ตอนที่ 1272 เย้นหยันเสียดสี

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1272 เย้นหยันเสียดสี

ไป๋ชิงเหยียนพบคนมีความสามารถและใช้งานได้มากมายรวมถึงหลู่เป่าหวาบุตรสาวของหลู่จิ้น หลานสาวของหลู่ไท่เว่ยและบุตรีที่เกิดจากอนุอีกหลายคน

หัวข้อการสอบที่ไป๋ชิงเหยียนกำหนดในครั้งนี้คือการให้บัณฑิตที่ผ่านการเข้ารอบมาจนถึงรอบนี้เขียนบรรยายประโยชน์และวิธีการปรับปรุงหรือแก้ไขการปกครองระบอบใหม่เช่น เรื่องความดีความชอบทางทหาร การจัดสรรที่ดิน ระบบน้ำ การเปิดสำนักศึกษา การอนุญาตให้สตรีเข้าร่วมการสอบขุนนางเป็นต้น บัณฑิตเหล่านี้สามารถเขียนบรรยายตามความคิดของตัวเองได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อจำกัด

บางทีอาจเป็นเพราะสอบเข้ามาจนถึงระดับนี้แล้วบัณฑิตหลายคนจึงอยากสร้างความประทับใจให้ไทเฮา พวกเขายกย่องระบอบการปกครองใหม่ของไป๋ชิงเหยียนอย่างเห็นได้ชัด บรรยายข้อดีของมันออกมาอย่างสวยหรูที่สุด

ไป๋ชิงเหยียนกำหนดหัวข้อแบบทดสอบนี้ขึ้นมาเพราะต้องการคนมีความสามารถและซื่อสัตย์ ทว่า หญิงสาวต้องการคนมีความสามารถทางการใช้โวหารณ์และภาษาสวยหรูมากเช่นเดียวกันเพราะการจัดทำตำราถือเป็นเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งของต้าโจว

หนึ่งในคนที่ทำให้ไป๋ชิงเหยียนคาดไม่ถึงที่สุดคือถานเหยาจ้งหลานสาวของราชครูถาน ถานเหยาจ้งคือคนของตระกูลถานไป๋ชิงเหยียนจึงไม่สงสัยเรื่องความรู้ของนาง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดเลยว่านางจะเป็นคนเถรตรงและหนักแน่นเหมือนกับราชครูถานไม่มีผิดเพี้ยน

ถานเหยาจ้งเขียนถึงระบอบการปกครองใหม่บางข้อของไป๋ชิงเหยียนที่ดูเร่งรัดเกินไป นางอ้างอิงหลักฐานเปรียบเทียบจากตำราประวัติศาสตร์ จากนั้นเสนอแนะความเห็นของตัวเองอย่างตรงประเด็นและเหมาะสม

ส่วนคนคุ้นเคยอีกคนคือ…เซวียเหรินอี้

แม้เซวียเหรินอี้จะดูอวดฉลาดไปบ้าง ทว่า ชายหนุ่มตอบคำถามของไป๋ชิงเหยียนที่ต่งซื่อเป็นตัวแทนกำหนดได้ดีมาก

คำกล่าวของเขามีประโยชน์มาก นอกจากจะแนะนำวิธีการสนับสนุนให้ชาวบ้านเพาะปลูกหลังจากแบ่งที่นาให้ชาวบ้านแล้ว เซวียเหรินอี้ยังเสนออีกว่าในเมื่อไป๋ชิงเหยียนเปิดสำนักศึกษาสอนหนังสือชาวบ้านธรรมดาได้ หญิงสาวก็สามารถเปิดสำนักศึกษาสอนความรู้เรื่องการทำนาและเพาะปลูกแก่ชาวบ้านได้เช่นเดียวกันโดยอาศัยพื้นฐานจากตำรา ‘วิธีการของหนงเจวี๋ย’ เช่นนี้ผลผลิตของแคว้นต้าโจวจะต้องเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

ชายหนุ่มยังกล่าวอย่างเปิดเผยว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้มีระบอบการประเมินและตรวจสอบขุนนางอย่างเข้มงวด แม้ตอนนี้ในราชสำนักจะยังไม่ค่อยชัดเจนนัก ทว่า เรื่องการเป็นพรรคแบ่งพวกจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

เซวียนเหรินอี้ยังกล่าวอีกว่าเมื่อสตรีเข้ารับราชการ พวกนางต้องแต่งงานและคลอดบุตร หากพวกนางดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนักพวกนางคงพัฒนาไปได้ไม่ไกลนัก หากให้พวกนางอบรมผู้ช่วยตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้ช่วยอาจคิดว่าตัวเองสามารถเข้าแทนที่ตำแหน่งนั้นๆ ได้จนอาจเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง

