ตอนที่ 332 แม่ลูกพบหน้า (1)

เรื่องสวินหลันหวนกลับตระกูลจีแพร่ไปในจวนอย่างรวดเร็วยิ่งนัก บ่าวรับใช้ทั้งหลายต่างทราบข่าวว่าฮูหยินใหญ่ผู้ถูกขับไล่ออกจากตระกูลจีเพราะวางยาพิษนายท่านเมื่อตอนนั้นอุ้มท้องกลับมา แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ที่เรือนถง ฐานะมิอาจทัดเทียมก่อนหน้า เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็อุ้มท้องสายเลือดของนายท่านอยู่ วันหน้ามารดาจะสูงศักดิ์ด้วยบุตรชายได้หรือไม่ ผู้ใดจะบอกได้แน่ชัดเล่า

“ที่แท้ก็ภรรยาคนที่สองของนายท่านตระกูลจีเจ้าค่ะ” เวลาอาหารเย็น ซิ่วฉินจัดตะเกียบไว้ข้างฟู่เสวี่ยเยียนพลางเอ่ยบอก

ฟู่เสวี่ยเยียนหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องในบ้านของผู้อื่น อย่าได้เข้าไปยุ่ง แล้วก็ไม่ต้องไปสืบถาม”

ซิ่วฉินบอกว่า “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ไปสืบมา แต่ตอนไปเก็บดอกไม้ได้ยินสาวใช้อายุน้อยที่ห้องบุปผาพูดกัน”

ฟู่เสวี่ยเยียนขานอืมตอบเรียบๆ คำหนึ่งก็ไม่พูดอะไรต่ออีก เริ่มลงมือรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ

ซิ่วฉินคิดอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยอีกว่า “แต่…นางอยู่เรือนฝั่งตรงข้ามกับพวกเรา จะต้องไปทักทายหรือไม่เจ้าคะ”

ฟู่เสวี่ยเยียนตอบว่า “ไม่จำเป็น”

จีซั่งชิงออกไปจากเรือนลั่วเหมยได้ไม่นาน หลี่ซื่อกับเฉียวเวยต่างก็กลับเรือนของตนเอง เมื่อครู่ปี้เอ๋อร์ไม่ได้จะออกไปเลือกชุดแต่งงานด้วยกันกับเฉียวเวยจึงไม่มีโอกาสได้พบหน้าสวินหลัน เพียงแต่ได้ยินเรื่องนี้มาจากปากของบ่าวรับใช้ ในใจเกิดสงสัยใคร่รู้อย่างห้ามไม่ได้ “ฮูหยิน สวินซื่อกลับมาแล้วจริงหรือเจ้าคะ เรื่องจริงหรือโกหก”

เฉียวเวยยิ้มจางๆ “จริงเสียยิ่งกว่าทองเสียอีก”

ปี้เอ๋อร์เบ้ปาก “กลับมาแล้วจริงสินะ…”

เฉียวเวยเข้ามาในห้อง “นางกลับมาก็เรื่องของนาง พวกเราก็อยู่ของพวกเรา มีอะไรเกี่ยวข้องกันเล่า”

ปี้เอ๋อร์คิดดูก็เห็นด้วยกับเหตุผลนี้ จึงเอ่ยว่า “นั่นก็ใช่ ต่อให้นางจะคลอดอะไรออกมา ท่านเขยก็ยังเป็นบุตรคนโตสายตรงของตระกูลจี ตระกูลจีเป็นของท่านเขย ผู้ใดก็แย่งไปไม่ได้!”

เฉียวเวยตอบเรียบๆ “ก็ยังไม่แน่ว่านางจะกำลังน้ำลายยืดอยากได้กิจการของตระกูลจี”

“ถ้าเช่นนั้นนางหมายตาสิ่งใดเล่าเจ้าคะ นายท่านหรือ” ปี้เอ๋อร์กะพริบตาถาม

เฉียวเวยตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัด ข้าเพียงรู้สึกว่าหมิงซิวเพิ่งก้าวเท้าออกไป นางก็เดินทางมาถึง ช่วงเวลาประจวบเหมาะกันเกินไปหน่อย หวังว่าข้าจะคิดมากไปเอง” สายตาของเฉียวเวยกวาดไปมาแล้วถามว่า “เจ้าตัวน้อยพวกนั้นเล่า”

ปี้เอ๋อร์ตอบว่า “ไปเล่นในสวนเจ้าค่ะ”

