ตอนที่ 343-2 ขับออกจากตระกูลจี สวินหลันคิดสั้น
โจวมามาโขกศีรษะลงกับพื้นแข็งๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า โขกจนศีรษะแตกมีเลือดไหลออกมา แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครสนใจนาง
จีซั่งชิงนั่งอยู่ในห้อง สีหน้าดูร้อนรน
จีเหล่าฮูหยินวางหมากสีดำลงแล้วเอ่ยอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “นานๆ จะได้มาวางหมากกับคนแก่อย่างข้าสักครั้ง เจ้าอย่ามัวเอาแต่ใจลอยสิ”
จีซั่งชิงกลั้นใจวางหมากสีขาวลง
จีเหล่าฮูหยินหยิบหมากสีดำขึ้นมา “อย่าลืมที่เจ้าเคยรับปากข้าไว้ เจ้าพูดเองกับปากว่าจะจัดการนางอย่างไรให้สุดแล้วแต่ข้า เจ้าจะไม่ก้าวก่าย”
จีซั่งชิงหลุบตาลง “ลูกจำได้”
จีเหล่าฮูหยินวางหมากลง ปิดทางไปเขาจนหมดสิ้น “หากจำได้ก็ตั้งใจวางหมากกับข้าให้ดี วันนี้ห้ามไปที่ใดทั้งนั้น อยู่แต่ที่เรือนลั่วเหมยนี่แหละ”
จีซั่งชิงรับคำ “ขอรับ”
จีเหล่าฮูหยินหันไปส่งส่ายตาให้ตงเหมย ตงเหมยเข้าใจความหมายจึงหมุนตัวออกจากห้อง นางไปเรียกหญิงรับใช้ที่แข็งแรงกำยำมาหลายคนแล้วลากตัวโจวมามาออกไป
เหล่าฮูหยินหวังพึ่งไม่ได้ โจวมามาจึงไปที่เรือนรองต่อ ในเวลานี้เรียกได้ว่านางร้อนใจจนวิ่งหาคนไปทั่วแล้ว
แต่เรือนรองจะช่วยอะไรนางได้ อย่าว่าแต่เรือนรองไม่เคยยุ่งเรื่องของเรือนใหญ่มาแต่ไหนแต่ไรเลย ต่อให้เข้าไปยุ่งก็ต้องดูว่าเป็นเรื่องอะไร เหล่าฮูหยินมีคำสั่งออกมาแล้ว จีเซิ่งกับหลี่ซื่อจะกล้าไม่เชื่อฟังหรือ เดิมทีก็ไม่ใช่บุตรในอุทร ใครจะกล้าเผชิญหน้ากับมารดาสายหลักตรงๆ
จีซั่งหัวเสียกับเสียงร้องห่มร้องไห้ของโจวมามา จึงเอ่ยกับบุตรสาวและจีหว่านอวี๋ว่า “พวกเจ้าไม่ได้บอกว่าชุดแต่งงานยังไม่สวยสมใจ อยากออกไปปรับแก้สักหน่อยหรือ”
จีหรูเย่ว์ตอบว่า “ใช่เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”
จีเซิ่งตบไหล่ “ไป ไปแก้ชุดแต่งงานกัน!”
จีหรูเย่ว์ “…”
จีหว่านอวี๋ “…”
จีเซิ่งพาพวกจีหว่านอวี๋ออกไปทางประตูหลังของเรือน ขึ้นรถม้าแล้วไปที่ร้านตัดชุด
หลี่ซื่อวุ่นอยู่กับการดูแลงานในจวน ปลีกตัวออกมาไม่ได้จึงจำต้องนั่งอยู่ในห้องบัญชี ให้สือหลิวปิดประตูหน้าต่างมิดชิด แต่เสียงโจวมามาก็ยังสอดแทรกเข้ามาได้ เล่นเอานางเสียสมาธิไปหมด
นางขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เจ้าไปไล่นางกลับไปที บอกว่าเรื่องของเรือนใหญ่ ข้าเข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้”
สือหลิวรับคำสั่งออกไป
ภายในลาน โจวมามาโขกศีรษะจนสภาพตนดูไม่ได้แล้ว พอเห็นสือหลิวเดินเข้ามา สองตาก็พลันเป็นประกาย “แม่นางสือหลิว!”
