ตอนที่ 2611
ตอนที่ 2,611 : ฟ้ากำลังจะเปลี่ยนสี?
คำว่า ‘โด่งดังคับฟ้าหลังสู้เพียงครั้ง’ คืออะไรงั้นหรือ?
คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับต้วนหลิงเทียนหลังลงมือที่เหลาอาหารไหลเฟิ่งอย่างไรเล่า! การทำลายแขนขาของหยางกงผิงคราวนี้ นับว่าทำให้เขาโด่งดังไปทั้งเมืองเฉวี่ยโยวได้ในเวลาอันสั้น!
ก่อนเกิดเรื่องวันนี้หากไปไล่ถามผู้คนว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใคร คงไม่มีคนตอบได้…
ทว่าหลังจากผ่านวันนี้เกรงว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักต้วนหลิงเทียน
แน่นอนว่าการต่อสู้ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหยางกงผิงนั้น เขาเป็นผู้กระทำอยู่ฝ่ายเดียว…คงไม่อาจเรียกว่าการต่อสู้ได้ด้วยซ้ำ!
เพราะหลังจากที่หยางกงผิงชิงลงมือหมายจับตัวเขาก่อน ต้วนหลิงเทียนอาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิด รังสีกระบี่ปรากฏ ก่อเกิดกระบี่พลังมีสภาพสะบั้นแขนข้างหนึ่งของหยางกงผิงในชั่วพริบตา…
แต่ต้นจนจบหยางกงผิงไม่อาจตอบสนองได้ทัน ไม่สามารถหลบหลีกอะไรได้เลย…
พลังฝีมือไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง!
และในขณะที่เมืองเฉวี่ยโยวกำลังแตกตื่นเพราะข่าวที่กำลังแพร่ออกไปยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ทางด้านต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างพาทหารทั้ง 10 กลับค่ายอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“พวกเจ้านับว่าช่างกล้ากันจริงๆ…ถึงกับเลือกไปดื่มกินกันในเหลาอาหารของน้องสาวผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน…”
ระหว่างทางต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา เปิดประเด็นสนทนากับเหล่าทหารทั้ง 10 ที่เหาะตามมาด้านหลังไม่ห่าง
“แหะๆ…”
ไป่ฟูฉาง ถงเจิ้ง คลี่ยิ้มแห้งๆออกมา กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ เป็นเพราะท่านสามารถเอาชนะการประลองในหุบเขาเทพสงครามได้อย่างเหนือชั้น พวกเราจึงตื่นเต้นทั้งยินดีกันมากเกินไปหน่อย เลยไม่ทันสังเกตเห็นว่าเหลาอาหารที่พวกเราเดินเข้าไปใช้บริการจะเป็นเหลาอาหารของน้องสาวผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน…”
“แน่ใจ?”
อย่างไรก็ตามถงเจิ้งไม่ทันได้กล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ทักออกมาราวกับจับผิดอะไรได้
“เอ่อ ยังเป็นท่านแม่ทัพที่เฉลียวฉลาด มองเรื่องราวได้ขาด…”
ถงเจิ้งที่รู้ดีว่าคงไม่อาจแถต่อได้แต่ยิ้มรับออกมาอย่างรู้ผิด ค่อยกล่าวเล่าความจริงออกมาว่า “เหตุผลที่พวกเราเลือกเข้าร้านน้องสาวของผู้บัญชาการของกองทัพมังกรเงิน เป็นเพราะ…”
“เป็นเพราะว่า…”
ต้วนหลิงเทียนเลือกจะกลาวขัดคำถงเจิ้งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “พวกเจ้าอยากให้คนของกองทัพมังกรเงินรู้ ว่าในกองทัพมังกรดำของพวกเรามีแม่ทัพเช่นข้า จากบทสนทนาระหว่างดื่มกินของพวกเจ้างั้นสิ?”
