เล่ม 1 ตอนที่ 333-1 แม่ลูกพบหน้า (2)

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 333-1 แม่ลูกพบหน้า (2)

เด็กน้อยทั้งสามเล่นกันมาทั้งวัน แต่ละคนแช่น้ำร้อนในอ่างอาบน้ำของตนอย่างสบายตัว จากนั้นก็นอนหลับใหลบนเตียง

คิมหันต์ของปีนี้ร้อนระอุเฉกเช่นเดิม ไม่นอนแก้ผ้าล่อนจ้อนก็ไม่เลวแล้ว ให้ห่มผ้าฝันไปเสียเถิด

เฉียวเวยเป่าเทียนไขดับแล้วปิดประตูเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป

เรื่องที่สวินหลันกลับมาตระกูลจีแพร่กระจายไปทั่วแล้ว แทบทุกคนต่างทราบข่าว ใต้เท้าเจ้าสำนักก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เพียงแต่เขาไม่สนใจผู้หญิงของบิดาตนสักนิด เทียบกับบิดาของตนแล้ว เขาใส่ใจพี่ชายของตนมากกว่า หากหนนี้คนที่บุกมาถึงจวนคืออดีตคนรักของจีหมิงซิว ไม่แน่ว่าเขาอาจจะตะเพิดไล่คนออกไป แต่หากเป็นคนของบิดา…บุรุษคนนั้นรักจะทำอย่างไรก็ทำไปสิ!

หลังจากฟู่เสวี่ยเยียนตั้งครรภ์ นางก็นอนมากกว่าปกติ แต่กลางวันคงจะนอนมากเกินไปหน่อย ตอนนี้จึงยังตื่นอยู่

ก๊อกๆ! มีคนเคาะประตูเรือน หญิงรับใช้ที่เฝ้าประตูเดินมารายงานตรงโถงทางเดิน “แม่นางฟู่ มีคนมาขอพบเจ้าค่ะ”

ฟู่เสวี่ยเยียนกำลังคัดอักษรอยู่ กล่าวกันว่าตัวอักษรเป็นเช่นตัวคน อักษรของนามพลิ้วไหวงดงาม แต่ก็มีความแข็งแกร่งและไม่เหมือนผู้ใด มีทั้งความงดงามเยี่ยงสตรีและมีความห้าวหาญเช่นบุรุษ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซิ่วฉินไม่เข้าใจศิลปะะการเขียนอักษร แต่ขอเพียงคุณหนูเขียนตัวอักษรสักตัว นางก็รู้สึกราวกับว่าตนเองถูกดึงดูดให้มองจนเหม่อลอย แม้แต่เสียงต่างๆ รอบตัวก็ไม่ได้ยิน

ฟู่เสวี่ยเยียนได้ยินคำรายงาน มือที่ถือพู่กันอยู่ก็หยุดชะงัก เอ่ยกับซิ่วฉินว่า “เจ้าออกไปดูหน่อยซิ”

“เอ๋ ดูอะไรเจ้าคะ” ซิ่วฉินงุนงง

ฟู่เสวี่ยเยียนบอกว่า “ไปดูซิว่าผู้ใดมา”

“มีคนมาหรือเจ้าคะ” ซิ่วฉินพึมพำแล้วเปิดประตูเดินออกไป

ที่ประตูเรือน ซิ่วฉินเห็นหญิงรับใช้แปลกหน้าคนหนึ่ง หญิงรับใช้คนนี้อายุราวสี่สิบกว่าปีแล้ว หน้าตานางธรรมดาสามัญแต่รอยยิ้มดูเป็นมิตร

“เจ้าเป็นผู้ใด” ซิ่วฉินถาม

หญิงรับใช้ตอบว่า “ข้าแซ่โจว พักอยู่เรือนหลีฮวาด้านข้าง ฮูหยินของข้าทำเสื้อผ้ามาให้คุณชายน้อยตัวเล็กเกินไปจึงอยากจะแก้สักหน่อย แต่ด้ายสีหมดแล้ว ขอหยิบยืมจากพวกท่านสักหน่อยได้หรือไม่”