เดือกหกเป็นช่วงเวลาที่บุปผาบานสะพรั่ง ผีเสื้อกระพือปีกโบยบิน ต้าไป๋นอนหมอบงีบหลับอยู่ใต้พุ่มบุปผา เสี่ยวไป๋กับจูเอ๋อร์กระโดดไปกระโดดมาวิ่งไล่ผีเสื้อ เจ้าตัวน้อยทั้งสามคนกำลังดีดลูกแก้วอยู่บนพื้น เพราะนั่งยองอยู่บนพื้นเหนื่อยมาก จิ่งอวิ๋นจึงคิดวิธีหนึ่งขึ้นมา เขาใช้ท่อนไม้ทำเป็นไม้ตีลูกขนาดเล็ก จากนั้นใช้ไม้ตีลูกแก้ว ผู้ใดตีลูกแก้วลงหลุมด้วยจำนวนครั้งที่น้อยที่สุดก็นับว่าชนะ

เรียกได้ว่าเป็นกีฬากอล์ฟสมัยโบราณ

เด็กน้อยสามคนเล่นกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง ทันใดนั้นหญิงรับใช้วัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา นางยิ้มแย้มจับบ่าของหลิวเกอร์ “คุณชายสาม!”

หลิวเกอร์หันกลับมา ดวงตาแวววาวเบิกโตจับจ้องนาง “โจวมามาหรือ”

โจวมามายิ้มกว้างอย่างมีความสุข “ข้าเองเจ้าค่ะ! ข้าเอง! คุณชายสามยังจำข้าได้หรือเจ้าคะ”

หลิวเกอร์ถามอย่างสงสัย “เจ้ามาได้อย่างไร”

เวลานี้จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูก็หันมามองโจวมามาด้วยแล้ว โจวมามายิ้มอย่างมีความสุขให้ทั้งสองคนด้วย จากนั้นจึงบอกหลิวเกอร์ว่า “มารดาของท่านกลับมาแล้ว ต้องการไปพบมารดาของท่านหรือไม่”

หลิวเกอร์มองโจวมามาอย่างอึ้งๆ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างมึนๆ งงๆ

โจวมามาจูงมือหลิวเกอร์ พาหลิวเกอร์เดินออกไปจากสวน

เฉียวเวยกินลิ้นจี่อยู่ในห้องได้สองสามลูก จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูก็เหงื่อโชกเต็มศีรษะกลับมา คิมหันต์อากาศร้อนอยู่แล้ว ทั้งสองคนยังตากแดดร้อนระอุอยู่ใต้ดวงตะวัน ดวงหน้าน้อยถูกแดดเผาจนแดงระเรื่อ เฉียวเวยตักน้ำเย็นมาเช็ดเหงื่อให้ทั้งสองคนแล้วจับพวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งๆ เสร็จแล้วให้ปี้เอ๋อร์ยกถั่วเขียวต้มใส่น้ำแข็งเข้ามา ทั้งสองคนหยิบช้อนตักกินคำโต

“หลิวเกอร์เล่า” เฉียวเวยถาม

จิ่งอวิ๋นตอบว่า “ไปหามารดาของเขาแล้วขอรับ”

เฉียวเวยแกะลิ้นจี่ผลหนึ่งพร้อมกับครุ่นคิดบางสิ่ง หรือว่าสวินหลันลำบากลำบนหาทางกลับมาตระกูลจีเพื่อบุตรชายของนาง

ในเรือนหลีฮวา สวินหลันมองบุตรชายที่แยกจากกันมานาน นางจับมือของบุตรชายแล้วให้บุตรชายมานั่งข้างตนเอง นางลูบใบหน้าของบุตรชายที่กลมกว่าก่อนหน้านี้อยู่เล็กน้อยแล้วบอกว่า “เรียกแม่สิ”

หลิวเกอร์เรียกท่านแม่หนึ่งคำอย่างเชื่อฟัง สายตาเลื่อนมาจับบนหน้าท้องของนาง

สวินหลันหยิบผ้าห่มผืนบางมาคลุมหน้าท้องไว้ โจวมามาตักน้ำอุ่นมาอ่างหนึ่ง นางบิดผ้าแล้วเช็ดหน้าให้เขาด้วยตนเอง “แม่เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าตากแดดใต้ดวงตะวันตรงๆ ดูซิเจ้าตากแดดจนมีสภาพเป็นเช่นไรแล้ว”

หลิวเกอร์เอนศีรษะหลบมือของนาง

นางชะงักเล็กน้อย “เป็นอะไรไป”

หลิวเกอร์ขมวดคิ้วเล็กๆ ของตน บอกว่า “ร้อนเกินไป!”

สวินหลันใช้ผ้าแตะกับหน้าผากของตน “ผ้านี่ก็ไม่ร้อนนี่นา”

หลิวเกอร์สั่งโจวมามา “ไปตักน้ำในบ่อมา”

โจวมามาสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “น้ำนั่นใช้ไม่ได้นะเจ้าคะ! น้ำบ่อเย็นมาก! จะไม่สบายเอา!”

