WSSTH ตอนที่ 2,647 : ทางที่โจวทงเลือก

“แต่…ท่านพ่อบุญธรรม ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน การประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉิน ไม่พ้นมันต้องสร้างผลงานเลิศล้ำ ถึงขั้นติด 3 อันดับแรกได้แน่นอน…เช่นนั้นมันย่อมคว้ารางวัลมาไม่น้อย”

ได้ยินคำของโจวทง ในใจโจวเฟยก็บังเกิดความยินดี แต่ก็ยังจงใจถามต่อว่า “แล้วท่านคิดจะลงมือกับมันเมื่อใด…ลงมือกับมันหลังจบการประลอง…หรือจะลงมือกับมันตอนนี้?”

กล่าวจบคำ โจวเฟยก็มองสบสายตาโจวทงทันที ด้วยอยากรู้ว่าบิดาบุญธรรมของมันจะตอบคำถามของมันอย่างไร

“เหอะ!”

พอได้ยินคำถามดังกล่าวของโจวเฟย โจวทงก็แค่นเสียงสบถด้วยไม่สบอารมณ์อีกรอบ สีหน้ายังมืดลงทันที

“แน่นอนว่าตอนนี้!”

ถึงแม้มันเองก็ไม่ทราบว่าไฉนพระราชวังฉินถึงจัดการประลอง 16 มณฑลครั้งนี้

อย่างไรก็ตามมันก็เห็นได้ไม่ยากว่าพระราชวังฉินให้ความสำคัญกับการประลองเพียงใด ดูจากของรางวัล 3 อันดับแรกก็รู้!

หากต้วนหลิงเทียนไม่อาจชิงอันดับ 2 มาได้ มันก็ไม่มีทางได้รับโอสถต้าหลัว

ทว่าหากต้วนหลิงเทียนคว้าอันดับที่ 2 มาได้ มันจะได้รับส่วนแบ่งโอสถต้าหลัว!

อย่างไรก็ตาม หากต้วนหลิงเทียนติด 1 ใน 3 อันดับแรกของการประลอง ทางพระราชวังฉินย่อมให้ความสนใจต่อต้วนหลิงเทียนกระทั่งต้องรับตัวไปแน่นอน เพราะอย่างไรนี่ก็คือรุ่นเยาว์อัจฉริยะ!

ถึงตอนนั้นหากมันคิดจะบีบคั้นต้วนหลิงเทียนให้ส่งมอบวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับสววรรค์ทั้งหมดมา ย่อมยากยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นสวรรค์!

ด้านหนึ่งคือโอสถต้าหลัว ที่ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้…

ส่วนอีกด้านนั้น คือโอกาสที่จะช่วงชิงวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์ของต้วนหลิงเทียน!

โจวทงเสียเวลาคิดในใจแค่เล็กน้อยก็เลือกอย่างหลังทันที!

“แน่นอนว่าตอนนี้…”

พอได้ยินวาจาที่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ราวไม่คิดเปลี่ยนแปลงของโจวทง สองตาโจวเฟยก็ลุกวาวขึ้นมาทันที เร่งกล่าวคำออกมาด้วยความดีใจต่อว่า “ท่านพ่อบุญธรรมฉลาดยิ่ง…หากท่านปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลไป เกรงว่าไม่พ้นมันต้องได้รับความสนใจจากพระราชวังฉินแน่ ถึงตอนนั้นคิดจะแตะต้องมันก็ยากเย็นแล้ว!”

สิ่งที่โจวเฟยกำลังเฝ้ารอก็คือ ‘ผลลัพธ์’ ดังกล่าว

‘ต้วนหลิงเทียน…หากเทียบกับโอสถต้าหลัวที่ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้ วรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์ของเจ้าจะอย่างไรก็ต้องเย้ายวนใจพ่อบุญธรรมมากกว่า! เจ้าล้างคอรอได้เลย…พ่อบุญธรรมข้าเค้นเอาวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับสวรรค์มาจากเจ้าได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็คือวันตายของเจ้า!’

