WSSTH ตอนที่ 2,658 : สถานที่ตั้ง ‘เพลิงอมตะ’

กลับมาครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงท่าทีของเจ้าเมืองเฉวี่ยโยวที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างชัดเจน

กระทั่งคำเรียกหาเขายังสุภาพขึ้น

แต่ทำไมถึงเปลี่ยน ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยาก

ทั้งหมดเพราะความแข็งแกร่งเขาในตอนนี้มันไม่ได้ด้อยกว่าต้าหลัวจินเซียนอีกต่อไป

เช่นนั้นในสายตาหลิ่วเฟิงกู่ เขาก็มีศักดิ์ศรีเทียบได้กับต้าหลัวจินเซียน

“ต้วนหลิงเทียนไฉนเจ้ารีบร้อนกับนักเล่า ไม่อยู่พักสักวันสองวันรึ?”

หลังถูกต้วนหลิงเทียนหอบหิ้วเดินทางออกจากเมืองเฉวี่ยโยวได้สักพัก ฉินอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย ด้วยเพราะรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนรีบร้อนเดินทางมากเกินไป

“เหลืออีกแค่ปีเดียวการประลอง 16 มณฑลก็จะเริ่มขึ้นแล้ว…ตลอดปีหลังจากนี้ข้าคิดใช้เวลาบ่มเพาะสร้างความก้าวหน้าให้ได้มากที่สุดน่ะ”

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเพลิงอมตะกับฉินอวี่ เพียงยกอ้างเรื่องราวออกมาว่าที่รีบร้อนก็เพราะอยากกลับไปบ่มเพาะพลังไวๆเท่านั้น…

“การประลอง 16 มณฑล?”

ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ฉินอวี่ก็ชักหน้าเหวอไปทันใด จากนั้นก็ยิ้มกล่าวออกมาหน้าแห้ง “นี่ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าคงลืมมันไปแล้ว…”

“แต่ว่า…อาศัยพลังฝีมือระดับนี้ของเจ้า ยังจะมีใครสู้เจ้าได้อีกเล่า? อย่างไรเสียการประลอง 16 มณฑลครานี้ผู้ที่จะลงประลองได้ก็ต้องผ่านเงื่อนไขอายุน้อยกว่า 100 ปีก่อน!”

“เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพระราชวังฉินเลย ให้มองไปทั่วทั้งประเทศอมอวิ๋นเหยียน ก็ไม่น่าจะมีคนที่อายุน้อยกว่า 100 ปีคนไหนสู้เจ้าได้ด้วยซ้ำ!”

ฉินอี่กล่าว

มันเห็นพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมากับตา

บางทีระดับพลังบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนยังไม่บรรลุถึงขอบเขตต้าหลัวจินเซียน แต่พลังฝีมือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าต้าหลัวจินเซียนทั่วไปแล้ว!

กระทั่งโจวทง ผู้พิทักษ์จวน 1 ใน 2 ต้าหลัวจินเซียนของมณฑลจิ่วโยว ถ้าต้วนหลิงเทียนจะฆ่า ยังต้องตายคามือในกระบวนเดียว!

นอกจากนี้ต้วนหลิงเทียนยังมียอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณที่ไม่กลัวการโจมตีทางวิญญาณของขอบเขตต้าหลัวจินเซียน…

เช่นนั้นกล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าจินเซียนทั่วไป และมีพลังอำนาจมากพอเข่นฆ่าตัวตนขอบเขตจินเซียนทั้งมวล!

และให้มันมองไปทั่วทั้งประวัติศาสตร์ของประเทศอวิ๋นเหยียน

ผู้ที่มีพลังฝึกปรือบรรลุถึงขอบเขตต้าหลัวจินเซียนทั้งที่อายุน้อยกว่า 100 ปีก็ไม่มีปรากฏมาก่อน!

“โลกกว้างใหญ่ ไม่มีอะไรแน่นอน…”

ได้ยินคำของฉินอวี่ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่าที่อ้างไปมันไม่สมจริงอยู่บ้าง จึงเร่งแก้ไขออกไปทันที “ดั่งคำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคนอยู่เสมอ…รวมถึงยังเดินไม่ทั่วเล้าไก่อย่าพึ่งนับไข่ในตะกร้า! ไม่มีผู้ใดสามารถบอกได้ว่าในบรรดาผู้เข้าร่วมการประลอง 16 มณฑล จะไม่มีคนเหนือกว่าข้า!!”

