WSSTH ตอนที่ 2,631 : นายรองตระกูลเซี่ย ของดินแดนแห่งทวยเทพ!

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่เหินร่างติดตามเจิ้งชิว เพื่อเดินทางไปยังเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวนั้น…

ณ ดินแดนแห่งทวยเทพ ตระกูลอวิ๋น

“นายน้อย…”

ปรากฏร่างข้ารับใช้คนหนึ่งวูบมาดั่งสายลม ก้มหัวคาระวะลงอย่างมากเคารพเบื้องหน้าอวิ๋นชิงเหยียน

หากมองให้ดีจะพบว่า…

สีหน้าของคนผู้ที่กำลังก้มหัวอยู่แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ด้วย คงจดจำอีกฝ่ายได้ในพริบตา ว่าคนที่กำลังก้มหัวแสดงความเคารพต่ออวิ๋นชิงเหยียนอยู่ตอนนี้ก็คือ อวิ๋นเย่ ที่เกือบจะฆ่าเขาตายแล้ว! ตัวตนที่มีพลังอันน่าพรั่นพรึง…เหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์!!

เดิมทีอวิ๋นเย่คนนี้ได้รับคำสั่งจากอวิ๋นชิงเหยียนให้มาฆ่าต้วนหลิงเทียน! แต่ยังดีที่เซี่ยเจี๋ยนายท่านลำดับ 3 แห่งตระกูลเซี่ยได้ปรากฏตัวเข้าขวางมันไว้ได้ทันเวลา มันจึงได้แต่จรลีลี้ออกจากระนาบเหยียนหวงและกลับดินแดนแห่งทวยเทพอย่างหมดท่า

“มีเรื่องอะไร?”

เห็นสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ของอวิ๋นเย่ อวิ๋นชงเหยียนก็ขมวดคิ้วย่นเป็นปมทันที

มันรู้ดีว่าหากไม่เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ อวิ๋นเย่จะไม่ทำหน้าแบบนี้แน่!

“นายน้อยข้าพึ่งได้ยินข่าวจากคนของตระกูลเซี่ย…ดูเหมือนคุณหนูเซี่ยจะเข้าไปยัง ‘แดนสมรภูมิ’ โดยที่ไม่บอกนายท่านเซี่ยขอรับ”

อวิ๋นเย่กล่าวออกเสียงหนัก

“เจ้าว่าอะไรนะ!?”

แทบจะพอดีกับที่เสียงอวิ๋นเย่กล่าวจบคำ หน้าอวิ๋นชิงเหยียนก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง สายตาที่ใช้มองอวิ๋นเย่ตอนนี้เผยประกายเยียบเย็นน่ากลัวนัก “เจ้าแน่ใจแล้วหรือ…ว่าข่าวที่เจ้าได้มาเป็นความจริง?”

“นายน้อยข้าได้ยืนยันข้อเท็จจริงของข่าวจากคนของตระกูลเซี่ยหลายคน…มันเป็นเรื่องจริงไม่ผิดแน่ขอรับ”

อวิ๋นเย่ยิ้มเจื่อนๆพูดต่อว่า “ที่สำคัญตอนนี้ประมุขตระกูลเซี่ยเองก็อยู่ในแดนสมรภูมิเช่นกัน…จึงมิน่าจะทราบเรื่องที่คุณหนูเซี่ยได้เข้าไปในนั้น…จะอย่างไรแดนสมรภูมิก็กว้างใหญ่เกินไปอีกทั้งมีทางเข้ามากมายนัก มิมีทางตามหาและปกป้องคุณหนูเซี่ยได้เลย”

“ให้ตายเถอะ! ด่านพลังฝึกปรือของนางยังไม่ฟื้นคืนไม่ใช่หรือไร อาศัยพลังของนางตอนนี้ ต่อให้พบเจอผู้ที่อ่อนแอที่สุดในแดนสมรภูมินางยัง 9 ตาย 1 รอดด้วยซ้ำ…นางเสียสติไปแล้วหรือ?!”

