ตอนที่ 341-2 แท้ง
โจวมามารีบยิ้มแห้ง “อากาศร้อนเหลือเกิน บ่าวคงสวมเสื้อผ้ามาหลายชั้นมากเกินไป”
เฉียวเวยยิ้มน้อยๆ “โจวมามาก็อายุมากแล้ว ยังต้องมาเหนื่อยใจเหนื่อยกายเช่นนี้ ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”
โจวมามายิ้มขัดเขินตอบว่า “ได้ทำงานให้เจ้านายทั้งหลายถือเป็นวาสนาของบ่าว”
สวินหลันจิบชาอย่างเงียบๆ
ในใจเฉียวเวยจิ๊ปากสองสามหน เวลาเช่นนี้แล้วยังจะนิ่งได้เช่นนี้อีก ไม่เสียทีเป็นแม่เลี้ยงสาว หากกล่าวถึงสมิตั้งมั่น นางเอาชนะทุกคนได้อย่างราบคาบ
ปี้เอ๋อร์เดินมาพร้อมกับจางมามา จางมามาอุ้มโถใบหนึ่งไว้ในอ้อมแขน นางก้มหน้า สายตาไม่มองวอกแวกก้มตัวคำนับคนที่นั่งอยู่ “นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินน้อย แม่นางหลี่”
นางยังไม่รู้ว่าแม่นางหลี่ก็คือ ‘เจาหมิง’
จีซั่งชิงเองก็ไม่เปิดเผย
เฉียวเวยมองโถของนางแล้วถามว่า “มือเจ้าถือสิ่งใดมา”
จางมามาตอบอย่างนอบน้อม “เรียนฮูหยินน้อย น้ำถั่วเขียวต้มของเรือนถงที่ต้มเมื่อตอนกลางวันเจ้าค่ะ ยามนั้นต้มไว้มากพอสมควร จึงยังกินกันไม่หมด ใช้น้ำแข็งแช่เอาไว้”
เฉียวเวยส่งสายตาให้ปี้เอ๋อร์ ปี้เอ๋อร์ยกโถมาแล้วหาถ้วยชาใบหนึ่งเทออกมา
เฉียวเวยดมกลิ่น จากนั้นก็ลองชิม เสร็จแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ถูกคนวางยาเสียแล้ว”
จางมามาได้ยินก็คุกเข่าดัง ตุ้บ! “บ่าวถูกใส่ร้ายเจ้าค่ะ! บ่าวไม่ได้วางยานายท่านนะเจ้าคะ!”
นางไม่ได้ทำจริงๆ ก่อนมาอยู่ตระกูลจี นางเคยรับใช้ตระกูลอื่นมาก่อน นางทราบว่าภายในจวนมีเรื่องราวสกปรกมากมาย นางคิดว่าตระกูลจีเองก็คงเป็นดุจเดียวกัน ทว่าเมื่อทำงานมาได้สิบกว่าปีนางก็พบว่าตระกูลจีไม่มีเรื่องโสมมที่สู้หน้าผู้อื่นไม่ได้เหล่านั้นสักนิด ในอดีตอย่างมากที่สุดนางก็แอบกินค่าจ้าง ลักของเรือนเป็นของตนบ้าง แต่การทำร้ายคน นางไม่มีทางทำ
เฉียวเวยมองนางแล้วพูดว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ใช่คนวางยา ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงบอกข้าว่านอกจากเจ้าแล้วยังมีผู้ใดแตะโถใบนี้อีก”
จางมามาครุ่นคิดอย่างละเอียด “ข้าเป็นคนต้มถั่วเอง หลังจากต้มเสร็จแล้วก็ตักหนึ่งถ้วยยกมาเรือนถงด้วยตัวเอง เพราะข้าอยากให้แม่นางหลี่เห็นหน้ากันให้คุ้นหน้าคุ้นตาสักหน่อย…”
เฉียวเวยถามเรียบๆ “ถั่วเขียวนี่ แม่นางหลี่เป็นคนขอหรือ”
“เจ้าค่ะ” จางมามาตอบ
เฉียวเวยไม่แปลกใจกับคำตอบนี้สักนิด จีซั่งชิงไม่ดื่มของหวานเลี่ยนเช่นนี้หรอก มีแต่เฟิ่งชิงเกอตัวตะกละคนนี้ที่คุมปากตนเองไม่ได้ “นอกจากเจ้า ในห้องครัวยังมีผู้ใดอีก”
“ไม่มีใครแล้ว ตอนนั้นทุกคนยังนอนกลางวันกันอยู่…” จางมามาเล่าพลาง สายตาก็กวาดไปเห็นโจวมามาที่พยายามทำตัวไร้ตัวตน “โจวมามาแวะไปที่ห้องครัวเจ้าค่ะ!”
โจวมามาใจสั่น ตอบอย่างจริงจัง “เจ้าอย่ามาใส่ร้ายผู้อื่น ข้าไปดูว่าน้ำบ๊วยที่ฮูหยินของข้าต้องการต้มเสร็จหรือยังเท่านั้น!”