หลิวเกอร์ยู่ปาก “ข้าก็อาบอยู่ทุกวัน ไม่เห็นป่วยนี่”

เฉียวเวยไม่ตามใจเด็กถึงขนาดนั้น ตอนยังอยู่บนเขาจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูมักจะตามนางไปเล่นน้ำบ่อยๆ ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเป็นเรื่องปกติอย่างที่สุด ลูกของนางล้างอย่างไร หลิวเกอร์ย่อมต้องล้างอย่างนั้น ไม่มีการปฏิบัติเป็นพิเศษให้แตกต่างกัน

โจวมามาได้ยินกลับหน้าซีดเผือด “พวกเขาให้ท่านใช้น้ำเย็นหรือ เหตุใดจึงทำเช่นนี้ ท่านไม่ได้บอกบิดาของท่าน ไม่ได้บอกท่านย่าของท่านหรือเจ้าคะ”

หลิวเกอร์มองโจวมามาอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง

สวินหลันส่งสายตาให้โจวมามา โจวมามาเงียบเสียง สวินหลันยกลิ้นจี่ที่ปอกแล้วจานหนึ่งส่งมาตรงหน้าหลิวเกอร์ “มา กินสักสองสามผล”

หลิวเกอร์หยิบลิ้นจี่ที่ปอกเสร็จแล้วขึ้นมาลูกหนึ่ง เมื่อเขาพบว่าลิ้นจี่ไม่ได้แช่เย็นมาก็วางกลับลงไปในจานอย่างรังเกียจ แล้วเอื้อมมือไปคว้าลิ้นจี่ในจานที่แช่เย็น สวินหลันรีบคว้ามือของเขาไว้ “พวกนั้นแช่เย็นมา เจ้ากินไม่ได้จะปวดท้องเอา”

หลิวเกอร์กินอยู่ทุกวัน กินอยู่ทุกมื้อ กินตลอดทางกลับมาจากสำนักซู่ซินจงก็ไม่เห็นจะปวดท้องตรงไหน หลิวเกอร์มองมารดาของตนเองอย่างไม่พอใจ

สวินหลันปอกลิ้นจี่ป้อนเข้าปากเขา แม้จะไม่เย็นฉ่ำชื่นใจนัก แต่อย่างไรก็หวาน เขากินลิ้นจี่ในจานหมดอย่างรวดเร็ว “เอาอีก”

สวินหลันบอกเสียงอ่อนโยน “กินไม่ได้แล้ว กินลิ้นจี่มากไปจะร้อนใน”

หลิวเกอร์เถียงว่า “ข้าเพิ่งกินไปสามผล”

สวินหลันบอกว่า “วันพรุ่งนี้ค่อยกิน” นางหันไปมองโจวมามา “ยกอาหารมาเถิด”

“เจ้าค่ะ!” โจวมามายกกล่องอาหารเข้ามา ในด้านอาหารการกินจีเหล่าฮูหยินดูแลสวินหลันอย่างดี อาหารการกินนับว่าอุดมสมบูรณ์

สวินหลันตักโจ๊กถั่วแดงมาหนึ่งถ้วยแล้วหยิบช้อนขึ้นมาตั้งใจจะป้อนหลิวเกอร์

“ข้ากินเอง!” หลิวเกอร์ประคองชามขึ้นมาแล้วหยิบตะเกียบคู่หนึ่งพุ้ยโจ๊กกิน ผัดผัก เผือก ปลา เนื้อ…เขาขยับตะเกียบคีบอาหารอย่างแล้วอย่างเล่า ไม่เลือกกินแม้แต่น้อย โจวมามาเห็นก็ตะลึงงัน

ดวงตาของสวินหลันฉายแววประหลาดใจ

โจวมามาเอ่ยอย่างปวดใจ “ข้าได้ยินว่าพักนี้คุณชายน้อยอยู่กับฮูหยินน้อยตลอด ฮูหยินน้อยไม่ป้อนอาหารให้เขากินใช่หรือไม่…”

ก่อนหน้านี้หลิวเกอร์มักจะให้คนอุ้มอยู่เสมอ เขาไม่เดิน ไม่ขยับตัว ปริมาณอาหารที่กินจึงน้อยนิด ตอนนี้แต่ละวันเขากระโดดโลดเต้นเหมือนลิงน้อยไม่เคยหยุดพัก ปริมาณอาหารที่กินย่อมมากขึ้น

