เล่ม 1 ตอนที่ 328-1 ซ้อมบุรุษสารเลว (1)

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 328-1 ซ้อมบุรุษสารเลว (1)

ปกติยามใต้เท้าเจ้าสำนักมาเยือนมักจะมีคนโขยงใหญ่เฝ้าประตูอยู่ แต่วันนี้ทั้งเรือนกลับว่างเปล่า เขากังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประตูห้องของฟู่เสวี่ยเยียนปิดสนิท เขายิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงถีบประตูบุกเข้ามา แต่แล้วเขาได้เห็นสิ่งใด ฟู่เสวี่ยเยียนนั่งอยู่บนพื้น กำลังถูกพี่ชายแท้ๆ ของนางบีบคาง ส่วนพี่ชายแท้ๆ ของนางไม่รู้ว่ากำลังกรอกอะไรใส่ปากของนางอยู่ ทั้งที่ใบหน้าของนางบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ยินยอม!

ใต้เท้าเจ้าสำนักโกรธจัดทันที “เจ้าสารเลว! ปล่อยนางนะ!”

ชายหนุ่มหันมามองใต้เท้าเจ้าสำนัก ในดวงตาไม่มีความอ่อนโยนเหมือนเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป มีเพียงความเย็นชาที่เย็นทะลุไปจนถึงขั้วหัวใจ

ใต้เท้าเจ้าสำนักขมวดคิ้วจนเป็นปม

หลินชวนวิ่งเข้ามา “ขออภัยขอรับคุณชาย เมื่อครู่ข้าไปเข้าห้องส้วม ข้าจะไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้!”

เขาเอื้อมมือออกมาคว้าตัวใต้เท้าเจ้าสำนัก แต่ใต้เท้าเจ้าสำนักกลับง้างกำปั้นพุ่งเข้าไปต่อยชายหนุ่มสุดแรง!

ปั้ก! ร่างกายของใต้เท้าเจ้าสำนักกลับเป็นฝ่ายกระเด็นออกไป…

ชายหนุ่มรั้งหมัดกลับมา เวลานี้ยาที่กรอกเข้าไปในปากฟู่เสวี่ยเยียนไหลออกมาหมดแล้ว เขาจึงบีบแก้มของนางแล้วกรอกลงไปอีก

ใต้เท้าเจ้าสำนักหยิบใบไม้บนศีรษะออกแล้วเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าดุร้าย “กล้าตีข้า เจ้าจะต้องชดใช้!”

ชายหนุ่มอึ้งไปวูบหนึ่ง เห็นชัดว่าเขาคงคิดไม่ถึงว่าคนที่ถูกตนเองตบจนปลิวไปแล้วคนนี้จะกลับมาอีกครั้งเร็วขนาดนี้

ใต้เท้าเจ้าสำนักคว้าเก้าอี้ตัวหนึ่งขึ้นมาฟาดใส่ศีรษะชายหนุ่มอย่างแรง!

ชายหนุ่มไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย พลิกมือฟาดหนึ่งฝ่ามือส่งใต้เท้าเจ้าสำนักปลิวออกไปอีกหน

แต่ใต้เท้าเจ้าสำนักไม่ยอมแพ้ ก่อนที่จะปลิวออกไป เขาก็ขว้างเก้าอี้ใส่ชายหนุ่มอย่างกล้าหาญยิ่งนัก แม้ชายหนุ่มจะไม่ถูกเก้าอี้ฟาด แต่ยาในชามก็โคลงเคลงจนหกลงมาหมด

“หลินชวน!” ชายหนุ่มตวาดเสียงกร้าว

หลินชวนรีบไปห้องครัวอีกหน

ร่างของใต้เท้าเจ้าสำนักปลิวออกมาจากหอชิงหลิวลอยเข้าไปในสวนดอกไม้น้อย ในสวนดอกไม้อาจารย์ตาฮั่วกำลังนั่งอาบแดดอยู่บนรถเข็น กระบี่ของเขาก็พิงรถเค็นอีกคันอาบแดดอยู่ด้วยกัน

