ตอนที่ 348-1 ชาติกำเนิด กลวิธีของหมิงซิว (2)
ใต้เท้าเจ้าสำนักที่ไม่ได้แสดงออกถึงสติปัญญาและความรู้ความสามารถของตนเดินกลับบ้านชิงเหลียนไปด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว ปี้เอ๋อร์เอ่ยทักทายเขาก็ไม่สนใจ
เขาสู้จิ่งอวิ๋นไม่ได้ก็แล้วไปเถิด แต่เหตุใดแม้แต่เจ้าเด็กอ้วนเขาก็ยังโดดเด่นกว่าไม่ได้
ต้องเป็นเพราะอยู่ในบ้านตระกูลจีมากเกินไปจนถูกความโง่เขลาของคนตระกูลจีแพร่มาให้เป็นแน่!
เฉียวเวยไปที่ห้องครัวสั่งการให้พ่อครัวทำรังนกต้มน้ำตาลแช่เย็นให้ฟู่เสวี่ยเยียน พอเดินออกมาก็เห็นใต้เท้าเจ้าสำนักกำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบูดบึ้งเลยเรียกเขาไว้ “นี่เป็นอะไรไป ใครติดเงินเจ้าหรือ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักถลึงตาใส่นางอย่างต่อว่าต่อขาน ที่เจ้าคลอดออกมาทั้งนั้นแหละ! หึ!
เฉียวเวยเลิกคิ้ว นี่เล่นบทอะไรกัน
“ท่านแม่ๆ! กินพุทรา!” วั่งซูน้อยใช้เสื้อตัวนอกรองเอาผลพุทรามากองใหญ่ กำลังวิ่งตุบตับๆ เข้ามาหา
ใต้เท้าเจ้าสำนักเลยยิ่งหน้าบูดหนักกว่าเดิม!
ใต้เท้าเจ้าสำนักเคยชินกับการนอนกลางวัน แต่วันนี้เพราะมัวแต่วาดภาพเลยไม่มีเวลาไปงีบ พอเข้าไปในห้องจึงซุกตัวเข้ากับที่นอนนุ่มๆ แล้วหลับคร่อกฟี้ๆ ไปทันที
คราแรกเฉียวเวยคิดอยากจะเรียกเขาออกมากินข้าว แต่พอเรียกไปสองทีแล้วเห็นเขากำลังหลับสบายจริงๆ เลยปิดกลับประตูให้เขาอย่างเดิม
มื้อเย็นจะกินที่ห้องหลัก ห้องครัวทำเส้นหมี่น้ำแกงเนื้อแพะที่เด็กทั้งสองชอบกินมากที่สุด ย่างซี่โครงแพะจนหอมฉุยกรอบนุ่ม กับตุ๋นน้ำแกงเห็ดใส่นมซึ่งเป็นเมนูที่เฉียวเวยทำเอง นางลองอยู่นานกว่าจะลองใส่นมลงไป โชคดีที่รสชาติไม่เลว นอกจากนี้ห้องครัวยังผัดผักง่ายๆ มาหลายจาน ซาลาเปาน้อยทั้งสามนั่งล้อมโต๊ะ มือน้อยๆ ล้างมาจนสะอาดใส หยิบซี่โครงแพะขึ้นมาแทะกันอย่างเอร็ดอร่อย
ไม่นานต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋และจูเอ๋อร์ก็กระโจนฉิวออกมา
จูเอ๋อร์กินได้ทุกอย่าง เรื่องนี้เฉียวเวยรู้ดี แต่เสี่ยวไป๋ที่กำลังงับเห็ดอย่างเต็มปากเต็มคำนั่นคืออะไรกัน หรือว่าเจ้าตัวเล็กนี้กินผักกับเขาแล้วเหมือนกัน?