สือหลิวตกใจขนลุกซู่กับใบหน้าที่มีเลือดอาบของอีกฝ่าย นางก้าวถอยหลังไปสองก้าว เบี่ยงตัวหลบมือที่ยื่นเข้ามา “เจ้าไม่ต้องมาขอร้องฮูหยินของข้าแล้ว เรื่องของเรือนใหญ่ ฮูหยินของข้าเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้ เจ้าไปหาคนอื่นเถิด”
โจวมามาร้องคร่ำครวญ “ข้าไร้ซึ่งหนทางแล้วจริงๆ ถึงได้มาหานายท่านรองกับฮูหยินรอง…ตอนฮูหยินของข้าจัดการเรื่องภายในจวน ก็เคยกตัญญูต่อเรือนรองไว้ไม่น้อย เหตุใดพวกเจ้าถึงพลิกหน้ามือเป็นหลังมือไม่ยอมสนใจกันแล้วเล่า”
สือหลิวสวนกลับอย่างปากร้ายว่า “ที่เจ้าพูดมาข้าไม่ชอบใจเลยนะ! อะไรที่เรียกว่ากตัญญูต่อเรือนรองกัน ข้าวที่นางกินเป็นของตระกูลจี บ้านที่นางอยู่เป็นของบ้านตระกูลจี ของทุกอย่างก็ตระกูลจีเป็นคนให้ การใช้ของของตระกูลจีกตัญญูต่อคนในตระกูล เจ้ายังหวังจะให้คนตระกูลจีซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้างั้นหรือ”
โจวมามาสะอึกไป
“หึ!” สือหลิวกรอกตาใส่แล้วหมุนตัวเดินหนีไปทันที
โจวมามาไม่หยุดเพียงเท่านั้น ยังไปที่เรือนสี่ต่อ
ว่ากันตามจริง จีซวงเป็นคนเดียวในหมู่นายท่านบ้านตระกูลจีที่ไม่เคยชอบหน้าสวินหลันเลย นางไม่ถูกใจสวินหลันเสียยิ่งกว่าเฉียวเวยเสียอีก โจวมามารู้ว่าตนไม่ควรไปหานาง แต่ในใจก็ยังหวังว่าอาจจะโชคดี…ไม่แน่ว่าหากจีซวงใจอ่อน อาจจะช่วยฮูหยินของตนก็ได้
จีซวงเป็นมารดาคนมาแล้ว ใจนางย่อมอ่อนกว่าคนทั่วไปอยู่สักหน่อย หลังจากได้ยินว่าสวินหลันแท้งบุตรและต้องถูกเหล่าฮูหยินขับออกจากจวน นางก็นึกเห็นใจอยู่เล็กน้อย แต่นางกำลังคิดหนักด้วยกลัวว่าความสงสารเพียงชั่วครู่ชั่วยามของตนอาจจะนำภัยร้ายที่ไม่อาจย้อนกลับได้มาสู่ตระกูลจี แต่เมื่อได้มองบุตรในอ้อมแขน นางก็เข้าใจความเจ็บปวดของการเสียบุตรไป ในขณะที่นางกำลังจะตกปากรับคำยอมให้สวินหลันพักอยู่กับตนสักสองสามวันนั้น โจวมามที่เห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนานคิดว่านางจะไม่ช่วยแล้ว จึงรีบเปลี่ยนไปพูดว่า “ข้ารู้ว่าท่านยังแค้นใจเรื่องเมื่อในอดีตอยู่ ท่านกล่าวโทษฮูหยินที่ยั่วยวนท่านเขย แต่ฮูหยินไม่ได้ทำเช่นนั้นจริงๆ! ช่วงที่ข้าอยู่ในบ้านตระกูลจีก็ได้ยินเรื่องของท่านเขยมาไม่น้อย เดิมทีท่านเขยเป็นหมาป่าที่แต่งตัวเป็นลูกแกะอยู่แล้ว ครานั้นที่บอกว่าดื่มไปมากคงเป็นเพียงข้ออ้าง น่าสงสารฮูหยินข้าที่เกือบถูกเขากระทำการดูหมิ่น…”
คำพูดของโจวมามาเป็นการเตือนจีซวงถึงความโง่เขลาในอดีตของนางอย่างไม่ต้องสงสัย นี่เปรียบเสมือนการเอามีดกรีดเปิดแผลที่เริ่มสมานกันดีแล้วออกอีกครั้ง สีหน้านางพลันบึ้งตึง “ไล่ตะเพิดนางออกไปเดี๋ยวนี้!”