อวิ๋นชิงเหยียนกล่าวออกด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

“ในฐานะคุณหนูใหญ่ของตระกูลเซี่ย..มองจากระดับพลังที่นางมีตอนนี้ เกรงว่าที่นางเข้าไปไม่พ้นร้อนใจคิดฟื้นฟูพลังในชีวิตที่แล้วให้ได้เร็วไว กระทั่งยังคิดจะก้าวข้ามตัวเองในอดีตอีกด้วย”

อวิ๋นเย่คาดเดา

ได้ยินคำขของอวิ๋นเย่ สีหน้าอวิ๋นชิงเหยียนก็ยิ่งมืดมนนัก

มันย่อมรู้ดีเป็นธรรมชาติ ว่าที่อวิ๋นเย่กล่าวเดาออกมานั้นถูกเผง

เหตุผลเดียวที่เซี่ยหนิงเสวี่ยเข้าสู่แดนสมรภูมิอย่างไม่คำนึงถึงอันตราย เกรงว่า 9 ใน 10 ล้วนเป็นเพราะอยากยกระดับพลังความเข้มแข็งให้รวดเร็วที่สุด เพื่อให้ในอีกพันปีหลังจากนี้ นางจะมีพลังมากพอทำลาย ‘สัญญาวิวาห์’ กับมัน!

“อยากล้มเลิกงานแต่งกับข้าเพื่อสวะนั่น…ถึงขั้นต่อให้รู้ว่าหนทางเบื้องหน้ามัน 9 ตาย 1 รอด แต่เจ้ายังกล้าเข้าสู่แดนสมรภูมิ…เสวี่ยเอ๋อเจ้ารังเกียจข้าอวิ๋นชิงเหยียนถึงเพียงนี้เชียวหรือ!?”

อวิ๋นชิงเหยียนกัดฟันกล่าวออกอย่างอัดอั้น แทบไม่ต่างอะไรกับคำราม

“หลังพันปีผ่านพ้น รอให้ช่องทางระห่างดินแดนแห่งทวยเทพกับระนาบเทวโลเปิดออกอีกครั้งก่อน! ถึงตอนนั้นข้าจะลงไปยังระนาบเทวโลก เพื่อตามล่าสวะต้วนหลิงเทียนนั่นด้วยตัวเอง! ข้าจะสับร่างมันให้แหลกเป็นพันๆชิ้น เผาร่างมันให้เป็นเถ้าธุลี!!”

หลังคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด สองตาอวิ๋นชิงเหยียนก็ทอประกายแหลมคมปานมีดดาบ

ทั้งประกายแหลมคมดังกล่าว ยังให้ความรู้สึกเดือดดาลประหนึ่งเพลิงไฟที่พร้อมจะเผาไหม้สรรพสิ่งให้วอดวาย!

ในเวลาเดียวกัน

ตระกูลเซี่ย

“น้องสาม…เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไร! ถึงได้ส่งหนิงเสวี่ยไปแดนสมรภูมิ?”

ชายวัยกลางคนที่ร่างกายสูงแลดูกำยำประหนึ่งหอคอยเหล็ก ผู้ที่เร่งรีบเดินทางมาหาเซี่ยเจี๋ย นายท่านลำดับที่ 3 ของตระกูลเซี่ยจนหนวดเคราต้องลมฟูฟ่องมองไปคล้ายสิงโต กำลังเบิกตากว้างปานลูกวัวแรกเกิดมองถามชายมอซอเบื้องหน้าเสียงหนักอย่างเกรี้ยวกราด

“พี่รอง นี่ท่านกำลังพูดเรื่องอันใดกัน ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง?”

เผชิญหน้ากับคำถามที่คล้ายจะเป็นคำตำหนิของชายวัยกลางคนร่างใหญ่ เซี่ยเจี๋ยเพียงเหลือบมองอีกฝ่ายผ่านๆ ก่อนที่จะง่วนอยู่กับการรดน้ำต้นไม้ในสวนต่อ…

“ฮึ่ม! หากไม่ใช่เพราะเจ้า…ในตระกูลเซี่ยเรายังจะมีใครกล้าพานางไปส่งแดนสมรภูมิ!? เจ้ามิรู้หรือไรว่าอาศัยพลังของนางตอนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะเอาตัวรอดในแดนสมรภูมิได้โดยลำพัง!!”