ต้วนหลิงเทียนว่ามาซะขนาดนี้ ฉินอวี่ก็หมดคำจะพูดทันที

ถึงแม้มันรู้สึกว่าคนแบบนั้นไม่น่าจะมีอยู่จริงก็ตามที

อย่างไรก็ตามที่ต้วนหลิงเทียนพูดมาก็ถูก มันก็ไม่กล้ายืนยันเต็มสิบส่วน…

ว่าในบรรดาอัจฉริยะจากอีก 15 มณฑล จะไม่มียอดฝีมือที่เหนือกว่าต้วนหลิงเทียน

จากนั้นตลอดการเดินทางก็ไม่มีบทสนทนาอะไร

และระหว่างพาฉินอวี่กลับเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว ต้วนหลิงเทียนก็เจอกลุ่มโจรที่คอยดักปล้นระหว่างทาง 2 กลุ่ม

แต่ทั้ง 2 กลุ่มก็ถูกต้วนหลิงเทียนปะทุพลังสังหารเกลี้ยงในพริบตา

“ฉินอวี่ ข้านึกขึ้นได้ว่ามีธุระบางอย่าง…เจ้ากลับไปที่จวนผู้ว่าก่อนแล้วกัน”

หลังพาฉินอวี่มาถึงเมืองประจำมณฑลแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ทำทีเป็นนึกอะไรขึ้นได้ และไม่รอให้ฉินอวี่ตอบคำ เขาก็วูบร่างไปทางตลาดทันที

ถึงแม้ฉินอวี่ไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนจะไปซื้ออะไร แต่ก็มองออกว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดให้มันตามไปด้วย

ดังนั้นมันก็เลือกจะกลับจวนผู้ว่า หมายกลับไปบ่มเพาะพลังที่หลุมมังกรซ่อนต่อ

‘จริงสิ ในเมื่อโจวเฟยมันตายไปแล้ว เช่นนั้นห้องบ่มเพาะมันข้ายึดล่ะ…’

และพอกลับมาถึงหน้าจวนผู้ว่า ฉินอวี่ที่นึกอะไรขึ้นได้ก็ทำตาลุกวาวขึ้นมาทันที

ในหลุมมังกรซ่อนห้องศิลาบ่มเพาะของโจวเฟยนั้น จะเป็นรองก็แต่ห้องบ่มเพาะล่างสุดของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น!

“ข้าได้ยินมาว่าไม่นานหลังจากที่โจวเฟยตาย ท่านผู้พิทักษ์โจวทงก็ตายตกเช่นกันหรือ…ข่าวนี้ใช่ยืนยันความจริงแล้วหรือไม่ ท่านผู้พิทักษ์โจวทงมิใช่ต้าหลัวจินเซียนหรือไร?”

หลังเข้ามาในเขตจวนผู้ว่า ฉินอวี่ก็ได้ยินบทสนทนานชวนให้ตกใจอยู่บ้าง

พอหันมองไปทางต้นเสียงก็พบทหารเฝ้าระวัง 3 คนที่กำลังเดินผ่านไปซวุบซิบคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

‘ดูเหมือนว่าคนในจวนผู้ว่าจะล่วงรู้ถึงการตายของงโจวทงกับโจวเฟยกันแล้ว…แต่นี่ก็ไม่แปลกอะไร อยู่ๆลูกแก้ววิญญาณโจวทงแตกออก ผู้เฝ้าห้องลูกแก้ววิญญาณคงแตกตื่นกันไม่น้อย ผู้ว่าหรือระดับสูงทั้งหลายก็คงรับทราบเรื่องราวทันที’

ฉินอวี่ลอบกล่าว

“หา! ท่านผู้พิทักษ์โจวทงตายแล้ว…เจ้าไปได้ยินมาจากที่ใดกัน?”