ใต้เท้าเจ้าสำนักลอยลงมาชนโครมบนร่างของอาจารย์ตาฮั่ว กระแทกจนศีรษะของอาจารย์ตาฮั่วปูดเป็นลูกซาลาเปา

อาจารย์ตาฮั่วมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ใต้เท้าเจ้าสำนักอดทนต่อความเจ็บปวดประหนึ่งร่างจะแยกออกจากกันแล้ววิ่งโซซัดโซเซกลับเข้าไปในหอชิงหลิว

อาจารย์ตาฮั่วอาบแดดอย่างเฉยเมยต่อ

หลินชวนยกยามาแล้ว ชายหนุ่มรับถ้วยยามากรอกใส่ปากฟู่เสวี่ยเยียนต่อ

มือขาวเผือดเหมือนโครงกระดูกข้างหนึ่งคว้าข้อมือของชายหนุ่มเอาไว้

ชายหนุ่มมือสั่นไปวูบหนึ่ง “เหตุใดเป็นเจ้าอีกแล้ว!”

ใต้เท้าเจ้าสำนักตบถ้วยยาจนคว่ำ แล้วหอบแฮ่กๆ กระชากคอเสื้อของเขา บอกอย่างดุร้ายด้วยความโมโหทั้งที่ไร้เรี่ยวแรง “เจ้าคนสารเลว…อ้ากกกก”

พูดยังไม่ทันจบก็ถูกชายหนุ่มซัดฝ่ามือจนลอยออกไปอีก

ร่างของใต้เท้าเจ้าสำนักลอยหวือผ่านอากาศเป็นเส้นโค้งอันงดงามเส้นหนึ่ง เขาลอยออกจากหอชิงหลิว ลอยเข้าไปในสวนดอกไม้น้อย แล้วหล่นกระแทกกระบี่ยาวของอาจารย์ตาฮั่วอย่างจัง

แววตาของอาจารย์ตาฮั่วเย็นยะเยือกในพริบตา เขาหันไปมองใต้เท้าเจ้าสำนักแล้วหันไปมองเรือนอันงามวิจิตร จากนั้นลุกขึ้นยืนใช้วิชาตัวเบาเหินเข้าไป

หลินชวนยืนอยู่ที่ประตู เขาเห็นเงาคนเหินผ่านท้องฟ้าเข้ามาอย่างกะทันหันก็ตวาดถาม “เจ้าเป็นผู้ใด…”

แต่ยังไม่ทันไรก็ถูกอาจารย์ตาฮั่วฟาดฝ่ามือใส่จนสลบ

ชายหนุ่มมองแขกไม่ได้รับเชิญที่จู่ๆ ก็พรวดพราดเข้ามาอย่างหมดความอดทน “ไล่ไปคนหนึ่งก็มีมาอีกคนหนึ่ง รู้จักเรียกกำลังเสริมมาแล้วใช่หรือไม่ ก็ดี ข้าจะได้จัดการรอบเดียวให้หมด ไม่ต้องยุ่งยากทีหลัง!”

กล่าวจบชายหนุ่มก็วางถ้วยยาลงอย่างเย็นชา แล้วออกกระบวนท่าโจมตีอาจารย์ตาฮั่ว

อาจารย์ตาฮั่วพลิ้วกายหลบ ฝ่ามือของชายหนุ่มฟาดลงบนประตู!