“ท่านแม่ทัพช่างหัวไวยิ่ง…”
ถงเจิ้งพยักหน้าตอบรับเร็วไว
“ท่านแม่ทัพขอรับ…”
หลังจากยิ้มแย้มแก้เก้อเล็กน้อย ถงเจิ้งที่เหินร่างติดตามต้วนหลิงเทียน ก็เริ่มชักสีหน้าจริงจังก่าวออกเสียงหนัก “วันนี้ท่านทำลายแขนขาของหยางกงผิงไป มันจักมิมีปัญหาอันใดแน่หรือขอรับ?”
“อย่างไรเสีย…ท่านเองก็น่าจะรู้ตัวตนของหยางกงผิงนั่นแล้ว?”
ถงเจิ้งกล่าวด้วยกังวล
“แล้วยังไง?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตาเผยประกายเยียบเย็นวาบหนึ่ง ค่อยเอ่ยออกเสียงเบา “วันนี้ที่ข้าไม่ฆ่ามันทิ้ง ก็นับว่าข้ามีเมตตาให้มันมากแล้ว”
วันนี้หยางกงผิงคนนั้นไม่เพียงแต่กักตัวคนของเขาเอาไว้…
แต่อีกฝ่ายยังคิดจะลงมือจับกุมตัวเขาไปยังกองทัพมังกรเงิน!
สำหรับเหตุผลที่ไฉนหยางกงผิงคิดจับตัวเขากลับไปเขาก็เดาออกได้เป็นธรรมดา ทั้งหมดไม่พ้นหมายตาในวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังทั้งหลายที่เขาเชี่ยวชาญแน่นอน
ถึงคนอื่นจะไม่เชื่อเรื่องที่เขาเป็นแค่ ‘เซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่’ ที่พึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนเมื่อครึ่งเดือนก่อน…
แต่ในฐานะที่มันเป็นคนของกองทัพมังกรเงิน มันต้องเชื่อเต็ม 10 ส่วน ว่าเขาคือเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนครึ่งเดือนก่อนจริงๆ! เช่นนั้น ไหนเลยมันจะไม่รู้ว่าที่เขามีพลังฝีมือร้ายกาจสู้ข้ามระดับได้ทั้งหมดจะเป็นเพราะวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลัง?
และหากเขาถูกหยางกงผิงจับตัวกลับไปกองทัพมังกรเงินได้จริง เขาก็นึกภาพออกได้ไม่ยาก
หวกพวกมันไม่อาจเค้นเอาวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังจากเขาได้ สุดท้ายพวกมันก็ต้องฆ่าเขาให้ตายอย่างทรมาน!
แน่นอนว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้ ต้องหมายถึงพลังฝีมือเขาไม่สูงพอจะจัดการกับคนของกองทัพมังกรเงินเสียก่อน!
ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ เขาไม่คิดว่ากองทัพมังกรเงินจะมีปัญญาทำอะไรเขาได้!
ดังนั้นเรื่องทำลายแขนขาของหยางกงผิงโดยไม่ฆ่ามันทิ้งไปนั้น ต้วนหลิงเทียนมองว่าเขามีเมตตาให้มันมากแล้วจริงๆ
“วันนี้ที่ข้าไม่ฆ่ามันทิ้ง ก็นับว่าข้ามีเมตตาให้มันมากแล้ว”
พอวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังเข้าหูเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาทั้ง 10 ทั้งหมดไม่เว้นถงเจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านอยู่ในใจ เงียบไปพูดอะไรไม่ออกพักใหญ่
อย่างไรก็ตามระหว่างเดินทางกลับ พวกมันก็อาศัยการส่งเสียงผ่านพลังลอบสนทนากันโดยที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ยิน
“พวกเจ้าว่าหรือไม่? ดูจากท่าทีไม่อีนังขังขอบของท่านแม่ทัพเรา…คล้ายท่านมิได้กลัวผู้บัญชาการของกองทัพมังกรเงินจะมาเอาเรื่องเลย…”
“นั่นสิ…เป็นไปได้หรือไม่ ว่าพลังฝีมือของท่านแม่ทัพเรา จะแข็งแกร่งกว่าผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน?”
“อาจเป็นได้!”
