เล่ม-1 ตอนที่ 327-2 มาทันเวลาพอดี ความลับของเยี่ยหลัว

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน

ตอนที่ 327-2 มาทันเวลาพอดี ความลับของเยี่ยหลัว

เฉียวเวยเข้าใจทันที “เจ้ากล่าวเช่นนี้ข้าก็เข้าใจแล้ว มิน่าพี่ชายของเจ้าจึงเอาสำนักซู่ซินจงทั้งสำนักมาแลกเปลี่ยนกับข้าอย่างไม่เสียดาย พระราชวังเยี่ยหลัวของพวกเจ้าย่อมสำคัญกว่าสำนักซู่ซินจงมากนัก! ตอนนี้ข้ารับปากจะให้เขายืมของแล้ว ไม่นานเผ่าเยี่ยหลัวของพวกเจ้าก็คงจะฟื้นฟูแคว้นได้แล้วสินะ”

ฟู่เสวี่ยเยียนส่ายหน้า “ไม่ง่ายดายเช่นนั้น ต่อให้ตามหากุญแจทั้งหมดพบ แต่ไม่มีผู้ใดทราบว่าพระราชวังตั้งอยู่ที่ใด พระราชวังเป็นเพียงเรื่องเล่าที่บรรพบุรุษเล่าสืบต่อกันมาเท่านั้น ไม่มีผู้ใดทราบว่าจริงหรือลวง”

“เป็นเช่นนี้เอง” เฉียวเวยลูบคาง “ข้าลืมถามว่าระหว่างพี่ชายของเจ้ากับองค์ชายสามมีความสัมพันธ์กันอย่างไร”

“พวกเขาเป็นสหายที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เยาว์วัย” ฟู่เสวี่ยเยียนเหมือนจะไม่อยากสนทนาหัวข้อนี้ต่อ นางไม่รอเฉียวเวยพูดอะไรออกมาก็พูดต่ออย่างรวดเร็ว “ไม่ว่าอย่างไร ฐานะของข้าก็พิเศษอยู่บ้าง หากพวกเจ้าคิดจะสานสัมพันธ์ที่ไม่ควรสานกับข้าก็เท่ากับเป็นศัตรูกับเผ่าเยี่ยหลัวทั้งเผ่า”

เฉียวเวยโบกมือยิ้มๆ “พอเถอะน่า สิ่งที่ข้าไม่กลัวมากที่สุดในยามนี้ก็คือการเป็นศัตรูกับเผ่าเยี่ยหลัวของพวกเจ้า”

ฟู่เสวี่ยเยียนกะพริบตาอย่างไม่เข้าใจ

เฉียวเวยเด็ดกลีบดอกไม้ที่ถูกทับจนช้ำกลีบหนึ่งทิ้ง แล้วยิ้มเรียบๆ “เห็นแก่ที่เจ้าตรงไปตรงมาเช่นนี้ ข้าก็จะบอกความจริงกับเจ้าด้วย จักรพรรดิต้าเหลียงของพวกเราออกคำสั่งประหารเผ่าเยี่ยหลัวของพวกเจ้าแล้ว หากไม่กำจัดเผ่าเยี่ยหลัว ห้าเดือนหลังจากนี้ หมิงซิวจะพิษกำเริบจนตาย”

ฟู่เสวี่ยเยียนขมวดคิ้ว “ฮ่องเต้ของพวกเจ้าวางยาพิษเขาเพื่อให้เขาทำงานให้ ฮ่องเต้ของพวกเจ้าทำเกินไปหน่อยนะ”

เฉียวเวยเท้าคางมองนาง “ราชาเยี่ยหลัวของพวกเจ้าก็ไม่ดีงามสักเท่าไร ข้ายังจำความแค้นที่พวกเจ้าตามไล่ฆ่าแม่สามีของข้าได้นะ!”