แววตาของชายหนุ่มปรากฏความประหลาดใจวูบหนึ่ง เห็นชัดว่าคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะหลบฝ่ามือของตนเองได้

แต่อาจารย์ตาฮั่วไม่เพียงหลบได้ เขายังถีบก้นชายหนุ่มส่งเขาลอยออกจากห้องไปทั้งตัวแล้วกลิ้งหลุนๆ ลงไปตามบันได

ชายหนุ่มไม่กล้าพูดว่าวรยุทธ์ของตนใต้หล้าไร้คู่ต่อกร แต่ในจงหยวน เขานับว่าไม่มีคู่ต่อกรจริงๆ “เจ้าเป็นผู้ใด”

“อาจารย์ตาฮั่ว” อาจารย์ตาฮั่วตอบ

ชายหนุ่มหรี่ตาลงอย่างสงสัย “เจ้าคือผู้ช่วยที่เจ้าเด็กคนนั้นเรียกมาหรือ”

อาจารย์ตาฮั่วตอบว่า “ไม่ใช่”

ชายหนุ่มถามว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้ามาทำอะไรที่เรือนของข้า”

อาจารย์ตาฮั่วตอบว่า “ซ้อมเจ้าให้น่วม”

ชายหนุ่มอึ้งไปชั่ววูบ ทว่าตอนนั้นเองกำปั้นประหนึ่งบุปผากลางหิมะของอาจารย์ฮั่วก็ร่วงลงมาแล้ว…

เมื่อเฉียวเวยกลับมาถึงเรือน แขกที่เดินทางมาแสดงความยินดีเหล่านั้นก็ทยอยกันจากไปแล้ว จีหมิงซิวส่งแขกคนสุดท้ายจากไปเสร็จก็หันมาเห็นเฉียวเวยที่เดินกลับมาจากหอชิงหลิวพอดี จีหมิงซิวมองดอกไม้สดสวยหลากหลายสีสันช่อใหญ่ที่นางอุ้มอยู่ แล้วถามอย่างขบขัน “ต้อนรับแขกเหรื่อน่าเบื่อจนต้องวิ่งไปเก็บดอกไม้เชียวหรือ”

“เจ้าตัวน้อยสามคนเก็บมาให้” เฉียวเวยเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้ม แล้ววางดอกไม้ลงบนโต๊ะ นางหาแจกันดอกไม้มาสองสามใบแล้วปักดอกไม้ลงไป

จีหมิงซิวเห็นศิลปะการจัดดอกไม้ที่แทบจะทนดูไม่ได้ของนางแล้วมุมปากกระตุก

เฉียวเวยตอบว่า “จริงสิ เมื่อครู่ศิษย์พี่ฟู่แวะมาแล้วใช่หรือไม่”

“มาแล้ว” จีหมิงซิวตอบ

เฉียวเวยปักดอกไม้อีกหนึ่งดอก “ข้าลืมบอกท่านไว้ก่อน ข้าต้องการหาทางไล่เขาออกมาอย่างกะทันหัน คงไม่ได้เผยพิรุธอะไรออกไปกระมัง”

จีหมิงซิวหยิกแก้มของนาง มองนางด้วยแววตามีเลศนัย “เมื่อใดเจ้าจะรู้จักเชื่อใจสามีของตัวเอง หืม”

เฉียวเวยคลี่ยิ้ม “เขาจะยืมกระบี่โหราจารย์เมื่อใด”

จีหมิงซิวยิ้มน้อยๆ ตอบว่า “ข้าบอกเขาว่ากระบี่โหราจารย์อยู่ที่ชนเผ่าลึกลับ ข้าต้องกลับไปนำมันมา ไปกลับอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองเดือน เมื่อคำนวนปัจจัยที่ไม่แน่นอนนานาประการระหว่างทางก็อาจจะใช้เวลาสามเดือน”

เฉียวเวยจิ๊ปาก “ท่านช่างใช้เคล็ดวิชาถ่วงวิชาได้เก่งจริงๆ”

เฉียวเวยปักดอกไม้เสร็จแล้วก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ห่ออย่างดีออกมาจากอกเสื้อ นางเปิดห่อผ้าเผยให้เห็นเมล็ดพืชขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองเมล็ดหนึ่ง “หมิงซิว ท่านดูนี่”