ชายวัยกลางคนที่กำลังกล่าวด้วยอาการเดือดดาลผู้นี้ ก็คือนายท่านลำดับที่ 2 แห่งตระกูลเซี่ย ‘เซี่ยเถี่ย’ มันมองเซี่ยเจี๋ยด้วยสีหน้ามืดดำกล่าวจี้ถามออกมาอีกรอบ

“พี่รองเรื่องบางเรื่องหากมิมีหลักฐาน ท่านอย่าได้กล่าวโทษผู้อื่นซี้ซั้วเสียประเสริฐกว่า…วันนี้ต่อให้เป็นพี่ใหญ่มาที่นี่ ข้าก็ยังขอตอบคำเดิม ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดเรื่องอะไร…”

เซี่ยเจี๋ยกล่าวปฏิเสธหน้าตาย ทำราวกับทุกสิ่งที่พี่รองกล่าวหามันนั้น เหลวไหลที่สุด!

“เซี่ยเจี๋ย!!”

เซี่ยเถี่ยถลึงตากลมใหญ่มองจ้องเซี่ยเจี๋ยเขม็ง ตะคอกเสียงเย็นชาว่า “ข้ารู้ดีว่าเพราะเรื่องราวในปีนั้น เจ้าเลยจงเกลียดจงชังทั้งคับแค้นข้ากับพี่ใหญ่นัก…แต่ตอนนี้ข้ากำลังถามเจ้าถึงเรื่องหนิงเสวี่ย เจ้าอย่าได้โยงไปยังเรื่องเมื่อปีนั้นด้วยอารมณ์ได้หรือไม่?!”

“นอกจากนี้ข้าลองถามตัวเองดู ก็ตอบเจ้าได้ไม่ละอาย ว่าที่ข้ากับพี่ใหญ่กระทำไปล้วนทำเพื่อเจ้าทั้งสิ้น..”

“หากสตรีนางนั้นไม่ตาย…ป่านนี้เจ้าคงตายไปแล้ว!!”

“ที่ข้ากับพี่ใหญ่กระทำ ทั้งหมดล้วนเพื่อปกป้องเจ้า!!”

เสียงกล่าวของเซี่ยเถี่ยยิ่งมายิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ

“ล้วนทำเพื่อข้า? ปกป้องข้า?”

ได้ฟังวาจาดังกล่าว อยู่ๆเซี่ยเจี๋ยก็เงยหน้าขึ้นมาทันที แววตาใต้เส้นผมหยิกมอซอฉายแววคมกล้า กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเสียดสีว่า “ข้าว่า…พวกท่านทำเพื่อตระกูลเซี่ยมากกว่ากระมัง? ข้าขอบอกต่อท่าน ในตอนนั้นเพื่อนางแล้ว ข้ายินดีตัดขาดตระกูลเซี่ย! เพื่อให้ทุกสิ่งที่ข้ากระทำจักได้มิข้องเกี่ยวกับตระกูลเซี่ยอีกต่อไป! ไม่ชักนำเภทภัยมาสู่ตระกูล!!”

“แต่พวกท่านเล่า พวกท่านทำอะไร!? พวกท่านจงใจวางหลุมพรางกันข้าออกไป สุดท้ายก็เห็นดีกับพวกมันฆ่านางทิ้ง!!”

“พี่รองท่านสมควรรู้ดีว่าตอนนี้ข้ายังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร…หากใจข้าไม่คิดจะแก้แค้นให้นางให้จงได้ ตัวข้าไหนเลยจะทนอยู่มาถึงวันนี้!!”

ยิ่งกล่าวสีหน้าของเซี่ยเจี๋ยก็ยิ่งดุร้ายบิดเบี้ยว เปี่ยมล้นไปด้วยความอาฆาตแค้นนัก!

“เอาล่ะ เรื่องนั้นข้ามิขอกล่าวแล้ว…ที่ข้ามาหาเจ้าครั้งนี้ แค่จักบอกว่าเจ้ามันวู่วามเกินไปแล้ว! หรือเจ้ามิรู้ว่าแดนสมรภูมิเป็นอย่างไร? อาศัยพลังฝีมือของหนิงเสวี่ยยามนี้ สิ่งที่เจ้าทำยังต่างอะไรจากผลักไสนางให้ไปตาย! และหากนางตายในนั้นย่อมคือการดับสูญชั่วนิรันดร์!!”

