ตอนที่ 2,636 : กำราบโจวเฟย!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
คลื่นดาบคมกล้าจำนวนมหาศาลพุ่งทะยานออกจากร่างโจวเฟย ฟาดฟันไปทางต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย!
คลื่นดาบมากมายเช่นนี้ยามปะทุออกมาย่อมหลีกเลี่ยงปะทะกับขอบผนังในหลุมมังกรซ่อนไม่ได้ จึงพากันทิ้งรอยดาบปาดเข้าไปในผนังให้เห็นเด่นชัด
อิฐที่ใช้ก่อสร้างหลุมมังกรซ่อนแน่นอนว่าย่อมมีความแข็งแรงทนทนมาก
หาไม่แล้วคลื่นดาบที่โจวเฟยควบรวมสร้างขึ้นจากวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังคงไม่ทำแค่ทิ้งรอยบางๆเอาไว้แบบนี้แน่!
และนับว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะทิ้งรอยดาบไว้ได้อย่างโจวเฟย!
ต้องทราบด้วยว่าวัสดุที่ใช้สร้างหลุมมังกรซ่อนนั้น หากเป็นจินเซียนตะวันแดงล่ะก็ จะไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนได้เลย!
ทว่าตอนนี้แค่ถูกคลื่นดาบของโจวเฟย กลับเหลือรอยปาดทิ้งไว้!
เผยให้เห็นว่าการโจมตีของโจวเฟยรุนแรงเพียงใด
และจนถึงตอนนี้ด้านโจวเฟยก็ยังไม่ได้ใช้ศาสตราเซียนอมตะ!
“เป็นคลื่นดาบที่ทรงพลังนัก!”
“สมแล้วที่เป็นจินเซียนตะวันเหลือง!”
…
พอเห็นโจวเฟยปะทุพลังน่าพรั่นพรึงพุ่งเข้าหาต้วนหลิงเทียนพร้อมคลื่นดาบมากมายถล่มฟันลงมา เหลาผู้คนในหลุมมังกรซ่อนต่างจับจ้องมองดูจนลืมหายใจ!
และตอนนี้ในสายตาของพวกมัน แสงพลังจากคลื่นดาบของโจวเฟยที่กำลังโถมถล่มไปทางต้วนหลิงเทียนช่างเจิดจ้าราวกับตะวันดวงที่สองก็ไม่ปาน เจียนกลืนกินต้วนหลิงเทียนให้จมหายไปอยู่รอมร่อ…
ในขณะที่ทุกคนยกเว้นฉินอวี่ คิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรสิ้นท่าแล้วแน่แท้
“เจ้าทำได้แค่นี้หรือ?”
เสียงวาจาสงบเฉยเมยแฝงความเบื่อหน่ายประการหนึ่งพลันดังเข้าหูทุกผู้คนในหลุมมังกรซ่อน
ถึงแม้เสียยงที่พูดจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ถ้อยคำกลับสะท้านในหูพวกมันประหนึ่งฟ้าผ่า!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
และไม่ทันที่โจวเฟยกับคนในหลุมมังกรซ่อนจะทันได้ตอบสนองใด เสียงแหวกฝ่าอากาศฉับไวเหมือนก่อนหน้าพลันดังขึ้นระงมก้องไปทั้งหลุมมังกรซ่อนกลบเสียงคลื่นดาบของโจวเฟยไปหมดสิ้น!
‘ต้วนหลิงเทียนลงมือแล้ว!’
พอเห็นว่าทั่วร่างต้วนหลิงเทียนอุบัติแสงสว่างเจิดจ้าหอบกลิ่นอายเยียบเย็นไร้คู่เปรียบ ฉินอวี่ก็รู้ได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนลงมือแล้ว!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
ฉินอวี่คิดไม่ทันจบดี แสงกระบี่ที่ว่าก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปในพริบตา บังเกิดเป็นแสงสว่างพร่างพราวจนทำให้ผู้คนในหลุมมังกรซ่อนอดหยีตาลงไม่ได้
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ขณะเดียวกันกับที่หดหยีตาหลบแสง หูพวกมันพลันเจ็บจี๊ด เพราะมีเสียงดังปานฟ้าถล่มอุบัติขึ้น!