ซี่โครงแพะใส่ยี่หร่า กลิ่นหอมของนมหอมไปไกลกว่าครึ่งเรือน เล่นเอาทุกคนที่ได้กลิ่นพากันน้ำลายไหล หากเป็นเมื่อก่อน ใต้เท้าเจ้าสำนักคงได้ตื่นขึ้นมาเพราะความตะกละแล้ว ถึงแม้คนที่หลับไปแล้วไม่ควรจะได้กลิ่นอะไร แต่เจ้านี่มักตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วทุกครั้งที่เฉียวเวยทำของกินอร่อยๆ ซึ่งก็น่าแปลกเอาเรื่องอยู่
ครั้งนี้กลับต่างออกไป
ใต้เท้าเจ้าสำนักกำลังฝันหวาน ฝันเห็นตนเองไปที่เรือนของฟู่เสวี่ยเยียน ฟู่เสวี่ยเยียนต้อนรับขับสู้เขาอย่างอ่อนหวาน ทั้งสองพาเด็กคนหนึ่งไปที่ทะเลสาบ ในฝันเดี๋ยวเป็นจิ่งอวิ๋น เดี๋ยวเป็นวั่งซูสลับกัน
ฟู่เสวี่ยเยียนเอ่ยด้วยความเขินอายว่า “เรือเริงรมย์ซ่อมเสร็จแล้วหรือ”
อยู่ดีๆ ใต้เท้าเจ้าสำนักก็มีค้อนมาอยู่ในมือ บอกนางด้วยความภูมิใจยิ่งว่า “แน่นอนที่สุด ข้าออกโรงเอง มีหรือจะซ่อมไม่เสร็จ”
ฟู่เสวี่ยเยียนหน้าแดงจนแทบจะมีเลือดหยดออกมา
ใต้เท้าเจ้าสำนักจูงมือนางไปที่เรือเริงรมย์ ด้านหลังที่ตอนแรกเป็นเจ้าซาลาเปาน้อยสลับไปมาระหว่างจิ่งอวิ๋นกับวั่งซู ไม่รู้เหตุใดจู่ๆ ถึงเปลี่ยนไปเป็นจีหมิงซิวได้ จีหมิงซิวมองฟู่เสวี่ยเยียนที่อยู่ข้างกายใต้เท้าเจ้าสำนักด้วยสายตานิ่งขรึม ใต้เท้าเจ้าสำนักใช้มือที่ใหญ่ราวกับใบลานของตนตบหน้าอกที่แข็งแกร่งพลางบอกว่า “หากยังกล้าจับจ้องภรรยาข้าอีก ข้าจะอัดเจ้าให้เละจนไม่รู้เหนือรู้ใต้เลยคอยดู!”
จีหมิงซิวเลยหงอไปในทันใด น้องสะใภ้ก้มหน้าลง เอ่ยด้วยความขลาดกลัวว่า “ข้าผิดไปแล้ว จะไม่กล้าทำอีกแล้ว”
ใต้เท้าเจ้าสำนักพูดขึ้นอย่างดุดันว่า “ไปทางนู้นเลย! ไปยืนสงบนิ่งให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
จีหมิงซิวไปยืนอยู่ตรงมุมเรือเริงรมย์อย่างว่าง่าย ในมือจับผมเปียลูบเล่นไปเรื่อยๆ
ไม่นานเฉียวเวยก็เข้ามาปรากฏตัวอีกคน เฉียวเวยท่าทางเหมือนหนูเจอแมว ตกใจจนกัดนิ้ววิ่งหนีไป
ใต้เท้าเจ้าสำนักรีบตะคอก “กลับมาเดี๋ยวนี้!”
เฉียวเวยเดินตัวลีบกลับมา ไม่กล้าแม้แต่จะมองเขาตรงๆ รีบเอ่ยประจบว่า “น้องสามีที่เคารพ ไม่ทราบว่าเจ้ามีอะไรจะสั่งการหรือ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักเย่อหยิ่งเหลือแสน “ไปรินน้ำมาให้ข้า!”