โจวมามาเลยถูกไล่ออกไป
คนเขาเวลาขอร้องใครก็มักทำให้คนถูกขอร้องนึกเสียใจที่ตนปฏิเสธ แต่การขอร้องของโจวมามากลับทำให้ทุกคนไม่พอใจกันยิ่งกว่าเดิม พรรคพวกที่โง่เขลาคงไม่มีใครเกินโจวมามาผู้นี้แล้ว
…
โจวมามาพาเอาร่างที่สะบักสะบอมของตนกลับไปที่เรือนหลีฮวา ภายในเรือน สาวใช้หลายคนกำลังเก็บสัมภาระของพวกนางกันอยู่ โจวมามาฝืนข่มความเจ็บปวดทั่วสารร่างวิ่งกะเผลกๆ เข้าไปคว้ามือสาวใช้คนหนึ่งเอาไว้ “พวกเจ้ากำลังทำอะไรน่ะ!”
สาวใช้ที่ถูกจับมือไว้ตอบว่า “เหล่าฮูหยินให้สวินซื่อย้ายออกไป พวกเราเลยกำลังเก็บของให้สวินซื่ออยู่น่ะสิ”
คำเรียกขานยังเปลี่ยนจากฮูหยินไปเป็นสวินซื่อแล้วเสียด้วย
โจวมามาพลันใจหวิว แย่งเอาห่อผ้าไปเอ่ยตะคอกว่า “ใครก็ห้ามแตะต้องของของฮูหยินทั้งนั้น!”
สาวใช้ทำเสียงหึเย็นๆ แล้วแย่งห่อผ้ากลับไปบ้าง “เจ้าเป็นใครกัน เจ้าบอกว่าห้ามยุ่งก็ยุ่งไม่ได้แล้วงั้นหรือ เก่งนักก็เก็บเองเลยสิ ไม่เก็บก็ไปยืนเฉยๆ ทางโน้นไป!”
โจวมามาโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ “เจ้า…เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับข้า?”
สาวใช้กรอกตาบนใส่ เดินผ่านหน้านางไปคล้ายไม่เห็นนางอย่างไรอย่างนั้น ซ้ำยังเอาหัวไหล่ชนจนโจวมามาเสียหลักล้มลงกับพื้นอีกด้วย
โจวมามาเจ็บจนร้องโอ้ยออกมา นางลุกขึ้นจะเข้าไปทำร้ายสาวใช้คนนั้นบ้าง แต่กลับมีสาวใช้จำนวนมากกว่าเดิมกรูกันออกมาจากในห้อง ในมือแต่ละคนยกสิ่งของออกมาด้วย โจวมามารีบเข้าห้องไปด้วยความร้อนรน จึงได้เห็นว่าภายในห้องที่เดิมทีของประดับตกแต่งอย่างงามสง่า เวลานี้ถูกคนขนย้ายของออกไปจนเหลือเพียงห้องเปล่าๆ สวินหลันนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มีสาวใช้บอกให้นางออกไป นางก็ไม่ขยับ
สาวใช้จึงเอ่ยอย่างใส่อารมณ์ว่า “เจ้าหูหนวกหรือไร เหตุใดยังไม่ถอยไปอีก!”