“สิ่งนี้คือสิ่งใด” จีหมิงซิวถาม

เฉียวเวยเลิกคิ้วตอบว่า “เมล็ดของราชาแห่งต้นหยกเถาวัลย์ม่วง แก้พิษที่ฮ่องเต้วางยาท่านได้”

จีหมิงซิวหยิบเมล็ดขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดแล้วถามว่า “เจ้าได้มันมาจากที่ใด”

เฉียวเวยจึงตอบว่า “ฟู่เสวี่ยเยียนให้มา นางยังเล่าเรื่องเผ่าเยี่ยหลัวให้ข้าฟังมากมายอีกด้วย”

จีหมิงซิวยิ้มบาง “พวกเจ้าไว้ใจกันถึงเพียงนั้นตั้งแต่เมื่อใด”

เฉียวเวยทำท่าทำทางลึกลับตอบว่า “ท่านต้องเดาไม่ออกแน่ นางตั้งท้องแล้ว”

จีหมิงซิวตกตะลึงเป็นอย่างแรก ต่อจากนั้นก็ถามตามสัญชาตญาณ “ลูกของหมิงเยี่ยหรือ”

ไม่แปลกที่เขาจะคิดเช่นนี้ ความจริงก็คือเขามีประสบการณ์กับเรื่องทำนองนี้มากทีเดียว ลองนึกถึงว่าจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูเกิดมาได้ยังไงก็พอจะเข้าใจได้ว่าสถานการณ์ระหว่างน้องชายกับฟู่เสวี่ยเยียนเป็นอย่างไรแล้ว

เฉียวเวยพยักหน้า กล่าวอย่างหยอกล้อ “หมิงเยี่ยแพ้ท่านทุกเรื่อง มีแต่เรื่องนี้ที่สู้ได้สมน้ำสมเนื้อ”

จีหมิงซิวหัวเราะ

เฉียวเวยเห็นเขาหัวเราะก็ทราบว่าใจเขาไม่ถือสาเรื่องตัวตนของฟู่เสวี่ยเยียน นางเองก็ไม่ถือสา ความจริงฟู่เสวี่ยเยียนจะเป็นผู้ใดก็ช่าง ขอเพียงนางต้องการให้กำเนิดบุตรของตระกูลจีจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องปกป้องนางให้ปลอดภัย

ทั้งสองคนกำลังสนทนากันอยู่ ตอนนั้นเองศิษย์สำนักซู่ซินจงคนหนึ่งก็วิ่งตุปัดตุเป๋เข้ามา “ศิษย์พี่สี่ เจ้าสำนักเฉียว เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ! หอชิงหลิวเกิดเรื่องแล้ว!”

หอชิงหลิวคือที่พักของฟู่เสวี่ยเยียนกับพี่ชายของนาง พอได้ยินคำว่าหอชิงหลิวเกิดเรื่อง ทั้งสองคนก็ไม่รอช้า รีบเร่งเดินทางไปทันทีโดยไม่หยุดพัก เมื่อทั้งสองคนรีบเร่งไปถึงที่นั่น หอชิงหลิวก็ถูกอาจารย์ตาฮั่วถล่มจนราบแล้ว

อาจารย์ตาฮั่วกับผู้อาวุโสห้าคนกำลังต่อสู้กันอยู่ในลาน ต้นไม้ถูกผ่า โต๊ะถูกทุบ โอ่งน้ำแตกกระจาย บนพื้นมีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลายแห่ง อาจารย์ตาฮั่วเหินผ่านระหว่างผู้อาวุโสทั้งห้าคน หนึ่งสู้ห้า แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะพ่ายแพ้ แต่ละกระบวนท่าของผู้อาวุโสทั้งหลายล้วนดุดัน แต่ร่างกายของอาจารย์ตาฮั่วว่องไวเหลือเกินจริงๆ ผู้อาวุโสห้าซัดฝ่ามือใส่อาจารย์ตาฮั่ว เขาแน่ใจอย่างยิ่งว่าตนเองเล็งถูกอาจารย์ตาฮั่วแล้ว แต่ลมปราณที่ซัดออกมาจากฝ่ามือกลับโจมตีถูกผู้อาวุโสสี่ได้อย่างไรก็ไม่ทราบ!