ซิ่วฉินไม่ค่อยรู้เรื่องในตระกูลจีมากนัก แต่พอเดาได้ว่าฮูหยินที่อีกฝ่ายพูดถึงคงจะเป็นภรรยาใหม่ของนายท่านตระกูลจี แม้นางจะประหลาดใจอยู่บ้างว่าฮูหยินตระกูลจีฐานะสูงส่งเหตุใดจึงขาดด้ายสีม้วนหนึ่ง แต่ผู้อื่นเอ่ยปากแล้วนางก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธอย่างเย็นชา จึงตอบว่า “เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะไปถามคุณหนูของข้าว่ามีหรือไม่”

โจวมามาค้อมกาย “ขอบคุณแม่นางยิ่งนัก”

ซิ่วฉินเดินเข้ามาในห้องแล้วบอกเรื่องที่โจวมามาขอยืมด้ายสีให้ฟัง

ฟู่เสวี่ยเยียนเอ่ยเสียงราบเรียบ “แค่ด้ายสีม้วนเดียวเท่านั้น หยิบไปให้นางเถิด”

“เจ้าค่ะ” ซิ่วฉินรับปากเช่นนี้ แต่ในหัวใจปวดใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรด้ายสีเหล่านี้พวกนางก็พกมาจากเผ่าเยี่ยหลัว ที่จงหยวนหาซื้อไม่ได้สักหน่อย

ซิ่วฉินหยิบด้ายสีมาให้โจวมามา

โจวมามาขอบคุณแล้วขอบคุณอีก “ขอบคุณแม่นาง ฮูหยินของข้าใช้เสร็จแล้วจะนำมาคืน!”

ซิ่วฉินตอบอย่างเกรงใจ “ไม่ต้องหรอก พวกเจ้าเก็บไว้ใช้เถิด”

โจวมามาเอ่ยขอบคุณอีกครั้งแล้วหมุนตัวกลับเรือนไป

พลบค่ำวันถัดมา โจวมามาก็มาอีกหน ซิ่วฉินไปพบนางที่นอกเรือน โจวมามาส่งด้ายสีคืนให้นาง

ซิ่วฉินถามว่า “เหตุใดยังคืนกลับมาอีก ด้ายน้อยเท่านี้ก็ใช้ไม่หมดหรือ”

โจวมามายิ้มตอบว่า “เพียงแก้เสื้อนิดหน่อยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้มากมายนัก หนนี้โชคดีได้คุณหนูของเจ้า เสื้อจึงแก้ออกมางดงามยิ่งนัก ข้าทำขนมซานจา[1]มาให้เล็กน้อย มอบให้แม่นางฟู่ลองชิม”

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคุณหนูของข้าแซ่ฟู่” ซิ่วฉินถาม นางเหมือนจะไม่เคยบอกโจวมามานะ

โจวมามากลับไม่ปิดบังแม้แต่น้อย ตอบตามตรงว่า “ข้าไปถามมาแล้ว”

ฟู่เสวี่ยเยียนแพ้ท้องหนักมากจนไม่อยากอาหารสักเท่าไร นางชมชอบทานแต่ของรสเปรี้ยว ขนมซานจาเป็นขนมที่อร่อยรสไม่จัด น่าจะถูกใจฟู่เสวี่ยเยียนพอดี ซิ่วฉินจึงตอบว่า “ขอบคุณโจวมามายิ่งนัก”

โจวมามายิ้ม “ข้าต่างหากที่สมควรขอบคุณแม่นาง ถ้อยคำตามมารยาทคงไม่ต้องพูดแล้ว หากแม่นางชอบก็เพียงบอกข้า ฮูหยินของข้าตั้งครรภ์อยู่ ทุกวันเปลี่ยนใจไปเปลี่ยนใจมาอยากกินของสารพัด ข้าอยู่ในห้องครัวทั้งวันจนทำอาหารอะไรก็รวดเร็วยิ่งนัก”

ซิ่วฉินรับกล่องอาหารมา

“ช้าก่อน”

ทันใดนั้นเสียงของเฉียวเวยก็ดังขึ้นด้านหลัง

โจวมามาหมุนตัวกลับมาคำนับนางอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม “ฮูหยินน้อย”

เฉียวเวยเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า นางเหลือบมองโจวมามาแล้วยิ้มน้อยๆ “โจวมามาเก็บหางแสร้งทำตัวเป็นคนแล้วหรือ ท่าทางเหิมเกริมก่อนหน้านี้หายไปที่ใดแล้วเล่า”

ซิ่วฉินหันไปมองโจวมามาอย่างประหลาดใจ หญิงรับใช้คนนี้ออกจะดูเป็นมิตร ท่าทางเหล่านี้ล้วนเสแสร้งหรอกหรือ

โจวมามายิ้มอย่างเขินอาย “ฮูหยินน้อยพูดอะไรเล่าเจ้าค่ะ ผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าฮูหยินน้อยเป็นดวงใจของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดี ต่อให้มอบความกล้าแก่บ่าวสักร้อยเท่า บ่าวก็ไม่กล้าล่วงเกินฮูหยินน้อยหรอกเจ้าค่ะ!”