ฟู่เสวี่ยเยียนอ้าปาก คล้ายอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมา

เฉียวเวยคลี่ยิ้ม บอกว่า “ข้าไม่โทษเจ้าหรอก ตอนแม่สามีของข้าเกิดเรื่อง เจ้ายังเด็กย่อมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้”

ฟู่เสวี่ยเยียนหลุบตาลง ไม่สานต่อบทสนทนาหัวข้อนี้อีก นางถามว่า “โหราจารย์ต้องพิษอะไร”

เฉียวเวยไม่แปลกใจที่นางล่วงรู้เรื่องที่จีหมิงซิวเป็นโหราจารย์ ก็เหมือนกับที่ตนเอ่ยปากเปิดโปงว่านางเป็นคนเยี่ยหลัว แล้วนางไม่รู้สึกประหลาดใจ พวกนางสองคนเป็นอริกันมานานถึงเพียงนี้ ต่างฝ่ายย่อมรู้ดีว่าอีกฝ่ายล่วงรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของตนเองอยู่พอสมควร “หยกเถาวัลย์ม่วง พืชชนิดนี้น่ะ ใบมีพิษร้ายแรง ส่วนรากใช้แก้พิษ พิษของต้นไม้ต้นหนึ่งต้องใช้รากของต้นไม้ต้นนั้นเป็นยาแก้ ยาชนิดอื่นล้วนใช้ไม่ได้ผล”

“ใช้สิ่งนี้ได้” ฟู่เสวี่ยเยียนดึงปิ่นเล่มหนึ่งออกมาจากเรือนผม ตรงปลายของปิ่นมีดอกไห่ถังที่ยังเป็นดอกตูมอยู่ดอกหนึ่ง นางกดใบของดอกไห่ถังเบาๆ แหวกดอกไห่ถังออกสองฝั่งแล้วหยิบของสีขาวที่ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองเมล็ดหนึ่งออกมาจากดอกไม้

“นี่คือสิ่งใด” เฉียวเวยรับมาแล้วถามอย่างสงสัยใคร่รู้

ฟู่เสวี่ยเยียนตอบว่า “เมล็ดของราชาแห่งต้นหยกเถาวัลย์ม่วง”

เฉียวเวยถามอย่างประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าจึงพกเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งไว้บนศีรษะ”

ฟู่เสวี่ยเยียนตอบอย่างเฉยชา “มารดาของข้าทิ้งเอาไว้ให้ข้า มันคือราชาของต้นหยกเถาวัลย์ม่วง แก้พิษของหยกเถาวัลย์ม่วงได้ทั้งหมด”

เฉียวเวยวางเมล็ดไว้กลางฝ่ามือแล้วพลิกไปพลิกมา ดูไปพลางก็พึมพำ “บนโลกมีของเช่นนี้ด้วยหรือ”

ฟู่เสวี่ยเยียนตอบว่า “จงหยวนของพวกเจ้าไม่มี แต่เยี่ยหลัวมี”

“ขอบใจ”

เฉียวเวยรู้สึกขัดเขินอยู่พอสมควร ก่อนหน้านี้ยังฆ่าฟันกับอีกฝ่ายอยู่เลย แต่พริบตาเดียวผู้อื่นก็มิถือสาความบาดหมางแต่เก่าก่อน แล้วยังช่วยนางกับหมิงซิวครั้งใหญ่เช่นนี้

ฟู่เสวี่ยเยียนลุกขึ้นยืน “ข้าจะกลับแล้ว ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าจากวิกฤติวันนี้”

เฉียวเวยงุนงง “ข้าช่วยเจ้าจากวิกฤติหรือ”

ฟู่เสวี่ยเยียนหลุบตาลง “ไม่มีอะไร”

ไม่มีอะไรสิถึงจะแปลก แต่นางไม่ยอมพูด เฉียวเวยก็ไม่สะดวกใจจะคาดคั้น เฉียวเวยมองแผ่นหลังของนางเดินลงบันไดไป ทันใดนั้นเฉียวเวยก็เรียกนางไว้ “เดี๋ยวรอก่อน”

“ยังมีธุระใดอีก” นางหันกลับมา

เฉียวเวยมองรอบด้านแล้วเรียกเบาๆ “จูเอ๋อร์!”