ในขณะที่กล่าวประจบโจวทง ในใจของโจวเฟยก็คิดไปด้วยอำมหิตสองตายังฉายแววดุร้ายเยียบเย็น

“ท่านพ่อบุญธรรม”

โจวเฟยกล่าวต่อ “ตอนนี้ท่านผู้ว่าให้ความสนใจกับต้วนหลิงเทียนนัก…หากท่านคิดจัดการต้วนหลิงเทียนที่จวนผู้ว่า ข้าเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นหากท่านจับต้วนหลิงเทียนมาเค้นเอาวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังที่นี่ แล้วเกิดผู้ว่ารู้ขึ้นมา…”

“ถึงตอนนั้นหากผู้ว่าคิดแบ่งปันวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังกับท่านก็แล้วไป…แต่ถ้าไม่ต้องการและยืนกรานให้ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลต่อ…ข้าเกรงว่าท่านคงสิ้นวาสนาจะได้ถือครองวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์แล้วจริงๆ”

“อีกทั้ง…หากต้วนหลิงเทียนได้เข้าร่วมงานประลอง 16 มณฑลของพระราชวังฉิน มันไม่พ้นต้องได้รับความสนใจจากพระราชวังฉินแน่! ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ท่าน กระทั่งผู้ว่าเองยังไม่มีอำนาจทำอะไรกับมัน”

“ที่สำคัญคือมันอาจเป็นผู้ที่หลิ่วเฟิงกู่จงใจเพาะสร้างขึ้นมาให้จัดการกับท่านโดยเฉพาะ…อย่างไรมันก็มีอายุไม่ถึงร้อยปี ไม่นานมันต้องก้าวหน้าและเติบโตอย่างรวดเร็วแน่นอน…สุดท้ายก็ต้องย้อนกลับมาเป็นภัยต่อท่าน!”

หลังกล่าวจบแล้ว โจวเฟยยังกล่าวความเดาออกมาราวกับมันมองในมุมโจวทง

“เฟยเอ๋อ เจ้านับว่ามีหัวคิดดี”

หลังได้ยินคำขอโจวเฟย โจวทงก็พยักหน้าลงด้วยความพึงพอใจ ไม่นานในแววตาก็ฉายแววเยียบเย็นอีกรอบ “ข้าจะหาทางล่อต้วนหลิงเทียนให้ออกจากเขตจวนผู้ว่า…หลังมันออกนอกเขต คราวนี้ผู้ว่าก็ไม่มีทางล่วงรู้ความเคลื่อนไหวมันและมาช่วยมันได้ทันแน่! สุดท้ายเมื่อรู้ว่าชีวิตมีภัย มันจะอย่างไรก็ต้องคายวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์ออกมาหมดแน่! ”

กล่าวออกอีกรอบ คล้ายโจวทงจะมีแผนอยู่ในหัวเรียบร้อย

เมืองเฉวี่ยโยว

เหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นล่าสุด ทำให้เจ้าเมืองเฉวี่ยโยวอย่างหลิ่วเฟิงกู่รู้สึกมืดมนนัก!

นอกจากทหารของกองทัพมังกรเงินบางคนที่ออกไปทำภารกิจ หรือมาทำหน้าที่ในจวนแล้ว ไม่ว่าจะผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินอย่างเหมียวไหลหลง เหล่าแม่ทัพนายกองทั้งทหารที่อยู่ในค่าย รวมถึงผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนที่ไปทำงานในเหมือง ไม่เว้นคนงานในเหมืองเก่า…ล้วนถูกตัวตนที่คาดว่าน่าจะเป็นต้าหลัวจินเซียนเข่นฆ่าหมดสิ้น!

ณ ห้องโถงหลักของจวนเจ้าเมือง

หล่วเฟิงกู่นั่งอยู่บนเก้าอี้บนสุด โดยมีเฉินเฉียนป้านั่งอยู่ด้านล่าง

“เฉวียนป้า…เรื่องนี้เจ้าคิดอย่างไร”

หลิ่วเฟิกู่มองถามเฉินเฉวียนป้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ถึงม่าหลิ่วเฟิงกู่จะมีพลังฝึกปรือไม่ใช่ชั่ว ทำให้จิตวิญญาณแจ่มใสแลดูสดชื่นได้เป็นเวลานานโดยไม่พัก หากทว่าหลังจากออกไปตรวจสอบเรื่องราวและสืบสวนหาความ ตอนนี้มันก็เผยทีท่าอ่อนนล้าสิ้นแรง สองตายังแดงก่ำไม่น้อย…

“ใต้เท้าเจ้าเมือง…ตอนแรกข้าคิดว่าเป็นกองทัพมังกรเงินต้องไปล่วงเกินผู้ใดมาแน่…แต่พอคิดดีๆหากเหมียวไหลหลงไปล่วงเกินยอดคนเข้า สิ่งแรกที่ตัวตนอันสูงส่งสมควรทำคือมาหาคำอธิบายจากท่านมากกว่า…”

เฉินเฉวียนป้ากล่าว “เพราะอย่างไรเหมียวไหลหลงก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาท่าน ที่สำคัญท่านยังเป็นเจ้าเมืองที่มีมณฑลจิ่วโยวหนุนหลัง…แม้จะเป็นยอดคนที่โจรไม่กลัว แต่ก็ต้องกลัวทางการ…”

“ว่าแต่ท่านเจ้าเมือง…มิใช่ว่าท่านสมควรมียันต์อมตะเงาลอยอยู่หรือ ไฉนไม่ดูเล่าว่าใครฆ่ามัน?”

