ตอนที่ 1276 มาเอาผิด

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1276 มาเอาผิด

“เจ้าไม่ต้องมากล่าวกับข้า ข้าไม่รู้เรื่องอันใดทั้งสิ้น! ข้าไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น!”

เฉิงหย่วนจื้อรีบเอามืออุดหู

“ข้าพาเจ้ามาอบรมสั่งสอน ทว่า หันกลับมาอีกทีเจ้ากลับหายตัวไปที่ใดก็ไม่รู้ หากแม่ทัพเสิ่นถามขึ้นมาข้าจะตอบว่าไม่รู้ไม่เห็นทั้งสิ้น!”

“ตกลงขอรับ!”

หลู่หยวนเผิงหมุนตัววิ่งจากไปทันที ทว่า เขาวิ่งเร็วเกินไปจนชนเข้ากับร่างของไป๋จิ่นจื้อที่เดินสวนมาทันที

“โอ้ย…”

หลู่หยวนเผิงก้มหน้ากุมคางตัวเอง เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นไป๋จิ่นจื้อใช้มือกุมศีรษะของตัวเองอยู่ ขณะกำลังจะกล่าวสิ่งใดออกมาก็เห็นไป๋จิ่นจื้อรีบเอามือปิดหูตัวเองพลางถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่สนอาการเจ็บปวดที่ศีรษะแม้แต่น้อย

“ข้าก็ไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น! จะไปก็รีบไปเสีย! ข้าไม่ได้พบเจ้ามาก่อน”

หลู่หยวนเผิง “…”

หลู่หยวนเผิงชูนิ้วโป้งให้ไป๋จิ่นจื้ออย่างไม่สนความเจ็บปวดที่คางของตัวเอง เขาเจ็บจนไม่อยากกล่าวสิ่งใดออกมา รีบวิ่งไปจากค่ายทหารทันที

เมื่อหลู่หยวนเผิงจากไปไกลไป๋จิ่นจื้อจึงใช้มือกุมศีรษะของตัวเองอีกครั้ง นางรู้สึกว่าคางของหลู่หยวนเผิงทำจากเหล็กแน่นอน

ทหารต้าเยี่ยนไม่ใช่ไม่รู้ตัวว่าพวกเขากำลังทำตัวไร้เหตุผล ทว่า พวกเขากำลังทะเลาะแย่งชิงเมืองอวิ๋นจิงอยู่กับต้าโจวจนหัวร้อนได้ที่ พวกเขาจึงพลั้งปากเอ่ยออกไปว่าทหารกองทัพไป๋อยากเสนอตัวเปิดประตูให้พวกเขาเองพวกเขาไม่ได้ขอร้องให้คนเหล่านั้นทำ

เมื่อเฉิงหย่วนจื้อพาหลู่หยวนเผิงจากไปได้ไม่นานบรรดาทหารต้าเยี่ยนที่หัวร้อนเมื่อครู่ก็สงบสติอารมณ์ของตัวเองลงได้ พวกเขารู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาทันที เมื่อคิดได้ว่าต้าโจวเคยแบ่งประโยชน์ให้พวกเขามากกว่าตัวเองหลายครั้งก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ

ที่สำคัญที่น้องชายของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวถูกซีเหลียงจับตัวไปในครั้งนี้ก็เป็นเพราะแม่ทัพฉู่แห่งต้าเยี่ยนทรยศต้าโจวจริงๆ

แม้จะเป็นเช่นนี้ ทว่า กองทัพไป๋ก็ยังแบ่งคนมาเปิดประตูเมืองให้พวกเขาด้วยทั้งๆ ที่สองแคว้นกำลังแข่งขันกันยึดครองอวิ๋นจิง พวกเขาไม่ใช่ไม่เห็นศพของกองทัพไป๋ที่กองกันอยู่หน้าวงล้อประตูเมืองทิศตะวันออก หากเขารู้สึกหดหูใจเช่นเดียวกัน เหตุใดพวกเขาจึงกล่าวออกไปเช่นนั้นนะ!