“เพียงแต่ว่า…ถึงท่านแม่ทัพจะแข็งแกร่งกว่าผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินแล้วอย่างไร พวกเจ้าอย่าได้ลืมว่าผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินยังสามารถอาศัยท่านเจ้าเมืองให้มาจัดการเรื่องนี้ได้ และหากท่านเจ้าเมืองลงมาจัดการเรื่องนี้จริงๆ เกรงว่าคงหนักหนานัก…”
“หากถึงตอนนั้นจริงๆ…ข้าแค่หวังว่าท่านผู้บัญชากองทัพมังกรดำของพวกเราจะออกหน้าเพื่อท่านแม่ทัพ ถึงตอนนั้นเรื่องราวก็คงไม่มีใดให้กังวลแน่ เพราะหากจะเทียบกับผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินแล้ว…ท่านผู้บัญชาการของกองทัพมังกรดำเรามีค่าในสายตาของท่านเจ้าเมืองมากกว่า”
…
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ล่วงรู้ถึงบทสนทนาที่เหล่าทหารทั้ง 10 อาศัยการคุยผ่านพลัง
ตอนนี้เขากำลังครุ่นคิดเรื่องหนึ่ง…
‘ผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินนั่น ก็บ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชาระดับเหลืองที่เจ้าเมืองเฉวี่ยโยวถ่ายทอดให้…เช่นนั้น ก่อนที่มันจะมาหาความจากข้าถึงที่จนเกกิดเรื่องใหญ่โต ไม่สู้ข้าชิงลงมือไปดักจัดการกับมันก่อนเล่า? หลังจากทุบตีมันให้รู้เรื่อง จากนั้นค่อยบีบคั้นให้มันส่งมอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเหลืองมา…นี่ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องดีงั้นหรือ?’
หลังครุ่นคิดถึงจุดนี้ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายสว่างขึ้นวาบหนึ่ง เพราะยิ่งคิดเขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้สามารถกระทำได้! แถมโอกาสสำเร็จยังมีสูงมาก!!
“พวกเจ้ากลับกันไปก่อน…พอดีข้านึกได้ว่ามีธุระบางอย่างที่ต้องไปทำในเมืองเฉวี่ยโยว”
ต้วนหลิงเทียนนหยุดร่างลงกลางหาว ก่อนจะหันมากล่าวบอกทหารทั้ง 10 ที่หยุดลงตามเขา
หลังจากที่กล่าวบอกพวกมันแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ออกเดินทางทันที ไม่นานร่างเขาก็หายลับสายตาเหล่าทหารทั้ง 10 ใต้บังคับบัญชา…
เขาเป็นคนกล้าคิดกล้าทำ
เมื่อเล็งเห็นว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง เขาก็ไม่รอช้ารีบลงมือทันที!
เป้าหมายตอนนี้…
ค่ายของกองทัพมังกรเงิน!
จนเมื่อร่างต้วนหลิงเทียนหายลับไปจากสายตาแล้ว เหล่าทหารใต้บัญชาทั้ง 10 ของเขารวมถึงไป่ฟูฉางถงเจิ้ง ก็ค่อยรู้สึกตัว แต่พวกมันก็ไม่ได้สงสัยอะไร ด้วยคิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจมีธุระที่ต้องไปจัดการ
หากพวกมันล่วงรู้ ‘จุดประสงค์’ ของต้วนหลิงเทียนล่ะก็ พวกมันคงต้องกลัวจนตายแน่นอน!
แม่ทัพคนใหม่ของพวกมันถึงกับบังเกิดความคิดอุกอาจไม่ต่างอะไรกับ ‘บุกเข้าถ้ำเสือไปชิงลูกเสือ’ เร่งรุดมุ่งหน้าไปทางค่ายกองทัพมังกรเงินด้วยตัวเอง หมายดักตีตบทรัพย์เหมียวไหลหลง!
หลังจากที่ทหารใต้บัญชาทั้ง 10 คนกลุ่มนี้ของต้วนหลิงเทียนกลับถึงค่ายที่พัก สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนทำไว้ในเหลาอาหารไหลเฟิ่งวันนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วค่ายทัพมังกรดำราวใต้ฝุ่น พริบตาทั้งค่ายของกองทัพมังกรดำก็ฮือฮาขึ้นมาราวกับเกิดแผ่นดินไหว!