“ทราบแล้ว” เฉียวเวยไปรินน้ำมาให้ใต้เท้าเจ้าสำนักด้วยความเคารพ “น้องสามี เชิญ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักรับถ้วยมาด้วยท่าที่สบายๆ ยกจิบอึกหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้าหิวแล้ว ไปทำเส้นหมี่น้ำแกงเนื้อแพะ ซี่โครงแพะย่างกับน้ำแกงเห็ดใส่นมมาให้ข้าอย่างละจาน แล้วผัดผักมาให้ข้าสักสามสี่อย่างด้วย!”
เฉียวเวยตอบรับเสียงอ่อน “ข้าจะไปทำเดี๋ยวนี้ น้องสามีไปพักสักเดี๋ยวก่อน กับข้าวเดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว”
ใต้เท้าเจ้าสำนักตอบอึ้มเสียงขรึม
เฉียวเวยซอยเท้าเร็วๆ เดินไป
ฟู่เสวี่ยเยียนมองเขาด้วยสีหน้าเลื่อมใส “ท่านพี่ เจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก”
ใต้เท้าเจ้าสำนักโอบเอวบางของนางไว้ “เวลานี้คงรู้แล้วสินะว่าข้าเก่ง รีบจูบข้าเร็วเข้า!”
ฟู่เสวี่ยเยียนเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย “ไม่เอา”
ใต้เท้าเจ้าสำนักกักตัวนางไว้กับกำแพง “สตรีห้ามปฏิเสธข้า!”
ฟู่เสวี่ยเยียนปิดหน้าอย่างเอียงอาย “ไม่เอาน่า~ คนเขาเขินนะ~”
ใต้เท้าเจ้าสำนักดึงมือนางออกอย่างบ้าอำนาจก่อนจะประกบปากลงบนกลีบปากอันอ่อนนุ่มของนางอย่างดุดัน แต่คล้ายว่านั่นยังไม่อาจทำให้เขาพอใจได้ เขาเลยโถมทับตัวนางลงบนไม้กระดาน
จากนั้นเขาก็ยินเสียงดังตึง ใต้เท้าเจ้าสำนักกลิ้งตกลงจากเตียง ล้มกระแทกที่วางเท้าไปเต็มรัก เลยพลันตาสว่างด้วยความเจ็บปวด
เฉียวเวยได้ยินเสียงเลยเคาะประตู “ข้าเข้าไปแล้วนะ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักรีบพลิกตัวกลับขึ้นเตียง!
เฉียวเวยผลักประตูเข้าไป พอเห็นคนในห้องตื่นแล้วเลยถามว่า “ทำอะไรน่ะ เหตุใดวันนี้จึงหลับเป็นตายเพียงนี้ จะเรียกไปกินมื้อเย็นยังไม่ตื่นเลย”
ใต้เท้าเจ้าสำนักสะบัดสายตามองนางแล้วนึกถึงฝันเมื่อครู่ขึ้นมา สายตาเขาพลันเป็นประกาย แค่นเสียงออกทางจมูกหึหึ “ไปรินน้ำมาให้ข้า!”
เฉียวเวยหรี่ตาลง “เจ้าว่าอะไรนะ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักทำใจกล้ายืดอกขึ้น เอ่ยด้วยท่าทางดุดันร้ายกาจ “ข้าสั่งเจ้าให้ไปรินน้ำมาให้ข้า!”