ไม่นานแม่ทัพผู้น้อยของต้าเยี่ยนที่เมื่อครู่เพิ่งทะเลาะกับหลู่หยวนเผิงอย่างเอาเป็นเอาตายก็เห็นหลู่หยวนเผิงเดินกลับมาด้วยท่าทีดุดันอีกครั้ง เขาเม้มปากพลางเดินไปด้านหน้า จากนั้นโค้งกายให้หลู่หยวนเผิงก่อนที่หลู่หยวนเผิงจะด่าสิ่งใดออกมาอีก

“เมื่อครู่ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย เมื่อครู่ข้ากล่าวเกินไป เป็นความผิดของข้าเอง ข้ากำลังจะตามไปขอโทษเจ้าอยู่พอดี”

นี่มันเรื่องอันใดกัน

หลู่หยวนเผิงย้อนกลับมาเพื่อต่อสู้กับคนเหล่านี้ เหตุใดทหารต้าเยี่ยนจึงโค้งคำนับขอขมาเขาเช่นนี้กัน

เมื่อขอโทษเสร็จแม่ทัพผู้น้อยจึงกล่าวต่อ

“ความจริงทหารต้าเยี่ยนทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าแม่ทัพไป๋ถูกจับตัวไปเพราะแม่ทัพฉู่ของต้าเยี่ยนของพวกเราทรยศต้าโจว พวกเรารู้สึกละอายใจยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ต้าโจวดีต่อแคว้นพันธมิตรอย่างพวกเรามาก เมื่อครู่ข้าแค่…แค่…”

แม่ทัพต้าเยี่ยนกล่าวต่อไม่ได้จึงยกมือคารวะหลู่หยวนเผิง

“แม่ทัพต้าโจว สุดท้ายเมืองอวิ๋นจิงจะตกเป็นของต้าเยี่ยนหรือต้าโจวล้วนเป็นเรื่องที่จักรพรรดินีแห่งต้าโจวต้องตกลงกับฝ่าบาทของพวกเรา พวกเราเป็นเพียงลูกน้อง ต่อให้พวกเราทะเลาะกันที่นี่จนตายกันไปข้างหนึ่งก็ไม่มีผลอันใดอยู่ดี”

“ข้าไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของเจ้า ต้าโจวเป็นคนยึดเมืองอวิ๋นจิงได้สำเร็จเมืองอวิ๋นจิงควรตกเป็นของต้าโจว! ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทรับสั่งให้พวกเราแบ่งผลประโยชน์ให้พวกเจ้ามากกว่าพวกเราก็ยอมให้แล้ว! จะให้พวกเรายอมให้พวกเจ้าทุกครั้งเลยหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้…ต้าโจวไม่มีทางยกอวิ๋นจิงให้พวกเจ้าแน่นอน!”

เมื่อหลู่หยวนเผิงโมโหเขาไม่มีทางใจอ่อนเพียงเพราะคำกล่าวเหล่านี้แน่นอน

แมทัพต้าเยี่ยนที่ยอมขอโทษและกล่าววาจาดีๆ ด้วยแล้วเริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง

“แม้จะไม่ยอมให้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แม่ทัพตัวเล็กอย่างเจ้าจะตัดสินใจคนเดียวได้!”

“ข้ามีอำนาจตัดสินใจ! ปู่ของข้าคือไท่เว่ยของต้าโจว ข้าจะกลับไปเขียนจดหมายให้ท่านปู่ของข้าไม่ยกอวิ๋นจิงให้พวกเจ้า!”

หลู่หยวนเผิงที่เดิมทีย้อนกลับมาเพื่อต่อสู้หมุนตัวจากไปทันที

ซือหม่าผิง “…”

มาต่อสู้ไม่ใช่หรือ เหตุใดหลู่หยวนเผิงจึงเปิดเผยฐานะของตัวเองทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ต่อสู้เช่นนี้กัน

ไม่นานข่าวเรื่องที่หลู่หยวนเผิงคือหลานชายของหลู่ไท่เว่ยแห่งต้าโจวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งค่ายทหารของต้าโจวอย่างรวดเร็วและค่อนข้างห่างไกลจากความเป็นจริง บางคนกล่าวว่าหลู่หยวนเผิงคือบุตรนอกสมรสของหลู่ไท่เว่ย ตอนนี้ข่าวยิ่งบิดเบือนจากความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ

เซี่ยสวินสั่งให้ปิดข่าวเรื่องที่ทหารสองแคว้นทะเลาะกันไม่ให้เซียวหรงเหยี่ยนรับรู้ ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนก็ยังได้ยินข่าวอยู่ดี

เมื่อยึดเมืองอวิ๋นจิงได้สำเร็จต้องมีการเฉลิมฉลองกัน ทว่า ไป๋ชิงอวี๋ยังสลบไม่ได้สติ ตอนนี้จึงยังไม่มีการจัดงานเลี้ยงฉลองใดๆ เซียวหรงเหยี่ยนคิดว่านี่คือโอกาสอันนี้ที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้น

เซียวหรงเหยี่ยนนึกถึงคำที่ไป๋ชิงเหยียนกำชับในจดหมายว่าให้เขาแสดงบทบาทสามีผู้ถูกทอดทิ้งให้ดี

ดังนั้นครั้งนี้สามีที่ถูกทอดทิ้งอย่างเขาจะถือโอกาสนี้แตกหักกับต้าโจวอย่างเด็ดขาด

“นายท่าน!”