แต่โจวมามาจะคิดเรื่องเหล่านี้ออกได้อย่างไรเล่า นางเอาแต่คิดว่าเจ้านายน้อยของตนเองถูกผู้อื่นทารุณอย่างไร้มนุษยธรรมจึงกลายเป็นเด็กรู้ความเช่นนี้ กินอาหารไม่เลือกเช่นนี้

สวินหลันมองแขนของหลิวเกอร์ที่แข็งแรงมีเนื้อหนังขึ้นมาเท่าตัวแล้วไม่พูดอะไร นางหยิบชามกับตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารให้บุตรชาย

หลิวเกอร์กินข้าวหมดสองถ้วยใหญ่ก็อิ่ม เขาตบหน้าท้องไปเดินเล่นในลานบ้าน

สวินหลันกินข้าวเสร็จก็เรียกหลิวเกอร์เข้ามา “แม่เย็บชุดมาให้เจ้าชุดหนึ่ง”

หลิเกอร์กะพริบตาปริบๆ มองนาง

สวินหลันหยิบเสื้อผ้าฤดูร้อนออกมาจากในห่อผ้า แล้วเปลี่ยนให้หลิวเกอร์ นางตัดเสื้อผ้าตามขนาดเดิมของหลิวเกอร์บวกกับคำนวนความสูงที่หลิวเกอร์น่าจะสูงเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีนี้เข้าไปด้วย ดังนั้นจึงตัดให้ใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งขนาด แต่ไหนเลยจะรู้ว่าพอสวมแล้วก็ยังเล็กเกินไปอยู่ดี

เวลาครึ่งปีที่ผ่านมาเขาเติบโตขึ้นมากกว่าช่วงเวลาหนึ่งปีในสมัยก่อนเสียอีก

สวินหลันถอดเสื้อออกมาแล้วบอกว่า “เดี๋ยวแม่ค่อยแก้ให้เจ้า”

หลิวเกอร์สวมเสื้อผ้าเองแล้วกลัดกระดุม

“แม่ทำให้” สวินหลันเอื้อมมือออกมา

“ข้าทำเองเป็น” หลิวเกอร์หลบมือของนางตามสัญชาตญาณแล้วกลัดกระดุมอย่างตั้งอกตั้งใจ

ดวงตาของสวินหลันฉายแววผิดหวังวูบหนึ่ง

หลิวเกอร์กลัดกระดุมเสร็จก็หันไปถามสวินหลันว่า “ท่านแม่เป็นอะไร ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยมีความสุขนัก”

สวินหลันยิ้มขมขื่น “ไม่มีอะไร เจ้าสวมเสื้อผ้าเองเป็นแล้ว แม่ดีใจมาก”

หลิวเกอร์ผายมือ “ช่วยไม่ได้ขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า หากไม่สวมเองก็เตรียมโดนตี”

ปากเขาพูดเหมือนถูกบังคับอย่างไร้ทางเลือก แต่น้ำเสียงไม่มีแววตำหนิแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับแฝงความภาคภูมิใจเล็กๆ เอาไว้ด้วย

โจวมามาพองขน “ฮูหยินท่านฟังสิเจ้าคะ!”

สวินหลันเหลือบมองโจวมามาด้วยสายตาเย็นชา โจวมามาหุบปากฉับ

หลิวเกอร์บอกว่า “ข้าจะกลับไปนอนแล้ว วันพรุ่งนี้ค่อยมาหาท่านใหม่!”

“เจ้ากลับไปที่ใด” สวินหลันถาม

“บ้านชิงเหลียนสิ!” หลิวเกอร์ตอบ

แววตาของสวินหลันวูบไหว “ไม่กลับไปที่เรือนของท่านย่าเจ้าหรือ”

หลิวเกอร์ผายมืออย่างใสซื่อ “ก่อนหน้านี้ข้านอนที่เรือนของท่านย่า แต่ตอนนี้ข้านอนด้วยกันกับจิ่งอวิ๋น!”

สวินหลันเปรยเสียงเบา “คืนนี้เจ้านอนกับแม่ดีหรือไม่”

หลิวเกอร์ตอบว่า “ไม่เอา”

สวินหลันถามว่า “เพราะเหตุใด เจ้าไม่รักแม่แล้วหรือ”

หลิวเกอร์ตอบว่า “รักสิ แต่…แต่ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่เคยนอนกับท่านนี่นา!”

สวินหลันสะอึก “ก่อนหน้านี้เป็นเพราะ…”

หลิวเกอร์มองนางอย่างงงๆ นางอ้าปากเหมือนอยากจะพูดบางสิ่งแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นางยกมือขึ้นจัดคอเสื้อให้เขา “ช่างเถิด เจ้าไปเถิด วันพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”