“ข้าได้ยินมากับหูข้านี่ล่ะ…เป็นผู้อาวุโสฝ่ายในกำลังคุยกันหน้าเครียดแล้วข้าผ่านไปพอดี…”

“หากท่านผู้พิทักษ์โจวทงตกตายจริง เช่นนั้นมือสังหารก็สมควรเป็นตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขึ้นไปน่ะสิ! แต่มณฑลจิ่วโยวเรามีต้าหลัวจินเซียนแค่ 2 คนเท่านั้น นอกจากโจวทงก็เหลือแต่ท่านผู้ว่า…”

“หมายความว่ามือสังหารมิได้เป็นคนของมณฑลจิ่วโยวเราแน่…ไม่ทราบมันไฉนมาฆ่าผู้พิทักษ์โจวของพวกเรา?”

ทหารเฝ้าระวังทั้ง 3 ที่เดินคุยกันค่อยๆห่างไปจากฉินอวี่มากขึ้นทุกขณะ สุดท้ายก็ไม่ได้ยินอะไรอีก

‘ไม่ใช่คนในมณฑลจิ่วโยว?’

ฉินอวี่ยิ้มบางๆ

หากทั้ง 3 รู้ว่า ที่ผู้พิทักษ์โจวของพวกมันตายตก ล้วนเป็นเพราะฝีมือต้วนหลิงเทียน กลัวว่าคงได้อ้าปากกันกรามค้างกันบ้าง…

ณ ห้องโถงใหญ่จวนผู้ว่า

“ใต้เท้าผู้ว่า ท่านทราบหรือไม่ขอรับว่าผู้ใดเข่นฆ่าผู้พิทักษ์โจว?”

อาวุโสฝ่ายในเจิ้งชิว หันไปมองเถียนจี้หวี่ที่นั่งหน้าเข้มบนเก้าอี้ผู้ว่า

ครู่ต่อมาสายตาของเหล่าอาวุโสฝ่ายในและผู้พิทักษ์จวนคนอื่นก็หันไปมองจ้องเถียนจี้หวี่เป็นสายตาเดียวกัน รอฟังคำตอบอย่างเงียบงัน

“ข้าเองก็ไม่รู้…”

เถียนจี้หวี่ส่ายหัวไปมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก คนที่ฆ่าผู้พิทักษ์โจวได้เห็นชัดว่าพลังฝีมือเหนือกว่ามาก…หาไม่แล้วผู้พิทักษ์โจวคงไม่ถึงขั้นไร้โอกาสส่งยันต์อมตะสื่อสารกลับมา…”

“ตอนนี้เท่าที่รู้ก็คือ…ผู้พิทักษ์โจวตกตายลงหลังจากที่โจวเฟยตายตกไม่นานเท่าไหร่ บอกได้ว่าแม้ฆาตกรจะไม่ใช่คนๆเดียวกัน แต่สมควรเป็นกลุ่มเดียวกันแน่….หาไม่แล้วเรื่องราวคงไม่บังเอิญขนาดนี้!”

เถียนจี้หวี่กล่าวต่อ

คำพูดดังกล่าวของเถียนจี้หวี่ ก็ทำให้ทุกคนในโถงพยักหน้าเห็นด้วย

ไม่สมควรเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ

หลังลูกตายไม่นาน พ่อก็ตายตามไปด้วย…

เช่นนั้นการตายของทั้ง 2 สมควรเกี่ยวพันกัน

“ใต้เท้าผู้ว่า…”

ตอนนี้เองมีอาวุโสฝ่ายในคนหนึ่ง คล้ายนึกอะไรได้ออกจึงหันไปมองกล่าวกับเถียนจี้หวี่เสียงเข้ม “ผู้พิทักษ์โจวออกจากจวนไปเมื่อใดพวกเราไม่มีใครทราบ…แต่ที่ข้าทราบมาพบว่า ก่อนที่โจวเฟยจะออกเดินทางจากจวน มี 2 คนที่พึ่งเดินทางออกจากจวนไปก่อนมัน”

“ผู้ใด?”