เยว่สือเดินเข้ามาในห้องหนังสือของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างรีบร้อน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ

“คุณชายห้าฟื้นแล้วขอรับ!”

มีหมอหงคอยดูแลไป๋ชิงอวี๋อยู่เซียวหรงเหยี่ยนจึงไม่ได้เป็นห่วงอาการของไป๋ชิงอวี๋มากนัก ทว่า เมื่อได้ยินว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้วจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกเช่นเดียวกัน

“จริงสิ เว่ยกงกงขันทีข้างกายคุณหนูใหญ่มาถึงแล้วเช่นกันขอรับ”

เยว่สือนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เขาเห็นองครักษ์ไป๋ขี่ม้าพาเว่ยกงกงเข้าไปในวังหลวงของซีเหลียง

มือที่จับพู่กันของเซียวหรงเหยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง หมึกดำหยดกระจายลงบนกระดาษ เว่ยจงมาถึงแล้ว…จดหมายของอาเป่าก็คงมาถึงแล้วเช่นเดียวกัน!

เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

เขากำลังเขียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสงครามครั้งนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้อย่างละเอียด ตอนนี้เขาเขียนถึงช่วงท้ายของจดหมายแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าขันทีข้างกายของหญิงสาวจะเดินทางมาถึงพอดี เขาจะได้ฝากจดหมายให้เว่ยจงนำกลับไปให้ไป๋ชิงเหยียนทีเดียว ไม่มีผู้ใดทำให้เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกวางใจที่จะมอบจดหมายซึ่งเขียนถึงไป๋ชิงเหยียนฉบับนี้ได้มากเท่าเว่ยจงอีกแล้ว

เว่ยจงมาพบเซียวหรงเหยี่ยนในฐานะขันทีใหญ่ข้างกายของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว เซียวหรงเหยี่ยนได้ยินคนรายงานจึงเข้าใจจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของเว่ยจงทันที เขาหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมพลางเอ่ยสั่ง

“เชิญเว่ยกงกงไปดื่มชารอที่โถงรับรองหน้า อีกครู่ข้าจะตามไป”

“ขอรับ!”

เยว่สือมองเจ้านายตัวเองด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“นายท่าน เว่ยกงกงขันทีรับใช้ของคุณหนูใหญ่เดินทางมาที่นี่ เหตุใดนายท่านไม่พบกับเขาเป็นการส่วนตัวขอรับ ไม่แน่คุณหนูใหญ่อาจมีจดหมายลับมาให้นายท่านด้วยก็ได้นะขอรับ”

“ไม่ได้ยินหรือว่าเว่ยกงกงมาขอพบข้าในฐานะขันทีใหญ่ข้างกายจักรพรรดินีแห่งต้าโจว…”

เซียวหรงเหยี่ยนสวมหน้ากากให้เรียบร้อย จากนั้นกล่าวเสียงขบขันเล็กน้อย

“ไม่แน่เขาอาจมาเอาผิดข้าก็ได้”

เยว่สือคิดตามแล้วก็รู้สึกว่าเจ้านายของเขากล่าวมีเหตุผล เขานึกถึงคำกล่าวขององครักษ์ไป๋ที่กล่าวกับเขาตอนนำจดหมายของคุณหนูใหญ่มาให้ก่อนหน้านี้ว่าแม้เขาช่วยเจ้านายและคุณหนูใหญ่ไม่ได้ ทว่า หวังว่าเขาจะไม่ก่อปัญหาให้เจ้านายและคุณหนูใหญ่มากกว่าเดิม อย่างน้อยก็ควรปกปิดสีหน้าและควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ดี

เยว่สือเดินตามหลังเจ้านายของตัวเองพลางเอ่ยเสียงเบา

“นายท่าน หากอีกเดี๋ยวต้องแสดงละครตบตาคนเหล่านั้น นายท่านจะให้ข้าช่วยทะเลาะกับเว่ยกงกงแทนนายท่านหรือไม่ขอรับ”

“ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น หลายวันมานี้เจ้าควบคุมสีหน้าและอามรณ์ของตัวเองได้ข้าก็ภูมิใจมากแล้ว”

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวกับเยว่สือจบก็เดินเอามือไขว้หลังไปยังโถงรับรองหน้าทันที เขาหันไปเรียกเยว่สือที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม “ไปได้แล้ว!”