เซวียเหรินอี้เป็นบัณฑิตคนแรกและคนเดียวที่หยิบยกเรื่องการแย่งชิงและปัญหาต่างๆ ในราชสำนักขึ้นมาวิเคราะห์อย่างเปิดเผย กระทั่งช่วงสุดท้ายของกระดาษคำตอบยังเห็นชัดว่าชายหนุ่มยังมีเรื่องที่อยากกล่าวไม่สิ้นสุด

ตอนที่หลู่จิ้นเห็นกระดาษคำตอบของเซวียเหรินอี้เขาจึงนึกได้ว่าตอนที่เซวียเหรินอี้ไปตีกลองร้องทุกข์เรื่องการทุจริตในการสอบขุนนางให้บัณฑิตทั่วใต้หล้าในตอนนั้น เขาเคยกล่าวยิ้มๆ ว่าเซวียเหรินอี้เกิดมาเพื่อเป็นคนของสำนักตรวจการเพราะเขากล้ากล่าวทุกเรื่องอย่างไม่เกรงกลัว

เมื่อไป๋ชิงเหยียนอ่านกระดาษคำตอบของเซวียเหรินอี้จบจึงให้ไทเฮาต่งซื่อแต่งตั้งชายหนุ่มเป็นจอหงวน

หลู่เฟิ่งหลางหลานสาวของหลู่ไท่เว่ยได้ตำแหน่งปั่งเหยี่ยน หลู่เฟิ่งหลางโดดเด่นเหมือนหงส์ซึ่งเป็นนามของนาง ใจของนางกว้างพอที่จะแบกรับคนทั้งใต้หล้า นางเริ่มวางแผนรับมือกับต้าเยี่ยนหลังจากต้าโจวทำลายซีเหลียงได้สำเร็จแล้ว

นางเปรียบเทียบระบอบการปกครองของจีโฮ่วในตอนนั้นกับการปกครองระบอบใหม่ของไป๋ชิงเหยียน นางไม่ได้ชื่นชมจนออกนอกหน้าหรือกังวลจนเกินเหตุ ทำเพียงบรรยายอย่างสงบนิ่งว่าหลังจากทำลายล้างซีเหลียงสำเร็จแล้วต้าโจวควรใช้การปกครองระบอบใหม่ดึงดูดชาวบ้านต้าเยี่ยนให้เต็มใจกลายมาเป็นชาวบ้านของต้าโจว ให้พวกเขารับรู้ถึงความสำคัญของการมีแคว้นเพียงแคว้นเดียว

ไป๋ชิงเหยียนมอบตำแหน่งทั่นฮวาให้หลานสาวของราชครูถาน

ต่งถิงเจินได้อันดับหนึ่งในระดับสอง ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เห็นแก่ความเป็นญาติหรือต้องการสนับสนุนตระกูลท่านยายของตัวเอง ทว่า คำตอบของต่งถิงเจินตรงใจไป๋ชิงเหยียนจริงๆ

ต่งเจินได้เปรียบเพราะนางคือญาติผู้น้องของไป๋ชิงเหยียนนางจึงรู้ดีว่าญาติผู้พี่ของนางใจกว้างและมีปณิธานยิ่งใหญ่เพียงใด ตอนที่ได้ยินท่านอาประกาศหัวข้อการสอบหน้าท้องพระโรงนางก็รู้ทันทีว่าญาติผู้พี่ของนางเป็นคนกำหนดหัวข้อนี้ด้วยตัวเอง นางรู้ว่าพี่หญิงต้องการเสาะหาคนที่สามารถช่วยพี่หญิงแก้ไขปัญหาต่างๆ ในราชสำนักได้ ไม่ใช่คนที่เอาแต่ชื่นชมระบอบการปกครองใหม่เพียงอย่างเดียว

ต่งถิงเจินเขียนบรรยายทุกสิ่งที่นางคิดออกมา นางเสนอว่าแม้ไป๋ชิงเหยียนจะอนุญาตให้สตรีเข้าร่วมการสอบขุนนาง ทว่า ควรใช้การคัดเลือกแบบหลากหลายวิธี มีคนมีความสามารถโดดเด่นหลายคนประสบอุบัติเหตุจนขาพิการพวกเขาจึงไม่สามรถเข้าร่วมการสอบขุนนางได้ บางทีชีวิตนี้พวกเขาอาจเป็นได้เพียงอาจารย์สอนหนังสือเท่านั้น ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก

นอกจากนี้ต่งถิงเจินยังกล้าเขียน ‘โครงร่างแบบประเมินและตรวจสอบขุนนางของราชสำนักต้าโจว’ ลงไปในกระดาษคำตอบเพื่อเสนอโครงร่างระบบการตรวจสอบขุนนางในราชสำนักให้แก่ไป๋ชิงเหยียนด้วย แม้ไม่ได้ลงรายละเอียดลึก ทว่า นางแยกแยะบทลงโทษ การให้รางวัล การเลื่อนตำแหน่ง การไล่ออกและการลดตำแหน่งอย่างชัดเจน ไม่นำอายุและฐานะทางครอบครัวมาเป็นตัวพิจารณาอีกต่อไป

นางทำเพื่อให้ขุนนางที่อายุมากแล้วยอมสละตำแหน่งให้คนรุ่นใหม่มากความสามารถด้วยความเต็มใจ ขุนนางที่เกษียณไปแล้วจะได้รับเงินรางวัลตอบแทนหลังเกษียณตามแบบประเมินที่จัดทำขึ้น

เมื่อต้าโจวทำลายล้างซีเหลียงสำเร็จแล้ว ต้าโจวต้องวางแผนรวมเป็นหนึ่งกับต้าเยี่ยน ราชสำนักต้าโจวต้องการคนเลือดร้อนกลุ่มใหม่จำนวนมากเข้ามาช่วยงาน เช่นนี้ราชสำนักจึงจะดูมีชีวิตชีวาและมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม

ไป๋ชิงเหยียนแต่งตั้งต่งถิงเจินเป็นผู้ชนะในระดับสองเพราะต้องการให้ข่าวแพร่ไปถึงหูของขุนนางชราที่คิดจะอยู่ในตำแหน่งไปเรื่อยๆ อย่างไม่ทำสิ่งใดทั้งสิ้นรู้ว่าราชสำนักเปลี่ยนไปแล้ว ผู้ใดปรับตัวตามไม่ทันก็ต้องลงจากตำแหน่งให้ผู้อื่นขึ้นแทน

ปราบปรามความวุ่นวายในต้าเหลียง ยึดครองซีเหลียง โค่นล้มอำนาจเก่า มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ ได้ใจของชาวบ้านทั่วทั้งแคว้น ไป๋ชิงเหยียนในตอนนี้คือจักรพรรดิที่มีอำนาจเด็ดขาดของต้าโจว ขุนนางในราชสำนักของนางต้องตามความเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าของต้าโจวให้ทันทั้งใจและร่างกาย

ครั้งนี้มีอีกคนที่ทำให้ไป๋ชิงเหยียนประหลาดใจเช่นเดียวกัน…คนผู้นั้นคือฟ่านอวี้กานบุตรชายของฟ่านอวี๋ไหวที่เคยสนิทสนมกับกลุ่มของหลู่หยวนเผิง

ฟ่านอวี้กานเคยเป็นคุณชายเจ้าสำราญเช่นเดียวกับหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิง เขาเคยติดตามหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงไปเข้าร่วมกองทัพ ทว่า ต่อมาทนความลำบากไม่ไหวจึงขอให้บิดาของเขานำตัวเขากลับไปยังเมืองหลวง

ไป๋จิ่นซิ่วเคยสืบประวัติของฟ่านอวี้กานตอนที่อดีตรัชทายาทแห่งต้าจิ้นให้ฟ่านอวี้กานควบคุมเสบียงไปยังด่านชิงซีซาน ได้ยินว่าฟ่านอวี้กานบ่นว่าการสอบขุนนางลำบากดังนั้นเขาจึงอยากเป็นคุณชายเจ้าสำราญไปตลอดชีวิต นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้ชายหนุ่มจะเข้าร่วมการสอบขุนนางที่ไป๋ชิงเหยียนจัดสอบขึ้นหลังจากขึ้นครองราชย์ด้วย

แม้ถ้อยคำที่ใช้จะไม่สวยหรูนัก ทว่า มันมีประโยชน์และตรงประเด็น เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มมีความพยายามมาก

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินต่งซื่อเล่าว่าคราวที่แล้วที่ท่านลุงมาเยี่ยมท่านแม่เขาเคยเอ่ยถึงฟ่านอวี้กาน บิดาของฟ่านอวี้กานเคยเป็นกบฏดังนั้นเมื่อฟ่านอวี้กานกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้นอกจากกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญกลุ่มเดียวกับหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงแล้วแทบไม่มีผู้ใดไปมาหาสู่กับฟ่านอวี้กานเลย

ครั้งนี้ฟ่านอวี้กานเข้าร่วมการสอบขุนนาง ชายหนุ่มถูกเย้นหยันและเสียดสีมากมาย เขาเกือบไม่ได้เข้าร่วมการสอบขุนนางเพราะบิดาของเขาคือฟ่านอวี๋ไหวด้วยซ้ำ