และพอพวกมันลืมตามองดูเรื่องราวให้ชัด พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะชมมองเรื่องราวเบื้องหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ
พวกมันแค่หดหยีลูกตาหลบแสงไปครู่เดียว ไม่ทราบคลื่นดาบทั้งหมดของโจวเฟยถูกทำลายลงไปได้อย่างไร!
คลื่นดาบแลดูทรงพลังก่อนหน้าถูกทำลายไปหมดสิ้น ไม่เหลือสักคลื่น!
คงเหลือเพียงประกายแสงจากรังสีกระบี่มากมายที่พุ่งเข้าหาโจวเฟยจากทั่วทุกสารทิศปานผีเน่าโร่หาโลงผุ
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ในขณะที่รังสีกระบี่พุ่งจี้ไปฉับไว เสียงอากาศแตกระเบิดก็ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน คลื่นลมรุนแรงปานใต้ฝุ่นซัดถล่มไปทั่วหลุมมังกรซ่อน คลื่นกระแทกจากการปะทะกันของพลังก็กวาดทำลายออกไป 4 ทิศ 8 ทาง!
ชายหนุ่มบางคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยได้แต่เร่งพลังคลุมกายสุดชีวิต หากแต่สายลมแรงอันมาพร้อมคลื่นพลังสะท้อนที่เคี่ยวกรำปะทะเข้ามาไม่หยุด ก็ทำให้เลือดลมปั่นป่วนกระอักโลหิตไปหลายคำ!
“ท่านพ่อบุญธรรมของข้าคือผู้พิทักษ์จวนผู้ว่า โจวทง …หากเจ้ากล้าทำร้ายข้า! ไม่เพียงแต่เจ้าจะฝ่าฝืนกฏของหลุมมังกรซ่อนของท่านผู้ว่าเท่านั้น…แต่เจ้ายังไม่ไว้หน้าท่านพ่อบุญธรรมของข้าด้วย!!”
ทันใดนั้นเองท่ามกลางคลื่นกระแทกเกรี้ยวกราด เสียงข่มขู่ต้วนหลิงเทียนอันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกพลันลั่นดังขึ้น
จังหวะนี้โจวเฟยไม่เหลือแล้วซึ่งความอวดดีหยิ่งผยอง มันมองรังสีกระบี่นับร้อยพันของต้วนหลิงเทียนที่กำลังกลุ้มรุมเข้ามาทุกทิศทางด้วยสายตาผวาหวาด ใจมันอยากหลบหนีไปให้ไกลเหลือเกิน แต่มันพบว่ารังสีกระบี่นับร้อยพันประหนึ่งมีดวงตางอกเงยก็ไม่ปาน เพ่งเล็งจี้มาที่มันไม่หยุด!
ต่อให้มันจะหนีไปที่ใด ก็ไม่พ้นถูกห่ารังสีกระบี่นับพันไล่กวด!
“ม้ามีสะดุดล้ม คนมีแพ้พ่าย…ล้วนเป็นเรื่องธรรมชาติ”
เจอคำขู่ของโจวเฟยเข้าไป ต้วนหลิงเทียนยังคงกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
และแทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ รังสีกระบี่นับพันที่เปล่งแสงจ้า ก็ปะทุความเร็วจี้เข้าใส่โจวเฟยขึ้นไปอีกขั้น พวกมันทำลายม่านพลังคลุมกายโจวเฟยลงได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่จะพุ่งตัดแขนขาโจวเฟยทั้ง 4 ข้างจนขาดสะบั้น!
หลังจากตัดแขนขาทั้ง 4 ของโจวเฟยจนขาดกุดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หยุดมือแต่เพียงเท่านี้ ไม่ได้ทำลายแขนขาทั้ง 4 ข้างที่ขาดร่วงของโจวเฟย
“โอยยยย!!”