ทันใดนั้นเฉินเฉวียนป้าก็ฉุกคิดถึงเรื่องนี้

“ในตอนที่มันตาย ยันต์อมตะเงาลอยตัวแม่ที่อยู่กับข้า กลับไม่ได้รับสัญญาณจากยันต์อมตะเงาลอยตัวลูกของมัน จึงไม่อาจฉายเรื่องราวใดๆออกมาให้ดูได้…แต่ข้ามั่นใจว่ายันต์อมตะเงาลอยตัวลูกของมันได้เริ่มต้นกระบวนการทำงานแล้วแน่นอน!”

หลิ่วเฟิงกู่ตอบ

“ฟืด!”

แทบจะพอดีกับที่หลิ่วเฟิงกู่พูดจบ เฉินเฉวียนป้าอดสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้ ยังโพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ “นั่น…มิใช่หมายความว่า…คนที่ฆ่าเหมียวไหลหลง อาจเป็นตัวตนที่อยู่ในขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขึ้นไปหรือไร!?”

“ไม่ใช่แค่อาจจะ…แต่คนที่ฆ่าเหมียวไหลหลงต้องบรรลุขอบเขตต้าหลัวจินเซียนแล้วเป็นอย่างต่ำ!”

หลิ่วเฟิงกู่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“แล้วไฉนกองทัพมังกรเงินไปล่วงเกินตัวตนระดับต้าหลัวจินเซียนได้เล่า…และหากกองทัพมังกรเงินไปสร้างความขุ่นเคืองให้ต้าหลัวจินเซียนจริง…มิใช่ว่าต้าหลัวจินเซียนผู้นั้นสมควรมาหาความกับท่านที่นี่ด้วยหรือ?”

เฉินเฉวียนป้ากล่าวพึมพำ มันเองก็สงสัยไม่น้อย

“บางทีเรื่องนี้อาจมีลับลมคมในอะไรบางอย่าง…”

หลิ่วเฟิงกู่กล่าวออกเสียงเข้ม

ฟุ่บ!

ทันใดนั้นเองดั่งมีสายลมหอบหนึ่งพัดเข้ามาในห้องโถงใหญ่

“ใต้เท้าเจ้าเมือง”

พร้อมกับสายลมกรรโชกยังมีเสียงชราดังขึ้น

จากนั้นก็เห็นเป็นร่างชราหนึ่งกำลังป้องมือประสานโค้งคารวะหลิ่วเฟิงกู่กลางโถง

“ผู้เฒ่าหง!”

เมื่อเห็นร่างชราชัดถนัดตา เฉินเฉวียนป้าก็เร่งลุกขึ้นประสานมือคารวะทักทายทันที

ถึงแม้มันจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำ ทว่าต่อหน้าชายชราผู้นี้มันย่อมไม่กล้าละเลยท่าที

เพราะชายชราผู้นี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นคนใกล้ชิดเจ้าเมืองที่สุด อีกฝ่ายยังเป็นหัวหน้าองครักษ์งูทองที่มีพลังฝีมือสูงส่งกว่ามัน จนได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 2 ในเมืองเฉวี่ยโยว

“ผู้เฒ่าหง ท่านได้เรื่องอะไรบ้างหรือไม่?”

สองตาหลิ่วเฟิงกู่ทอประกายจ้า เอ่ยถามขึ้น

ผู้เฒ่าหงพยักหน้ารับเล็กน้อย ค่อยกล่าวว่า “ใต้เท้าเจ้าเมือง ข้าสืบได้ความว่าเมื่อไม่นานมานี้มีแขกมิได้รับเชิญ 2 คนมาเยือนเมืองเฉวี่ยโยวของพวกเรา…และแขกมิได้รับเชิญทั้ง 2 ยังมาจากจวนผู้ว่า!”

“แขกไม่ได้รับเชิญจากจวนผู้ว่า 2 คน?”

ลูกตาหลิ่วเฟิงกู่หดเล็กลง ถามออกเสียงหนัก “เป็นผู้ใด?”