…
หนึ่งเค่อผ่านไป เฉียวเวยเดินออกจากห้องพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มและท่าทางสบายๆ
อีกหนึ่งเค่อผ่านไป ใต้เท้าเจ้าสำนักก็ออกจากห้องพร้อมตาที่ดำเป็นหมีแพนด้ากับใบหน้าที่บวมปูด
…
พระจันทร์เสี้ยวลอยอยู่บนท้องฟ้า รถม้าคันหนึ่งแล่นเข้าไปในภูเขาหลิงซีแล้วจอดลงด้านนอกหมู่บ้านหานอวี้ จีอู๋ซวงก้าวออกไปข้างหน้า ประสานมือไปทางรถม้าแล้วทำความเคารพ “นายน้อย”
ผ้าม่านรถม้าถูกเลิกขึ้น จีหมิงซิวเดินลงมาช้าๆ คล้ายแสงจันทร์ในน้ำตกกระทบลงบนอาภรณ์สีขาวเรียบของเขา ทำให้รูปร่างเขาดูโปร่งบางและสูงยาว
เขาเดินเรื่อยๆ เข้าไปในหมู่บ้าน
เดิมทีสือชีอยู่ที่สระเหมันต์เพื่อคอยเฝ้าฉินปิงอวี่ พอได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเลยกระโดดลอยตัวเข้ามาราวกับนกนางแอ่น จีหมิงซิวลูบศีรษะเขาด้วยความเอ็นดู “สูงขึ้นอีกแล้วนะ”
สายตาสือชีเปล่งประกาย
คณะของพวกเขาไปที่สระเหมันต์ เยี่ยนเฟยเจวี๋ยง่วงจนนอนหลับไปแล้ว พอได้ยินเสียงถึงได้ตื่นขึ้นมาอย่างว่องไว เขาขยี้ตาพลางเอ่ยด้วยความตกใจว่า “มาแล้วหรือ เร็วเพียงนี้เชียว”
จีหมิงซิว “ไม่เร็วแล้ว ไปเจอน้ำหลากอย่างหนักที่อำเภอฉี่จนพัดสะพานขาด ต้องเร่งซ่อมอยู่สองวันกว่าจะเดินทางต่อได้ ตอนหลังก็มาเจอฝนตกหนักอีก แต่นับเป็นเรื่องดีสำหรับหลิงซี จะได้ไม่ถือเป็นปีที่แห้งแล้งเสียที”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยยืดเอวบิดขี้เกียจ “เจ้านับวันยิ่งจะเหมือนขุนนางราชสำนักเข้าไปทุกทีแล้วนะ!”
จีอู๋ซวงปรายตามองเยี่ยนเฟยเจว๋ พูดเสียอย่างกับว่านายน้อยไม่ควรเป็นขุนนางราชสำนักอย่างนั้นแหละ ถ้านายน้อยไม่เป็นขุนนางราชสำนัก จะให้เขาวันๆ เอาแต่พาพวกเขาพี่น้องไล่ต่อสู้ฆ่าฟันไปทั่วยุทธภพหรือไร
เรื่องพวกนั้นทำลับหลังก็พอแล้วไม่ใช่หรือ
ด้านนอกสระเหมันต์มีกระท่อมหลังเล็กที่ดูสวยงามอยู่หลังหนึ่ง จีอู๋ซวงเชิญจีหมิงซิวเข้าไปข้างใน ยกน้ำชาที่ต้มรอไว้อยู่แล้วมาให้ เขาไม่เหมือนกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ยหรือไห่สือซานที่เป็นพวกหยาบกระด้างไร้อารยธรรม เขาเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดในชีวิตมาก เขาไม่เพียงตระเตรียมชาหลงจิ่งชั้นเลิศรอไว้ให้ แต่ยังให้คนทำขนมที่มีแต่ในวังไว้รอท่าอีกด้วย
“นายน้อย” เขาทำท่าให้จีหมิงซิวลองกิน
จีหมิงซิวกินธัญพืชแห้งๆ มาระหว่างทางจึงไม่หิวนัก หลังจากจิบชาไปอึกหนึ่งเขาก็เอาขนมส่งไปให้สือจี “ทางฉินปิงอวี่เป็นอย่างไรบ้าง”
สือชีเริ่มกินขนมของตนไปเงียบๆ
จีอู๋ซวงทอดถอนใจขณะตอบว่า “ก็นับว่าเป็นผู้กล้าอยู่ วิ่งอยู่ในสระเหมันต์มาตั้งนานเพียงนั้นก็ยังปากแข็งไม่ยอมสารภาพเสียที ต้องพบเจ้าให้ได้ถึงจะยอมพูด ไม่ว่าข้าจะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็ง ถึงขั้นรับปากว่าจะปล่อยเขาไปก็ยังไม่ได้ผลเลย”