เซี่ยเถี่ยกล่าวออกเสียงเข้ม “หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง…เจ้าคือฆาตกรที่ฆ่านางทางอ้อม!!”

“มิใช่ปกติเจ้ารักและเอ็นดูนางนักหนาหรือไร ไฉนครานี้เจ้าถึงได้เลอะเลือนจนส่งนางไปที่นั่นได้!?”

กล่าวถึงประโยคท้าย โทสะที่หายไปก่อนหน้าของเซี่ยเถี่ยก็หวนกลับมาอีกครั้ง

“ข้าเลอะเลือน?”

เซี่ยเจี๋ยหัวเราะเยาะ “พี่รอง ท่านรู้ ข้ารู้ กระทั่งทุกคนยังรู้…ว่าผู้ที่เลอะเลือนที่สุดก็คือพี่ใหญ่! ในชีวิตนี้เสวี่ยเอ๋อได้พบคู่ชีวิตของนางกระทั่งนางยังให้กำเนิดลูกสาวแล้วทั้งคน แต่พี่ใหญ่ไฉนบีบคั้นให้นางแต่งกับผู้แซ่อวิ๋นนั่นมิเลิก!?”

“พี่รองข้าขอไถ่ถามท่านสักคำ…ประโยชน์ของตระกูล มันสำคัญกว่าความสุขชั่วชีวิตของลูกสาวในไส้จริงๆ?”

เซี่ยเจี๋ยมองจ้องเซี่ยเถี่ยตาเขม็ง กล่าวถามออกด้วยน้ำเสียงชืดชา

“ใช่! เป็นข้าเองที่พาเสวี่ยเอ๋อไปส่งที่แดนสมรภูมิ…ความสุขชั่วชีวิตข้าถูกตระกูลเซี่ยทำลายพินาศสิ้น! ข้าไม่ต้องการให้หลานสาวของข้าต้องถูกตระกูลเซี่ยทำลายความสุขชั่วชีวิตพินาศสิ้นซ้ำรอยข้า!!”

พอเซี่ยเจี๋ยกล่าวออกอีกครั้ง ก็ยอมรับออกมาแล้วว่าตัวเองเป็นคนไปส่งเซี่ยหนิงเสวี่ยเข้าสู่แดนสมรภูมิ…

“นอกจากนี้ข้ายังสัญญากับเสวี่ยเอ๋อแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับนางในแดนสมรภูมิ…หลังจากนี้อีกพันปีข้าจะพาลูกสาวของนางครอบครัวและสหายของสามีนางทั้งหมดกลับไปยังระนาบโลกียะที่จากมาอย่างปลอดภัย!”

เซี่ยเจี๋ยยังคงกล่าวสืบต่อ น้ำเสียงแน่วแน่เด็ดขาดนัก

หลังกล่าวจบ ร่างเซี่ยเจี๋ยก็วูบหายไปทันที

“ถึงตอนนั้นหากพี่รองท่านกับพี่ใหญ่ยังคิดขวางมิให้ข้าทำตามความต้องการสุดท้ายของเสวี่ยเอ๋อ ก็ถึงคราที่พวกเราพี่น้องจักขาดกัน! พวกท่านสามารถกักขังทุกคนเอาไว้ได้…แต่พวกท่านต้องฆ่าและข้ามศพข้า เซี่ยเจี๋ย ไปก่อน!”

แม้ร่างเซี่ยเจี๋ยจะหายไปแล้ว แต่ยังทิ้งคำพูดไว้ให้เซี่ยเถี่ย

ได้ยินวาจาทิ้งท้ายดังกล่าวเซี่ยเถี่ยก็มีโมโหจนตัวสั่น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของมันบิดเบี้ยวเล็กน้อย หายใจฟืดฟาดอยู่นานค่อยสงบลง

ขณะเดียวกันสองตากลมใหญ่ของมันก็เริ่มฉายแววจนปัญญา…

“หากพี่ใหญ่ล่วงรู้เรื่องนี้…คงไม่โมโหจนบ้านแตกหรอกนะ?”