แม้ปากจะกล่าวถามไป แต่ในใจของหลิ่วเฟิงกู่นั้น ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมาเรียบร้อย…ผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของมณฑลจิ่วโยว โจวทง!

เพราะโจวทงเป็นตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียน!

นอกจากนั้นยังเป็น 1 ใน 2 ต้าหลัวจินเซียนของมณฑลจิ่วโยว!!

ในขณะที่เฉินเฉวียนป้าเองก็มองจ้องผู้เฒ่าหงด้วยความสนใจเพื่อรอฟัง ผู้เฒ่าหงก็กล่าวตอบออกมาว่า “แขกมิได้รับเชิญทั้ง 2 จากจวนผู้ว่า หนึ่งคืออาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่า เฉียนผิงอัน…อีกคนก็คือ โจวเฟย บุตรชายบุญธรรมของโจวทง ที่ถูกต้วนหลิงเทียนตัดแขนขาไปเมื่อครึ่งปีก่อน…

“เฉียนผิงอันเป็นคนของโจวทง…โจวเฟยก็เป็นลูกชายบุญธรรมของมัน…ค่ายกองทัพมังกรเงินพินาศสิ้น…”

หลังได้ฟังคำตอบของผู้เฒ่าหง หลิ่วเฟิงกู่ก็กล่าวบ่นพึมพำไปกับตัวหน้าเครียด

“ใต้เท้าเจ้าเมือง…”

เฉินเฉวียนป้าย่อมอยากรู้นักวว่าตอนนี้หล่วเฟิงกู่คิดอะไรอยยู่กันแน่ สีหน้าถึงได้มืดมนนัก ยังอัปลักษณ์ไม่น่าดูเป็นที่สุด

“เฉวียนป้า เจ้ากลับไปก่อนเถอะ…”

ทว่าในขณะที่เฉินเฉวียนป้ากำลังรู้สึกสงสัยนั้นเอง หลิ่วเฟิงกู่พลันยกมือขึ้นมาโบกปัด “เรื่องนี้ข้าเข้าใจแล้วว่ามันเรื่องอะไรขึ้น เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาส่งคนไปสืบเสาะอันใดอีก และเอาไว้ข้าจะบอกเจ้าภายหลัง…ตอนนี้ข้าขอหารือกับผู้เฒ่าหงก่อน”

“รับทราบใต้เท้าเจ้าเมือง”

แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย แต่เฉินเฉวียนป้าก็ยังคงตอบรับคำ ล่าถอยออกจากห้องโถงหลักทันที

หลังจากที่เฉินเฉวียนป้าจากไปแล้ว หลิ่วเฟิงกู่ก็มองผู้เฒ่าหงพลางกล่าวเสียงหนัก “ผู้เฒ่าหง…หากข้าเดาไม่ผิดตอนนี้โจวทงสมควรรู้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนเมื่อ 2 ปีก่อน…”

“ในสายตาของมันไม่พ้นต้วนหลิงเทียนคือสมบัติล้ำค่าหาใดเปรียบ เพราะมีวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับสววรรค์ในครอบครอง…ด้วยนิสัยละโมบโลภมากของมัน มิพ้นต้องอยากได้ทักษะทั้งหมดของต้วนหลิงเทียนไว้ในครอบครองแน่…หาไม่แล้วมันคงไม่เลือกจะปิดปากคนของกองทัพมังกรเงินด้วยวิธีการรุนแรงเช่นนี้!”

หลิ่วเฟิงกู่กล่าว

เมื่อได้รับเบาะแสสำคัญจากผู้เฒ่าหง หลิ่วเฟิงกู่ก็ปะติดปะต่อเรื่องราว และสรุปสถานการณ์ได้ออกทันที

เป็นการลงมือของโจวทง!

“ใต้เท้าเจ้าเมือง…หากผู้ลงมือเป็นโจวทง ไฉนมันไม่มาหาท่าน?”

ผู้เฒ่าหง

“คนเช่นโจวทงมันถือดีเป็นที่สุด ข้าเกรงว่ามันไม่พ้นคิดว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่ข้าลอบเพาะสร้างเพื่อไปจัดการกับมันแน่…ด้วยนิสัยต่ำช้าสามานย์ของมัน สมควรคิดนำต้วนหลิงเทียนมาฆ่าต่อหน้าข้า…เพื่อให้ข้าสิ้นหวังหลังมันได้สิ่งที่ต้องการ…”

ฟังจากวาจาของหลิ่วเฟิงกู่แล้ว ราวกับโจวทงกำลังยืนอยู่ตรงหน้า ให้มันอ่านความคิดอย่างไรอย่างนั้น