“ท่านแม่ทัพต้วนหลิงเทียน…ทำลายแขนขาของแม่ทัพหยางกงผิงแห่งกองทัพมังกรเงิน?”
“นอกจากนั้นท่านแม่ทัพต้วนหลิงเทียนของพวกเรา…ยังลงมือทำร้ายมันต่อหน้าต่อตาน้องสาวผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน?!”
“ให้ตายเถอะ! แม่ทัพต้วนจะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ! กระทั่งท่านผู้บัญชาการเองก็คงไม่กล้าแตกหักกับคนของกองทัพมังกรเงินตรงๆแบบนี้มิใช่หรือไร?”
“หลังจากที่ได้รับทราบเรื่องนี้ผู้บัญชาการของกอทัพมังกรเงินนั่น…คงไม่โมโหจนกระอักเลือดตายไปแล้วหรอกนะ?”
…
วาจาทำนองดังกล่าวสามารถได้ยินไปทั่วค่ายกองทัพมังกรดำ
เพราะการลงมือของแม่ทัพกองทัพมังกรดำคนใหม่อย่างต้วนหลิงเทียนช่างทำให้พวกมันรู้สึกตื่นเต้นคึกคัก! เลือดลมสูบฉีดเหลือเกิน! เพราะกองทัพมังกรดำของพวกมันไม่เคยดุร้ายครอบงำกองทัพมังกรเงินขนาดนี้มาก่อนเลย!!
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันก็มีแม่ทัพบางคนอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล
“แม่ทัพต้วนหลิงเทียนก่อการอุกอาจเช่นนี้…ผู้บัญชาการเหมียวไหลหลงไม่มีทางเลิกราง่ายๆแน่!”
“เรื่องนี้ข้าเกรงว่าจะลุกลามปานปลายจนเป็นเรื่องใหญ่!”
“ตอนนี้…ขึ้นอยู่กับว่าแม่ทัพต้วนหลิงเทียนกับใต้เท้าผู้บัญชาการจะรับมือโทสะของผู้บัญชาการเหมียวไหลหลงแห่งกองทัพมังกรเงินที่สมควรถล่มมาปานพายุฝนฟ้าคะนองอย่างไร…”
…
ในเมื่อทหารในค่ายของกองัทพมังกรดำพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างหนาหู ผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำอย่างเฉินเฉวียนป้าเองก็ย่อมได้รับรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นเช่นกัน
“แม่ทัพต้วนหลิงเทียน…ทำร้ายหยางกงผิงจนพิกลพิการ?”
หลังได้รับทราบเรื่องนี้ เฉินเฉวียนป้าอดยิ้มเหยเกออกมาไม่ได้ “หากเหมียวไหลหลงมันรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่…ข้าเกรงว่าคงยากที่จะหาทางจบดีๆ…”
ด้วยความที่เหมียวไหลหลงนั้นเป็นดั่ง ‘คู่ปรับเก่า’ ของเฉินเฉวียนป้า เช่นนั้นเฉินเฉวียนป้าจึงรู้จักลักษณะนิสัยและอารมณ์ของมันดี…
ณ ค่ายของกองทัพมังกรเงิน
ในฐานะ 1 ใน 2 กองทัพประจำเมืองเฉวี่ยโยว จุดที่กองทัพมังกรเงินตั้งค่ายนั้น ก็คือตำแหน่งที่ตั้งสายแร่หินอมตะของเมืองเฉวี่ยโยวเหมือนกันกับกองทัพมังกรดำ เพียงแค่สายแร่หินอมตะแห่งนี้เป็นหน้าที่ๆพวกมันจะต้องปกปักษ์พิทักษ์!
นับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องผิดปกติขึ้นที่สระกำเนิดเซียนอมตะที่กองทัพมังกรเงินเป็นผู้ดูแล ก็ทำให้ค่ายกองทัพมังกรเงินไม่ค่อยสงบเป็นทุน
มาวันนี้พอมีร่างมหึมาหนึ่งเหินพุ่งเข้ามายังสถานที่ตั้งค่ายของกองทัพมังกรเงิน ค่ายของกองทัพมังกรเงินก็ถูกลิขิตให้วุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม!