เซี่ยเถี่ยได้แต่เผยยิ้มอับจน พลางส่ายหัวไปมา

ด้านต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในตระกูลเซี่ยของดินแดนแห่งทวยเทพ

ตอนนี้เขากำลังเหินร่างติดตามเจิ้งชิวไปพร้อมกับฉินอวี่ เพื่อเดินทางไปยังเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว

‘ให้ตายเถอะ…ยาสักเม็ดก็ไม่มี’

หลังจากที่เข่นฆ่าโจรขอบเขตจินเซียนไป 20 กว่าคนแล้ว ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าต้องตรวจสอบสินสงครามว่าได้อะไรดีๆมาบ้าง

อนิจจาโอสถทิพย์ระดับต่ำสักเม็ดก็ไม่มี…

‘ดูเหมือนว่าโอสถทิพย์ระดับต่ำอย่างโอสถเสริมวิญญาณที่เจ้าเมืองให้ข้ามา…จะมีค่าไม่น้อย’

จากเรื่องนี้ทำให้เขาทราบทันที ว่าโอสถทิพย์อย่างโอสถเสริมวิญญาณที่หลิ่วเฟิงกู่ให้เขามา 1 ขวด 10 เม็ดนั่นมีค่าขนาดไหน

‘ช่างเถอะ…ถึงพวกมันจะไม่มีโอสถอะไรเก็บไว้ในแหวน แต่หินอมตะก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว กระทั่งหินอมตะระดับสูงพวกมันก็ยังมีรวมกันนับร้อยๆก้อน ส่วนหินอมตะระดับกลางกับระดับต่ำก็มีให้ข้าใช้ได้ไปอีกนาน’

‘ยังมียอดสมบัติสวรรค์ด้วย…’

ในแหวนพื้นที่ 20 กว่าวงนั้น ต้วนหลิงเทียนพบเจอศาสตราเซียนอมตะระดับต่ำอย่างน้อย 1-2 ในแหวนแทบทุกวง

อนิจจาโจรร้ายขอบเขตจินเซียนที่เป็นเจ้าของแหวนเหล่านี้ พวกมันไม่มีแม้แต่โอกาสจะเรียกศาสตราคู่กายของตัวเองในแหวนออกมาใช้ ก็ถูกต้วนหลิงเทียนสังหารสิ้นในชั่วพริบตา…

“ต้วนหลิงเทียน…เจ้าใช่เป็นอย่างที่พวกกองทัพมังกรเงินนั่นพูดไว้หรือไม่ ที่ว่าเจ้าเป็นผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัเทียนเราเมื่อครึ่งปีก่อน?”

ทันใดนั้นเอง เสียงผ่านพลังหนึ่งดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน

ผู้ที่ส่งเสียผ่านพลังถึงเขาไม่ใช่ใครอื่น เป็นฉินอวี่!

ได้ยินเสียงผ่านพลังดังกล่าวของฉินอวี่ ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปเล็กน้อย ค่อยหันไปมองส่งเสียงผ่านพลังตอบฉินอวี่ว่า “แล้วเจ้าเชื่อรึเปล่าล่ะ?”

“ข้าเองก็บอกไม่ถูกว่าเชื่อหรือไม่…แต่ข้าเชื่อคำพูดของเจ้า!”

ฉินอวี่ส่งเสียงตอบ

วาจามันชัดเจนนัก

ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนตอบเรื่องนี้จากปากว่าเป็นผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนเมื่อครึ่งปีก่อน มันจะเชื่อ!

หากต้วนหลิงเทียนปฏิเสธ มันก็เชื่อ!

“เรื่องนี้…สำคัญด้วยหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองจ้องฉินอวี่ด้วยสายตาลึกล้ำ ค่อยส่งเสียงผ่านพลังไปอีกรอบ

ไม่ใช่ว่าเขาจงใจจะปกปิดอะไร

หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้ต้องปิดบังอะไร แต่อย่างไรก็ตามหลังได้รู้จักกับหลิ่วเฟิงกู่เจ้าเมืองเฉวี่ยโยว เขาก็รู้ดี…

หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป สมควรมีแต่ร้ายมากกว่าดี

ในเมืองเฉวี่ยโยวแทบไม่มีผู้ใดสามารถคุกคามเขาได้

แต่หากไปถึงเมืองประจำมทณฑลจิ่วโยวเล่า…ไปถึงจวนผู้ว่าเล่า?

เรื่องราวมันจะต่างออกไปแล้ว…