เฉียวเวยยิ้ม เอ่ยขึ้นมาว่า “มีเพียงพวกเจ้าสองคนที่มีโอกาสแตะต้องโถใบนี้ คนร้ายจะต้องเป็นหนึ่งในพวกเจ้าอย่างแน่นอน น้ำถั่วเขียวต้มโถนี้ แม่นางหลี่เป็นคนขอ พวกเจ้าคนใดทนเห็นแม่นางหลี่อยู่เป็นสุขไม่ได้ที่สุด คนร้ายย่อมเป็นคนผู้นั้น เพียงแต่คนร้ายคิดไม่ถึงว่า แม่นางหลี่จะไม่ได้ดื่มน้ำถั่วเขียวถ้วยนั้น แต่กลับเป็นท่านพ่อที่ดื่มมันลงไป”
จางมามาเหยียดหลังตรง
โจวมามายังปากแข็ง “ไม่ใช่ข้านะเจ้าคะ! ข้าไม่ได้ใส่ยาให้แม่นางหลี่!”
สายตาของเฉียวเวยจับจ้องใบหน้าของนาง “ไม่ใช่เจ้าจริงหรือ โจวมามา”
โจวมามาเสร้งทำเป็นเยือกเย็น “ไม่ใช่ข้าแน่นอนเจ้าค่ะ เหตุใดข้าต้องใส่ยาให้แม่นางหลี่ด้วย”
เฉียวเวยมองโจวมามาตาไม่กะพริบ “จูเอ๋อร์”
จูเอ๋อร์ตัวน้อยกระโดดลงมาจากม้านั่ง เดินอาดๆ มาถึงข้างกายโจวมามาแล้วยื่มอุ้งมือน้อยสีดำออกมา กระโดดคว้าทีเดียวก็หยิบห่อกระดาษน้อยห่อหนึ่งออกมาจากอกเสื้อของนาง
โจวมามาหน้าถอดสีในพริบตา
เฉียวเวยเปิดห่อดม กลิ่นเดียวกัน หากจะบอกว่าไม่ใช่ยาชนิดเดียวกัน เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดเชื่อ เฉียวเวยตบห่อกระดาษลงบนโต๊ะ “โจวมามา หลักฐานอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้ายังมีคำใดจะพูดอีกหรือไม่!”
โจวมามา “ข้า…”
เฉียวเวยเอ่ยขึ้นเรียบๆ “ข้าอะไร หนนี้เจ้าจะบอกว่าสัตว์เลี้ยงของข้ายัดของใส่ไว้บนตัวเจ้าอีกหรือไม่ ข้าเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ไม่รู้สักนิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คงไม่มีปัญญาวางกับดักเจ้าล่วงหน้ากระมัง!”
โจวมามาสะดึกจนหน้าแดงก่ำ
เฉียวเวยมองนางอย่างเย็นชา “เป็นอะไร พูดไม่ออกแล้วหรือ เจ้าริษยาที่ท่านแม่ของข้ากลับมาแล้วยึดครองความรักของนายท่านเอาไว้ ทำให้เจ้านายของเจ้าถูกหมางเมิน ดังนั้นเจ้าจึงคิดหาวิธียุแยงความสัมพันธ์ของพวกเขาสองสามีภรรยาใช่หรือไม่ เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะใช้วิธีการเช่นนี้ทำลายความบริสุทธิ์ของท่านแม่ข้า!”
โจวมามากัดฟัน “ความบริสุทธิ์หรือ นางเป็นตัวปลอมชัดๆ! นางยังจะมีความบริสุทธิ์อะไรอีก”
เฉียวเวยเลิกคิ้วน้อยๆ เอ่ยเสียงเบา “ผู้ใดบอกเจ้าว่าท่านแม่ของข้าเป็นตัวปลอม เจ้าคลางแคลงนายท่านคิดว่าเขาจำภรรยาที่ผูกเส้นผมแต่งงานกันไม่ได้หรือ”
โจวมามาถูกย้อนจนพูดไม่ออกสักคำ
จีซั่งชิงโกรธไม่เบา “เจ้า…เจ้าเหตุใดจึงทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้”
โจวมามาพูดจากใจจริง “นายท่าน ข้าทำเพื่อท่านนะเจ้าคะ สตรีนางนี้เป็นตัวปลอม…องค์หญิงตายไปแล้ว!”
จีซั่งชิงโต้อย่างโกรธเกรี้ยว “เจาหมิงยังไม่ตาย! เจาหมังยังมีชีวิตอยู่! เจ้า…เจ้าทำผิดแล้วก็ผิดอีก ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันนี้ข้า…วันนี้ข้าผ่อนปรนให้เจ้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!”
“ซั่งชิง” สวินหลันประคองท้องลุกขึ้นมา ดวงตามีน้ำตาคลออยู่ข้างใน “โจวมามาเลอะเลือนไปชั่วขณะ ท่านเห็นแก่ที่นางดูแลข้ามานานถึงเพียงนี้ ลงโทษสถานเบาเถิดนะ”
จีซั่งชิงน้อยครั้งจะโมโห ทว่าวันนี้ เขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ “เจ้าไม่ต้องขอร้องแทนนาง! คนเช่นนี้ ช้าเร็วย่อมทำร้ายเจ้า!”