ลิงน้อยสีดำแสนสวยตัวหนึ่งสะพายกระบี่ไม้ที่สูงกว่าตัวมันไว้เฉียงๆ บนหลัง สองมือไพล่อยู่ด้านหลัง ใบหน้านิ่งสนิทเดินเข้ามาอย่างเนิบนาบ

ฟู่เสวี่ยเยียนมองสำรวจมันอย่างสงสัยใคร่รู้

จูเอ๋อร์ไม่ชายตามองแม้แต่น้อย ยังคงตีหน้าตายต่อไป

เฉียวเวยส่งสัญญาณมือคุยกับจูเอ๋อร์พักหนึ่ง จูเอ๋อร์ก็เดินอาดๆ จากไป ไม่นานก็วกกลับมาอีกหน ครานี้ในมือมีขวดกระเบื้องขวดหนึ่งเพิ่มมาด้วย

เฉียวเวยส่งขวดกระเบื้องไปข้างมือของฟู่เสวี่ยเยียน “นี่คือยาลูกกลอนที่ทำจากหงฮวา หากเจ้าไม่ต้องการเด็กคนนี้จริงๆ ก็กินมันเสีย หากเจ้าต้องการเขาก็จงมาหาข้า ข้าจะพาเจ้าหนีเอง” ฟู่เสวี่ยเยียนรับขวดมา “เจ้า…อย่าเพิ่งบอกคนอื่นได้หรือไม่”

เฉียวเวยมองนางแล้วตอบอย่างตรงไปตรงมา “ข้ารับปากเจ้าว่าจะไม่บอกหมิงเยี่ย แต่ข้าปิดบังสามีของข้าไม่ได้”

“อืม” ฟู่เสวี่ยเยียนพยักหน้า

หลังจากบอกลาเฉียวเวย ฟู่เสวี่ยเยียนก็ยังไม่กลับไปหอชิงหลิวทันที แต่เดินไปยังทะเลสาบด้านหลังด้วยตัวคนเดียว นางถือหงฮวาขวดนั้นยืนอยู่ริมทะเลสาบเงียบๆ อยู่เนิ่นนาน นานจนสายลมโชยพัดเส้นผมของนางจนยุ่งเหยิง ดวงตะวันแผดเผาพวงแก้มของนางจนร้อนผ่าว นางถึงก้มลงมองยาในมือ แล้วดึงจุดขวดออก เทยาลูกกลอนลงในน้ำ

หอชิงหลิวในวันนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ประตูหอไม่มีผู้ใดเฝ้า ในเรือนก็ไม่เห็นบ่าวรับใช้ปัดกวาด ฟู่เสวี่ยเยียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย นางเดินไปตามทางเดินก่อนจะผลักประตูเปิด ปรากฏว่ามองปราดแรกก็เห็นซิ่วฉินที่ถูกทำร้ายจนครึ่งเป็นครึ่งตาย นางรีบสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วย่อตัวลงไปประคองซิ่วฉินขึ้นมา “ซิ่วฉิน!”

ซิ่วฉินลืมตาอย่างอ่อนแรง สะอื้นเอ่ยว่า “ขออภัยเจ้าค่ะ…คุณหนู…ขออภัย…”

ฟู่เสวี่ยเยียนหันไปมองชายหนุ่มบนเก้าอี้อย่างเย็นชา ชายหนุ่มก็มองนางเช่นกัน ใบหน้าของเขาประดับรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มส่งไปไม่ถึงดวงตา “ของผู้ใด”

ฟู่เสวี่ยเยียนไม่สนใจเขา นางอุ้มซิ่วฉินขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง

ชายหนุ่มเอื้อมมือมากระชากตัวนางเข้าไปหา แล้วถามอย่างเนิบช้า “ข้าจะถามเจ้าอีกหน มารหัวขนในท้องเป็นลูกของผู้ใด!”