เสียงรีดร้องโหยหวนชวนสยองของโจวเฟยดังลั่นก้องไปทั่วหลุมมังกรซ่อน พาลให้ผู้คนในหลุมมังกรซ่อนทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะขนลุกเกรียว แต่ละคนและดูหวาดกลัวเสียขวัญราวได้ยินเสียงคืนหมาหอนภูตผีคร่ำครวญ…
โจวเฟยกรีดร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดอยู่พักหนึ่งกว่าจะเงียบ
และหลังจากที่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของโจวเฟยหยุดลง ไม่ว่าใครก็เห็นได้ชัดว่าโจวเฟยตอนนี้สีหน้ามันช่างซีดเซียวนัก ยังเต็มไปด้วยเหงื่อชุ่มโชก ลูกตาแดงฉานราวกับพึ่งได้รับโทษประหาร…
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
ท่ามกลางสายตาหวาดเสียวของทุกคน โจวเฟยที่บัดนี้ร่างมันเสมือนตอไม้ ได้เปล่งพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกมาอีกครั้ง แต่ครานี้ไม่ได้ใช้โจมตีแต่อย่างใด มันควบรวมพลังเป็นมือมีสภาพ 4 ข้างพุ่งไปคว้าจับแขนขาที่ขาดร่วงตกพื้นทั้ง 4 มาเชื่อมต่อกับร่างราวปักชำกิ่งลงตอ!
หลังเชื่อมต่อแขนขาทั้ง 4 แล้วสีหน้าที่ซีดเซียวของโจวเฟยก็พอได้ฟื้นคืนสีเลือดกลับมาอยู่บ้าง
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าในฐานะผู้ท้าชิงห้องบ่มเพาะของหลุมมังกรซ่อน ไม่เพียงฝ่าฝืนกฏเพียงช่วงชิงห้องห้ามทำร้ายรังแก แต่ยังทำให้ผู้ถูกท้าเช่นข้าต้องบาดเจ็บสาหัส…นับว่าเจ้าละเมิดกฏของหลุมมังกรซ่อนอย่างตั้งใจ ข้าโจวเฟยไม่คิดปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!”
สองตาโจวเฟยผยประกายเยียบเย็นวูบวาบ ถลึงตามองตวาดใส่ต้วนหลิงเทียน
“หากเจ้าไม่อยากถูกตัดแขนขาจนกลายเป็นตอไม้อีกครั้ง…ก็มอบ ‘ป้ายประตู’ ห้องศิลาบ่มเพาะมาให้ข้าเสีย”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโจวเฟยเล็กน้อย ค่อยกล่าว
วูบ!
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ หน้าโจวเฟยก็เปลี่ยนสีไปอีกรอบ มันได้แต่กัดฟันยกมือขึ้น ส่งป้ายหยกที่ผุดโผล่จากความว่างให้ต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็ถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยอาฆาตอีกรอบ ก่อนที่จะเหินร่างทะยานขึ้นฟ้า ออกจากหลุมมังกรซ่อน หายไปต่อหน้าต่อตาผู้คน
เมื่อครู่ต่อนที่มันลงมือ นอกจากศาสตราเซียนอมตะ มันก็ได้ลงมือเต็มกำลังแล้ว…
อย่างไรก็ตามกระบวนท่าของมันถูกต้วนหลิงเทียนทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมองเห็นเรื่องราวทั้งหมดชัดตา
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ใช้ศาสตราเซียนอมตะเช่นกัน
มันย่อมไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนไร้อาวุธเป็นธรรมชาติ