สวินหลันเอ่ยว่า “นางไม่ทำหรอก ตอนข้าถูกเนรเทศไปเฝ้าสุสาน มีเพียงนางที่ลำบากลำบนติดตามข้าไป ข้าให้คนอื่นมารับใช้ก็ไม่ชิน ท่านเห็นแก่ข้ากับลูก…อภัยให้นางสักครั้งเถิด”
จีซั่งชิง “สวินหลันเจ้า…”
สวินหลันเอ่ยเสียงเบา “ถือเสียว่าข้าขอร้องท่าน”
ชั่วชีวิตนี้สวินหลันไม่เคยเอ่ยปากขอร้องเรื่องใดกับจีซั่งชิง ต่อให้เป็นตอนนั้นที่ถูกสืบพบว่านางทำร้ายคู่หมั้นไปสามคน นางก็ไม่เคยก้มหัวขอร้องเช่นนี้
จีซั่งชิงกำหมัด
เฟิ่งชิงเกอเบะปาก โยนขนมทิ้งแล้วลุกขึ้นยืน “พวกเจ้าเอะอะโวยวายอะไรกัน หนวกหูยิ่งนัก ข้าไม่อยู่แล้ว กลับไปชมจันทร์ดีกว่า!”
นางพูดพลางก็ก้าวเท้าเดินออกจากศาลา ตอนที่เดินผ่านจีซั่งชิงก็คล้องแขนจีซั่งชิงไว้ “อย่าไปคุยกับนางปีศาจดอกหญ้าเลย นางจะสูบพลังชีวิตของท่าน!”
จีซั่งชิงมองสวินหลันด้วยสีหน้าซับซ้อน
เฟิ่งชิงเกอคว้าแขนเขาเดินออกไปด้านนอก
สวินหลันเดินตามมาจับแขนของเขาเอาไว้ “ซั่งชิง”
เฟิ่งชิงเกอแค่นเสียงหยัน “ช่างเถิด ท่านไปเล่นกับเจ้าดอกหญ้าก็แล้วกัน ข้าจะไปเอง!”
กล่าวจบ นางก็ปล่อยจีซั่งชิงแล้วเดินลงบันไดไปคนเดียวจริงๆ
โจวมามาเห็นท่าทางไม่เห็นหัวคนทั้งโลกของนาง เลือดลมก็แล่นขึ้นศีรษะ
พวกนางทนความลำบากมากมายอยู่ที่สุสาน ลำบากนักว่าจะกลับมาตระกูลจีได้ ลำบากนักกว่าจะได้ความรักของนายท่านกลับมา ขอเพียงนายท่านเห็นใจต่อไปเรื่อยๆ วันหน้าต่อให้เด็กคลอดออกมาแล้ว นายท่านก็คงไม่มีทางตัดใจส่งพวกนางกลับไปลำบากที่สุสานได้อีก
แต่ตอนนี้ เพราะการปราฏตัวของสตรีนางนี้ แผนการทั้งหมดจึงเละเทะไม่เป็นท่า
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวอย่างนายท่านก็คงไม่เหลือ
นางไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น!
ในใจครุ่นคิดจบ สติปัญญาของโจวมามาก็ค่อยๆ ถูกความโหดร้ายเข้าครอบงำ ชั่วพริบตาที่เฟิ่งชิงเกอกำลังจะก้าวลงบันได นางก็แสร้งเท้าพลิกถลาไปทางเฟิ่งชิงเกออย่างแรง!
บันไดสิบกว่าขั้นนี่ กลิ้งตกลงไปไม่ตายก็พิการ
แต่เฟิ่งชิงเกอเป็นผู้ใด นางจะถูกหญิงรับใช้ที่ไม่เป็นวรยุทธ์คนหนึ่งลอบเล่นงานได้อย่างไรเล่า
ตั้งแต่ตอนที่นางแสร้งเท้าพลิก เฟิ่งชิงเกอก็รู้เป้าหมายของนางแล้ว เฟิ่งชิงเกอเองก็มีความคิดชั่วร้ายเช่นเดียวกัน นางไม่หลบทันที แต่รอพริบตาที่ร่างกายของโจวมามาใกล้จะชนถูกนาง ใช้วิชาตัวเบาชะลอร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ ร่างกายของโจวมามาชะงักวูบหนึ่ง ชั่วพริบตาที่ชะงักนี่เอง เฟิ่งชิงเกอก็หมุนตัวถลาไปทางจีซั่งชิงที่กำลังเดินมาด้านนี้ จีซั่งชิงถูกถลาเข้าใส่ก็ถอยไปหลายก้าว เปิดทางให้เห็นสวินหลันที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของเขา
ชั่วพริบตาที่โจวมามามองเห็นสวินหลัน ดวงตาก็เบิกโตทันที นางคิดจะหยุด แต่น่าเสียดายไม่ทันกาลแล้ว
นางชนสวินหลันเข้าอย่างจัง สวินหลันถูกชนดัง ปั้ก! นางล้มลงบนบันไดแล้วกลิ้งหลุนๆ ลงไปเบื้องล่าง…