เฉียวเวยยิ้มชืดชา “พอแล้ว ไม่ต้องมาประจบข้า เรื่องในอดีตข้าไม่มีวันปล่อยมันผ่านแล้วผ่านไป”

ตอนที่โจวมามาได้ยินว่า ‘เรื่องในอดีต’ นางยังคิดว่าเฉียวเวยจะพูดว่า ‘เรื่องในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านแล้วผ่านไป’ เสียอีก ไหนเลยจะคิดว่านางจะบอกว่าไม่มีทางปล่อยให้มันผ่านแล้วผ่านไป คำตอบจะแหวกขนบเกินไปแล้วนะ!

สายตาของเฉียวเวยจับจ้องกล่องอาหารในมือซิ่วฉิน “นี่คือสิ่งใด”

ซิ่วฉินตอบว่า “ขนมซานจาที่โจวมามาทำเจ้าค่ะ”

เฉียวเวยยิ้มอย่างที่ไม่เหมือนรอยยิ้มถามว่า “โจวมามารับใช้ฮูหยินตลอดทั้งวันทั้งคืน มีเวลาไปทำขนมซานจาด้วยหรือ”

โจวมามาหุบรอยยิ้มตอบว่า “ขอเพียงคิดจะทำ ไหนเลยจะหาเวลาไม่ได้เล่าเจ้าคะ ฮูหยินน้อยคงไม่ถึงขั้นไม่ยอมให้บ่าวทำแม้แต่ขนมซานจาสักชิ้นกระมังเจ้าคะ หรือว่า…ฮูหยินน้อยสงสัยว่าขนมซานจาที่บ่าวทำไม่สะอาด แม่นางฟู่ทานแล้วจะท้องเสีย”

พูดพลาง โจวมามาก็เปิดกล่องอาหารหยิบขนมชิ้นน้อยชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน

เฉียวเวยตอบอย่างไม่สนใจ “เจ้ากินแล้วมีประโยชน์อะไร ให้ฮูหยินของเจ้ากิน”

โจวมามาสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันควัน “ท่าน…”

“ให้ข้ากินสิ่งใด”

ระหว่างที่ทั้งสองคนสนทนาอยู่ สวินหลันก็เดินเอื่อยเฉื่อยเข้ามา

ซิ่วฉินหันไปมองตามเสียง นี่เป็นครั้งแรกที่ซิ่วฉินพบภรรยาใหม่ของนายท่านตระกูลจีที่คนเขาเล่าลือกัน นางคิดว่าสตรีหน้าตาธรรมดาขนาดไหนกันถึงยินยอมพร้อมใจตบแต่งเป็นภรรยาคนที่สองของผู้อื่น ไหนเลยจะคิดว่าหน้าตากลับงามล่มเมือง ราวกับเทพธิดาก้าวออกมาจากภาพวาดบนผนังเช่นนี้ กินกันไม่ลงกับคุณหนูของนาง

โจวมามาเดินไปหยุดเบื้องหน้าฮูหยินของตนด้วยท่าทางเศร้าใจ “ฮูหยิน เมื่อวานหยิบยืมด้ายของแม่นางฟู่มา ข้าจึงเจตนาดีทำขนมซานจาหนึ่งกล่องมาให้แม่นางฟู่ แต่ฮูหยินน้อยกลับสงสัยว่าขนมที่บ่าวทำไม่สะอาด”

สวินหลันหันไปมองโจวมามา “ผู้อื่นไม่รับน้ำใจ เจ้าไยต้องทำให้ตัวเองลำบากเล่า”

พูดจบก็หยิบกล่องอาหารจากมือซิ่วฉินหันหลังพาโจวมามาเดินกลับเรือนหลีฮวาอย่างเงียบๆ

[1]ซานจา ผลไม้ชนิดหนึ่งผลสีแดงมีรสเปรี้ยว