จากทั้งหมดบอกให้มันรู้ว่ามันไม่ใช่คู่มือต้วนหลิงเทียนเลย เช่นนั้นหลังจากแพ้พ่ายในการปะทะกันครั้งแรกแล้ว มันก็ไม่คิดจะลงมือกับต้วนหลิงเทียนอีก เพราะตระหนักได้ถึงช่องว่าง…
ยิ่งไปกว่านั้น ช่องว่างที่ว่ายังไม่ใช่น้อยๆ
“ฉินอวี่ ข้าเข้าไปก่อน”
หลังได้รับป้ายประตูจากโจวเฟย ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองทักฉินอวี่
จากนั้นเขาก็จ่ายพลังลงสู่ป้ายประตูที่โจวเฟยโยนให้ เพื่อให้ป้ายประตูจดจำเขาในฐานะเจ้าของ จนอาคมที่ป้องกันรอบห้องไม่ผลักไสเขา และไม่อนุญาตให้คนอื่นนอกจากเขาเข้าไป…
ในหลุมมังกรซ่อนนั้น นอกจากประตูศิลาจะหนาทนทานยากทำลาย ยังมีอาคมป้องกันอีกด้วย
มีเพียงผู้ที่ถือครองป้ายประตูจำเพาะ ที่ไม่ต่างอะไรจากกุญแจเท่านั้น ถึงจะเข้าไปในห้องศิลาเพื่อบ่มเพาะพลังได้
ทักทายฉินอวี่แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เข้าไปในห้องบ่มเพาะและปิดประตูศิลาทันที
เหล่าผู้คนในหลุมมังกรซ่อนได้แต่หันมองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
สุดท้ายก็เป็นชายหนุ่มในชุดสีฟ้าคนหนึ่งที่ริเริ่มทำลายความสงบเงียบในหลุมมังกรซ่อน “มารดามันเถอะ! โคตรดุร้ายยิ่ง…ยอดฝีมือหนุ่มจากเมืองเฉวี่ยโยวผู้นั้นลงมือสยบโจวเฟยได้ในคราเดียว! แถมยังหั่นแขนขาโจวเฟยได้ง่ายดายราวตัดหญ้า!!”
“ใครดูก็บอกได้ว่าระดับพลังโจวเฟยกับมันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแม้แต่น้อย…มันลงมือสยบโจวเฟยได้ง่ายดายราวไม่ได้หนักแรงอะไรด้วยซ้ำ!”
“ข้าล่ะไม่รู้จริงๆว่ามันมีระดับบ่มเพาะเท่าใดกันแน่…ข้าว่ามันสมควรร้ายกาจกว่าจินเซียนตะวันเขียวเสียอีก เพราะสุดท้ายโจวเฟยก็แพ้มันอย่างราบคาบเลย!”
“ยอดฝีมือหนุ่มจากเมืองเฉวี่ยโยวผู้นี้ดูเหมือนจะเรียกว่า ต้วนหลิงเทียน …แต่ไฉนก่อนหน้านี้ข้าไม่เห็นเคยได้ยินชื่อนี้จากเมืองเฉวี่ยโยวเลยเล่า?”
…
หลายคนที่กลับมารู้สึกตัวแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานกันออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เพราะฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าของมัน ราวกับนิทานอาหรับราตรีก็ไม่ปาน…
(อาหรับราตรี, นิทานพันหนึ่งราตรีของอาหรับ = เรื่องที่เป็นไปไม่ได้)
โจวเฟยที่เป็นดั่งตัวตนอันไร้เทียมทานในหมู่พวกมัน กลับแพ้พ่ายปราชัยให้ชายหนุ่มจากเมืองเฉวี่ยโยวที่พึ่งมาถึงอย่างราบคาบ!
และตอนนี้กระทั่งคนในหลุมมังกรซ่อนเองก็ไม่ทันได้รู้ตัวเลย
ว่าคำเรียกหาต้วนหลิงเทียนว่า ไอ่หนุมจากเมืองเฉวี่ยโยวบ้าง ไอ้หนูหน้าขาวจากเมืองเฉวี่ยโยวบ้าง ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นยอดฝีมือหนุ่มจากเมืองเฉวี่ยโยวเรียบร้อย!
“เอ่อ…พี่ชายมาดเข้มท่านนี้ ใช่ท่านมาจากเมืองเฉวี่ยโยวด้วยหรือไม่?”
