่ดี

“ฝ่าบาท ตอนนี้เหลือทางหนีเพียงทางเดียวเท่านั้น ซีเหลียงสร้างทางลับในวังหลวงขึ้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ ทางลับอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

แม่ทัพชราชุยซานจงกล่าวเสียงขรึม

“กระหม่อมจะไปส่งฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

มือที่ถือดาบอยู่ของหลี่เทียนเจียวสั่นเทาเล็กน้อย นามของนางจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นคนทำให้แคว้นดับสูญตลอดไป

ที่สำคัญจักรพรรดินีของต้าโจวและซีเหลียงล้วนเป็นสตรีทั้งคู่ นางคงถูกคนรุ่นหลังจับมาเปรียบเทียบกับไป๋ชิงเหยียนตลอดไปแน่นอน

ทว่า หากไป๋ชิงเหยียนวางแผนปูทางเพื่อการรวบรวมใต้หล้ามานานแล้ว หลี่เทียนเจียวจะยอมแพ้อย่างเต็มใจ

“แม่ทัพชรา เดิมทีท่านควรได้อยู่ห่างจากสงครามเหล่านี้แล้ว!”

หลี่เทียนเจียวเอ่ยเสียงแหบพร่า

“เราเป็นคนคุกเข่าขอร้องให้ท่านออกมาจากภูเขา ท่านให้ทหารเหล่านั้นคุ้มกันท่านออกไปจากวังหลวงเถิด! ขอเพียงแม่ทัพที่มีชื่อเสียงอย่างท่านยอมจำนนต่อพวกเขา ไม่ว่าต้าโจวหรือต้าเยี่ยนจะปล่อยให้ท่านใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขแน่นอน”

“ฝ่าบาท!” แม่ทัพชราชุยซานจงตกใจ

“พระองค์ตรัสอันใดเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

ความจริงหลี่เทียนเจียวหวาดกลัวเหมือนกัน มือที่กำดาบของนางสั่นเทาไม่หยุด

“แม่ทัพชรา เสด็จพ่อของเราจากไปอย่างกะทันหัน เราไม่รู้ว่าทางลับอยู่ที่ใด ทว่า ต่อให้รู้เราก็จะไม่หนีไปอยู่ดี เราคือจักรพรรดินีของซีเหลียง เราจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมซีเหลียง เรายินดีตาย ทว่า จะไม่มีทางหนีไปอย่างคนขลาดแน่นอน!”

“เหตุใดฝ่าบาทต้องทำถึงเพียงนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

แม่ทัพชราชุยเอื้อมมือไปจับแขนข้างที่ถือดาบของหลี่เทียนเจียวแน่น

“หากหนีไปยังพอมีความหวังให้กลับมาแก้แค้น ฝ่าบาทยังทรงพระเยาว์ ยังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่พ่ะย่ะค่ะ!”

“แม่ทัพชราเชื่อคำที่ตัวเองกล่าวออกมาหรือไม่” หลี่เทียนเจียวส่ายหน้ายิ้มๆ

“ข้าเป็นคนชักจูงแคว้นเทียนเฟิ่งเข้ามาในซีเหลียง ข้าปล่อยให้เทียนเฟิ่งแย่งชิงเสบียงของพวกเราจนชาวบ้านต้องกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง ครั้งนี้ต่อให้เราเชิญแม่ทัพชราออกมานำทัพได้ ทว่า เหตุใดยังมีแม่ทัพอีกจำนวนมากไม่ยอมมาเข้าร่วมกับพวกเรา นั่นก็เพราะต้าโจวมีหลี่เทียนฟู่อยู่ในมือ ต้าโจวใช้ประโยชน์จากหลี่เทียนฟู่อ้างว่านางเป็นคนเชิญต้าโจวมาช่วยขับไล่เทียนเฟิ่งไปจากซีเหลียง แม่ทัพคุ้มกันเมืองอีกหลายแห่งไม่ยอมเข้าร่วมกับเราเพราะต้องการยึดบัลลังก์คืนให้จักรพรรดินีหลี่เทียนฟู่แทน!”