สวินหลันยังคงนิ่งไม่ไหวติง
สาวใช้เลยผลักนางล้มลงกับพื้น
โจวมามาตะคอกเสียงก้อง “เจ้าทำอะไรน่ะ!”
สาวใช้ตกใจจนตัวสั่น โจวมามาดึงปิ่นบนศีรษะออกมาจะแทงใส่สาวใช้คนนั้น สาวใช้คนนั้นหน้าถอดสี รีบวิ่งหนีออกไปพลางเอ่ยอย่างร้ายกาจว่า “บ้าไปแล้ว! อีกเดี๋ยวให้องครักษ์มาก่อนเถิด ดูสิว่าพวกเจ้าจะทำอย่างไร!”
โจวมามาเก็บปิ่นกลับอย่างเดิม เดินกะเผลกเข้าไปหาสวินหลัน “ฮูหยิน…”
สวินหลัน “เจ้าออกไป ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”
“ฮูหยิน…”
สวินหลันพูดด้วยหน้าขาวซีดว่า “ออกไป อย่าให้ข้าต้องพูดเป็นครั้งที่สาม ข้าไม่มีแรงแล้ว”
โจวมามาเดินออกไปด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
ไม่นานประตูก็ถูกปิด ดานประตูถูกเลื่อนกันเอาไว้อีกชั้น
ในใจโจวมามาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที นางเคาะประตูเบาๆ “ฮูหยิน ท่านเปิดประตูก่อน มีอะไรค่อยๆ คุยกันนะเจ้าคะ”
ในห้องมีเพียงความเงียบงัน
โจวมามาเลยทุบประตู “ฮูหยิน!”
ยังคงไม่มีการตอบรับ
โจวมามาเริ่มลนลาน ออกแรงตบประตูไม่หยุด “ฮูหยิน! ฮูหยิน! ฮูหยิน!”
…
“นายท่าน! นายท่านแย่แล้วเจ้าค่ะ! เกิดเรื่องกับฮูหยินแล้ว!”
ด้านนอกเรือนลั่วเหมยมีเสียงตะโกนของโจวมามาดังขึ้น
มือที่คีบตัวหมากอยู่ของจีซั่งชิงพลันสั่นระริก หมากจึงหล่นลงบนกระดาน
จีเหล่าฮูหยินเอ่ยเสียงเข้มว่า “ตั้งใจวาง!”
จีซั่งชิงลุกขึ้นด้วยความร้อนลน “ข้าขอตัวออกไปก่อน สายอีกหน่อยจะมาวางหมากเป็นเพื่อนท่านแม่ต่อ”
จีเหล่าฮูหยินพลันตบโต๊ะ “เจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้นะ! ถ้าเจ้ากล้าออกไปข้าจะ…”
ร่างของจีซั่งชิงหายวับไปแล้ว
ตอนที่จีซั่งชิงรีบไปถึงเรือนหลีฮวา ตรงระเบียงมีบ่าวไพร่ยืนออกกันอยู่เต็มไปหมด มีคนหันมาเห็นเขาเลยรีบหลบไปอยู่ด้านข้าง คนอื่นๆ พอเห็นเขาก็แหวกเปิดทางให้กันทันทีเช่นกัน
เขาเดินไปที่หน้าประตู จะเปิดประตูที่ปิดสนิทอยู่แต่เปิดไม่ออก เลยก้าวถอยหลังไปสองก้าวแล้วใช้เท้าถีบประตู! ถึงเห็นว่าสวินหลันห้อยต่องแต่งอยู่กับคาน มีผ้าขาวคล้องคอไว้ คล้ายจะสิ้นลมหายใจไปแล้ว…