ไม่นานก็มีคนฉุกคิดอะไรได้ และเร่งหันไปมองถามฉินอวี่ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นทันที
“อืม”
ฉินอวี่พยักหน้า
“พี่ชาย เมื่อครู่ข้าเห็นยอดฝีมือหนุ่มจากเมืองเฉวี่ยโยวหันมาทักท่านก่อนเข้าห้องบ่มเพาะ…พวกท่านสนิทกันหรือ?”
ชายคนดังกล่าวถามออกมาอีกครั้ง
“เอาตรงๆข้ากับเขาไม่ได้สนิทกันหรอก ยังเคยคุยกันแค่ไม่กี่คำด้วยซ้ำ”
ฉินอวี่กล่าว
“อ้อ แล้วมิทราบพี่ท่านทราบหรือไม่ว่าพลังฝึกปรือของเขาคืออันใด ใช่จินเซียนตะวันน้ำเงินหรือไม่? หากบรรลุถึงจินเซียนตะวันน้ำเงินแล้วจริง นับว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะในรอบพันปีของมณฑลจิ่วโยวของเราเลย อายุมิถึงร้อยปีแต่บรรลุถึงขอบเขตจินเซียนตะวันน้ำเงิน!”
ชายหนุ่มอีกคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามฉินอวี่ออกมา และขณะถามเสียงมันก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจนัก
“ข้าเองก็ไม่รู้เลย…”
ฉินอวี่ส่ายหัวไปมา
แน่นอนว่ารอบนี้ฉินอวี่ไม่ได้กล่าวตอบออกไปตามตรง เพราะอันที่จริงมันมั่นใจอยู่เรื่องหนึ่ง
ต้วนหลิงเทียนนั้น…ยังไม่ได้เป็นแม้แต่จินเซียนตะวันแดงเต็มสิบส่วน! นับประสาอะไรกับจินเซียนตะวันเขียวหรือตะวันน้ำเงิน!!
‘วรยุทธ์อมตะ ทั้งเวทย์พลังจู่โจมและเวทย์พลังสนับสนุนของต้วนหลิงเทียน…สมควรมีระดับสวรรค์ทั้งสิ้น!’
ฉินอวี่ลอบกล่าวในใจ
ไม่น่าแปลกใจที่ฉินอวี่จะคิดไปในทำนองนี้
เพราะหากต้วนหลิงเทียนเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนกว่าครึ่งปีจริง จะมีพลังน่ากลัวระดับนี้ได้ ก็มีแต่วรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังทั้งหลายมีระดับสวรรค์เท่านั้น!
“แต่ไม่ว่ายอดฝีมือหนุ่มผู้นั้นจะเป็นจินเซียนตะวันเขียวหรือตะวันน้ำเงินก็ตาม คราวนี้ข้าว่าซวยแล้วล่ะ…เพราะไม่เพียงการลงมือเมื่อครู่จะเพิกเฉยกฏของหลุมมังกรซ่อนที่ท่านผู้ว่าตราไว้ แต่ยังตัดแขนตัดขาโจวเฟยทิ้งอีก! นี่ย่อมทำให้ผู้พิทักษ์โจวทงบังเกิดความไม่พอใจหนักแน่! กล่าวได้ว่าการลงมือเมื่อครู่ได้ล่วงเกิน 2 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งมณฑลจิ่วโยวพร้อมกัน!”
“ทางท่านผู้ว่าข้าเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก…ถึงแม้จะละเมิดกฏของหลุมมังกรซ่อนจริง แต่ท่านผู้ว่าก็ไม่มีทางลงโทษคนรุนแรงนักเพราะรักถนอมอัจฉริยะ…แต่ถ้าโจวเฟยไปใส่ไฟผู้พิทักษ์โจวทงต่างหาก คราวนี้เรื่องราวถึงจะย่ำแย่ของจริง!”
…
ได้ยินบทสนทนาคาดเดาเรื่องราวของรุ่นเยาว์ในหลุมมังกรซ่อนรอบๆ ฉินอวี่อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา ในแววตายังเผยความกังวลไม่น้อย!