ฟูเสวี่ยเยียนมองอย่างเย็นชา พลิกมือฟันฝ่ามือเข้าใส่คอของเขาทันควัน

ชายหนุ่มยึดข้อมือของนางไว้ ยิ้มหยันเอ่ยว่า “ข้าเป็นคนสอนวรยุทธ์ให้เจ้าเอง เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้หรือ”

สายตาของฟู่เสวี่ยเยียนที่จับบนใบหน้าของเขาคมกริบดั่งคมมีด แต่เขากลับทำเหมือนไม่รับรู้แม้แต่น้อย เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบหน้าท้องนุ่มของนาง “เจ้าใฝ่ต่ำใช่หรือไม่ ไม่ได้จับตาดูเจ้าไม่กี่วัน เจ้าก็ลักลอบได้เสียกับคนจงหยวนจนตั้งท้อง ร่านขนาดนี้ ตอนอยู่ต่อหน้าข้ายังจะแสร้งทำตัวบริสุทธิ์สูงส่งอะไรอีก!”

กล่าวจบก็ฟาดฝ่ามือตบฟู่เสวี่ยเยียนดังเพียะจนนางเซล้มลงไปกับพื้น

ผ้าปิดหน้าของฟู่เสวี่ยเยียนถูกตบจนปลิวหลุด ผิวขาวผ่องปรากฏรอยนิ้วแดงก่ำหลายรอย แต่นางทำเหมือนไม่รู้จักความเจ็บ ดวงตาเย็นชาไม่เหลือความอบอุ่นแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันก็ไร้ความหวาดกลัว

ชายหนุ่มก้มมองนางจากที่สูง แล้วเรียกอย่างโมโห “หลินชวน!”

หลินชวนก้าวเร็วไวเข้ามา ในมือถือยามาถ้วยหนึ่ง

ฟู่เสวี่ยเยียนขมวดคิ้ว “ท่านจะทำอะไร”

“ไม่เป็นคนใบ้ต่อแล้วหรือ” ชายหนุ่มยิ้มพลางย่อตัวลงมา มือข้างหนึ่งบีบคางของนาง มืออีกข้างหนึ่งรับถ้วยยามาจากหลินชวน

ฟู่เสวี่ยเยียนสีหน้าซีดเผือด

ชายหนุ่มลูบไล้ดวงหน้าของนางด้วยแววตารักใคร่ “รู้จักเจ้ามานานถึงเพียงนี้ เพิ่งจะเห็นสีหน้าเช่นนี้บนใบหน้าของเจ้าเป็นครั้งแรก แต่น่าเสียดาย เจ้าต้องบอกลามันชั่วนิรันดร์แล้ว”

ฟู่เสวี่ยเยียนปัดถ้วยยาของเขาจนคว่ำ

แววตาของชายหนุ่มเย็นยะเยือก “เจ้าคิดว่ามีถ้วยนี้เพียงถ้วยเดียวหรือ หลินชวน!”

หลินชวนรีบไปยกถ้วยใหม่เข้ามาส่งให้คุณชายของตนเองอย่างฝืนใจ

ชายหนุ่มบีบแก้มของฟู่เสวี่ยเยียนแล้วกรอกยาเข้าปากของนาง

ฟู่เสวี่ยเยียนหันหน้าหนีบ้วนยาออกมา

“เจ้าบ้วน เจ้าบ้วนเข้าไป! เจ้าบ้วนคำหนึ่ง ข้าก็จะให้เจ้ากินสิบคำ! ข้าดูซิว่าเจ้าจะบ้วนได้เร็วกว่าหรือข้าจะกรอกยาใส่ปากเจ้าได้เร็วกว่า!”

ฟู่เสวี่ยเยียนกัดฟันแน่น พยายามใช้กำลังภายในซัดเขาออกไป

ชายหนุ่มรำคาญจนทนไม่ไหวจึงสกัดจุดนาง ร่างกายของฟู่เสวี่ยเยียนแข็งทื่อ ชายหนุ่มหัวเราะเสียงเย็นชา “หนนี้ ข้าจะดูซิว่าผู้ใดจะมาช่วยเจ้า!”

พูดจบก็จับยากรอกปากนางอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นเองใต้เท้าเจ้าสำนักก็บุกพรวดเข้ามาในเรือน เท้าข้างหนึ่งถีบเปิดประตูห้อง!