หลี่เทียนเจียวถอนหายใจออกมาอย่างขมขื่น

“ตอนแรกข้าเคยคิดว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวโง่เขลาที่แบ่งเสบียงอาหารของต้าโจวมาเลี้ยงดูชาวบ้านของซีเหลียง ต่อมาข้าถึงตระหนักได้ว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้โง่ ทว่า นางมีเมตตาและใจกว้างพอที่จะเปิดรับชาวบ้านทั่วทั้งใต้หล้า ขุนนางของต้าโจวมีความใจกว้างเช่นเดียวกันดังนั้นพวกเขาจึงส่งเสบียงมายังซีเหลียงอย่างมีน้ำใจเช่นนี้”

“เสด็จพ่อของเราเคยตรัสไว้ว่าหากต้องการเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่เหนือทุกแคว้นอันดับแรกพวกเราต้องเปิดใจรับทหารที่มีความสามารถของแคว้นอื่นให้ได้ก่อน นี่คือการแสดงให้ใต้หล้าเห็นถึงความใจกว้างของราชสำนักซีเหลียง! เหมือนดังที่แคว้นฉินยอมรับซางยางและจางอี๋! เช่นนี้ราชสำนักจะได้มีคนมีความสามารถ ซีเหลียงจะได้ครอบครองชาวบ้านและทหารของแคว้นอื่นโดยที่พวกเขาเต็มใจ!”

หลี่เทียนเจียวกล่าวเสียงสะอื้น

“จักรพรรดินีแห่งต้าโจวและขุนนางในราชสำนักมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขาเปิดรับชาวบ้านทั่วทั้งใต้หล้า ดังนั้นต้าโจวจึงสามารถรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้ ขณะที่ซีเหลียงไม่มีแรงดิ้นรนเอาตัวรอดแล้ว”

“แม่ทัพชรา”

หลี่เทียนเจียวหลับตาที่บวมช้ำลง “วาสนาของซีเหลียงหมดสิ้นแล้ว”

แม่ทัพชราชุยซานจงจะไม่รู้ในสิ่งที่หลี่เทียนเจียวกล่าวออกมาได้อย่างไร

แม่ทัพชราชุยซานจงมองหลี่เทียนเจียวพลางกล่าวเสียงเบา

“ฝ่าบาททรงมองเห็นความแตกต่างระหว่างตัวเองกับจักรพรรดินีแห่งต้าโจวและสามารถตรัสออกมาอย่างกล้าหาญแสดงว่าฝ่าบาทยังทรงมีวันข้างหน้าอีกยาวไกล! ฝ่าบาท กระหม่อมและทหารที่เหลืออยู่จะคุ้มกันฝ่าบาทหนีไปจากเมือง! บางทีฝ่าบาทอาจลุกขึ้นใหม่อีกครั้งไม่ได้ในเวลาอันสั้น ทว่า กระหม่อมเชื่อว่าซีเหลียงมีจักรพรรดิเช่นนี้ วันหนึ่งพวกเราต้องกอบกู้แคว้นกลับมาได้แน่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม…จะรอวันนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”

แม่ทัพชราชุยซานจงกล่าวเสียงหนักแน่น

ทว่า หลี่เทียนเจียวตัดสินใจแน่วแน่แล้ว นางส่ายหน้า

“เราตัดสินใจจะพลีชีพไปพร้อมกับแคว้นแล้ว แม่ทัพชรา เราเหนื่อยมากแล้ว! แม่ทัพชรารีบออกไปจากเมืองเถิด!”

ดวงตาของแม่ทัพชราชุยซานจงส่อแววหวั่นไหวเล็กน้อย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวกับหลี่เทียนเจียวด้วยรอยยิ้มราวกับผู้ใหญ่กล่าวกับเด็ก เขายิ้มให้หลี่เทียนเจียวอย่างเมตตา

“คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวอย่างฝ่าบาทจะกล้าพลีชีพเพื่อแคว้น ได้…”

“กระหม่อมอายุแปดสิบกว่าแล้ว วันนี้กระหม่อมจะสละชีวิตไปพร้อมกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

แม่ทัพชราชุยซานจงกล่าวพลางกำหมัดคารวะหลี่เทียนเจียว จากนั้นลุกขึ้นมองหลี่เทียนเจียวด้วยแววตาหนักแน่นและเป็นประกาย

“รบจนตัวตายเพื่อแคว้น!”

“แม่ทัพชรา…” หลี่เทียนเจียวคิดมาตลอดว่าแม่ทัพชราชุยซานจงเป็นคนเลือดเย็น ที่เขายอมออกมารบเป็นเพราะจักรพรรดินีอย่างนางยอมคุกเข่าขอร้องเขาจึงจำต้องรับปากนาง

นึกไม่ถึงเลยว่าแม่ทัพชราชุยซานจงจะยอมสละชีพไปพร้อมนางเช่นนี้…