ผู้อาวุโสสี่พองขน “เจ้าเล็งไปที่ไหนของเจ้ากัน!”

ผู้อาวุโสห้าเอ่ยขออภัยซ้ำๆ “ขออภัย ขออภัย ศิษย์พี่สี่ เมื่อครู่…เมื่อครู่ข้าเล็งพลาด”

ผู้อาวุโสห้าถูกอาจารย์ตาฮั่วหลบการโจมตีได้หนหนึ่งก็โกรธเกรี้ยวจนยากจะระงับ เวลานี้อาจารย์ตาฮั่วกำลังสู้กับผู้อาวุโสใหญ่อย่างโรมรันพันตู เขาลอบเข้าไปด้านหลังของอาจารย์ตาฮั่วอย่างเงียบเชียบ จากนั้นต่อยกำปั้นออกมาเต็มกำลังหมายจะต่อยศีรษะของอาจารย์ตาฮั่วแรงๆ สักทีหนึ่ง!

“อั้ก!”

ผู้อาวุโสสี่ถูกต่อยจนตาเขียว เขากุมเบ้าตาที่ได้รับบาดเจ็บ แล้วถลึงตาใส่ผู้อาวุโสห้า “เจ้าเป็นบ้าหรือไรกัน!”

ผู้อาวุโสห้ามองกำปั้นของตนเอง ข้าต่อยตาเฒ่าประหลาดคนนั้นต่างหาก เหตุไฉนจึงกลายเป็นผู้อาวุโสสี่ไปได้เล่า

ผู้อาวุโสสี่ไม่กล้าเข้าใกล้ผู้อาวุโสห้าแล้ว เขาค่อนข้างจะแน่ใจว่าผู้อาวุโสห้าสายตามีปัญหา มิเช่นนั้นตอนนั้นอีกฝ่ายคงไม่ถลาตกเวทีประลองไปเหมือนไม่มีตา

ผู้อาวุโสสี่เปลี่ยนมาจู่โจมอาจารย์ตาฮั่วจากด้านข้างของผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสสามฟาดฝ่ามือออกมา กลับกลายเป็นว่าผู้อาวุโสสี่ถูกตบจนปลิว!

ผู้อาวุโสสี่กุมหน้าที่บวมปูด คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้าปรึกษากันมาแล้วใช่หรือไม่”

ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสรอง ผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสห้าจู่โจมใส่อาจารย์ตาฮั่วพร้อมกัน

ผู้อาวุโสสี่เหินร่างขึ้นมา “ข้าช่วยพวกเจ้าเอง หลีก…ไป…ให้…”

กำปั้นของผู้อาวุโสทั้งหลายต่อยลงบนร่างผู้อาวุโสสี่อย่างพร้อมเพรียง ดวงตาของผู้อาวุโสสี่เบิกถลนมองศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสี่คนอย่างไม่อยากเชื่อ “ไม่…”

เขาถูกต่อยจนตัวปลิว

ผู้อาวุโสทั้งหลายมองกำปั้นของตนเองอย่างมึนงง แล้วจึงหันไปมองอาจารย์ตาฮั่ว อาจารย์ตาฮั่วมาถึงด้านหลังของทั้งสี่คนแล้ว เขางอนิ้วกลางจากนั้นใช้ข้อนิ้วเคาะกะโหลกของทั้งสี่คน ทีละคน!

พวกเขาถูกเขกกะโหลกจนร้องโอดโอย!

ตอนนั้นเองผู้อาวุโสใหญ่ก็หันกลับมาแทงกระบี่ยาวในมือใส่อาจารย์ตาฮั่วอย่างกะทันหัน

“หยุดนะ!”

เฉียวเวยตวาดอย่างดุดัน