“นั่นมัน…แม่นางไหลเฟิ่งมิใช่หรือ?!”
“เป็นแม่นางไหลเฟิ่งจริงๆ! หืม!? ในวงแขนแม่นางไหลเฟิ่ง…นั่นมิใช่ท่านแม่ทัพหยางกงผิงหรือไร!?”
“ใช่ข้าดูผิดไปหรือไม่? ไฉนแขนขวากับขาซ้ายของแม่ทัพหยางถึงไม่มีเล่า…เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”
…
หลังเหมียวไหลเฟิ่งอุ้มสามีอย่างหยางกงผิงออกจากเหลาอาหารไหลเฟิ่งในเมืองเฉวี่ยโยว นางก็มุ่งหน้าตรงมายังค่ายกองทัพมังกรเงินทันที และทหารที่ทำหน้าที่ลาดตระเวน ก็ล้วนจดจำนางได้เพราะรูปร่างใหญ่โตอันเป็นเอกลักษณ์…
“นั่น ไฉหมิง!”
ในขณะที่ทหารลาดตระเวนเหล่านี้กำลังสงสัยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกมันก็หันไปเห็นพวกไฉหมิงไป่ฟูฉางทั้ง 3 ที่เหินติดตามเหมียวไหลเฟิ่งกลับค่ายโดยบังเอิญ
ทันใดนั้นพวกมันก็เหินร่างไปหยุดพวกไฉหมิงเอาไว้ทันที
“ไฉหมิง….นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“นั่นสิไฉนสีหน้าแม่นางไหลเฟิ่งถึงไม่ค่อยจะสู้ดีนัก…ที่สำคัญเมื่อครู่หากข้าดูไม่ผิดเหมือนแม่ทัพหยางจะไม่มีแขนขวากับขาซ้าย?”
…
ด้วยถูกไป่ฟูฉางที่นำทีมลาดตระเวนล้อมถาม ทางด้านไฉหมิงกับพวกทั้ง 3 ก็ได้แต่อดทนอธิบายเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นออกไปอย่างรวบรัด จากนั้นก็เร่งเหินร่างติดตามเหมียวไหลหลงไปต่อ
และวาจารวบรัดที่ไฉหมิงพูดออกมา ก็ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึงอึ้งค้าง
“แม่ทัพคนใหม่ของกองทัพมังกรดำ…ทำลายแขนขาของแม่ทัพหยางกงผิงได้อย่าง่ายดายโดยที่ท่านแม่ทัพหยางกงผิงไม่มีหนทางตอบโต้?”
“เช่นนั้น…พลังฝีมือของแม่ทัพคนใหม่ของกองทัพมังกรดำ กระทั่งให้เทียบกับเหอจิ้งคุน แม่ทัพอันดับ 1 ของกองทัพมังกรดำ ก็มีแต่จะแข็งแกร่งกว่าไม่อ่อนแอกว่างั้นสิ?”
“นั่นใช่ประเด็นที่ไหนเล่า! ประเด็นคือมันกล้าลงมือทำร้ายแม่ทัพหยางกงผิงต่างหาก! เจ้าเองก็รู้ว่าแม่ทัพหยางกงผิงเป็นน้องเขยของใต้เท้าผู้บัญชาการ!”
“แม่นางไหลเฟิ่งไปถึงกระโจมใต้เท้าผู้บัญชาการเมื่อไหร่…ข้าว่าใต้เท้าผู้บัญชาการได้พิโรธครั้งใหญ่แน่!”
…
เหล่าทหารของกองทัพมังกรเงินที่ได้รับทราบเรื่องราวได้แต่แหงนมองขึ้นไปบนฟ้าอย่าไม่รู้ตัว ทั้งหมดรู้สึกราวกับแผ่นฟ้าเหนือกองทัพมังกรเงินพวกมันกำลังจะเปลี่ยนสีแล้ว…