สองตาเถียนจี้หวี่ทอประกายเรืองวูบ กล่าวถามเสียงเข้ม

“เป็นต้วนหลิงเทียน กับฉินอวี่”

อาวุโสฝ่ายในผู้นั้นกล่าวต่อ

พอได้ยินคำตอบดังกล่าวของอาวุโสฝ่ายในคนนั้น เถียนจี้หวี่ก็หัวเราะเหอะๆ “อันใด หรือเจ้าจะบอกว่า…การตายของโจวเฟยกับผู้พิทักษ์โจวเกี่ยวข้องกับ 2 คนนี้งั้นหรือ?”

“ข้าก็ไม่มั่นใจหรอกใต้เท้า เพียงแต่ข้าคิดว่ามันบังเอิญแปลกๆ…เพราะอย่างไรโจวเฟยกับต้วนหลิงเทียนก็มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน”

อาวุโสฝ่ายในคนนั้นกล่าวต่อ

“โจวเฟยเคียดแค้นต้วนหลิงเทียน หากแต่ผู้พิทักษ์โจวหมายส่งเสริมต้วนหลิงเทียนที่มากพรสวรรค์ให้แสดงผลงานเลิศล้ำในการประลอง 16 มณฑลที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ 1 ปี…อาศัยโจวเฟยคนเดียว ให้มันเคียดแค้นต้วนหลิงเทียนเพียงใด มันก็ไม่มีกำลังมากพอจะไปหาเรื่องกับต้วนหลิงเทียนหรอก…”

เถียนจี้หวี่กล่าวออกเสียงเบา

“สำหรับฉินอวี่…แม้มันกับต้วนหลิงเทียนจะมากจากเมืองเฉวี่ยโยวเหมือนกัน…แต่มันก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับโจวเฟย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องพลังฝีมือมันไม่สูงพอจะฆ่าโจวเฟย”

เถียนจี้หวี่กล่าวต่อ

“แต่นอกจากทั้ง 2 แล้ว…น้อยก็มิทราบจะหาเบาะแสเรื่องนี้อย่างไร”

อาวุโสฝ่ายในได้แต่คลี่ยิ้มเจื่อนๆออกมา จากนั้นสองตาก็เริ่มฉายประกายเรืองขึ้น เอ่ยถามอย่างระวังว่า “ใต้เท้าผู้ว่า…หรือท่านจะให้ข้าลองไปตรวจสอบทั้งคู่ดู?”

“ตรวจสอบไปก็ไร้ประโยชน์…ไม่จำเป็น!”

เถียนจี้หวี่ส่ายหัวไปมาพลางกล่าว

ที่มันตัดสินใจแบบนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ

ต้วนหลิงเทียนเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้มันได้รับโอสถต้าหลัว มันไม่อยากไปกวนใจต้วนหลิงเทียนเพียงเพราะเรื่องนี้

หาไม่แล้วต่อให้คิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของผู้พิทักษ์โจวทงไปได้ แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่จะมีส่วนกับการตายของโจวเฟย…

ด้านต้วนหลิงเทียนก็ไม่รู้ตัวเลย ว่าเขารอดพ้นการถูกตรวจสอบมาได้เพราะผู้ว่า

เป็นธรรมดาว่าถึงจะรู้เข้าก็ไม่สนใจ

ในความคิดเขา ต่อให้ผู้ว่าจะตรวจสอบและสืบสวนเขาจริง ก็คงไม่ได้เรื่องอะไร

กองทัพมังกรเงินของเมืองเฉวี่ยโยวถูกโจวทงฆ่าตายแทบหมดสิ้น ตอนนี้มีเพียงคนกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ล่วงรู้ความเป็นมาของเขา ก็คือหลิ่วเฟิงกู่ ผู้เฒ่าหง ฉินอวี่

ต้วนหลิงเทียนเชื่อว่า ทั้ง 3 คงไม่คิดหักหลังเขา

ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ทั้งสามหักหลังเขาจริงๆ แต่ผู้ว่าก็ไม่มีหลักฐานใดๆเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนฆ่าโจวทง

อีกทั้งเขายังกล้าพูดได้เลย

ถึงตอนนี้เถียนจี้หวี่จะรู้ว่าเขาเป็นคนฆ่าโจวทงกับโจวเฟยจริงๆ แต่หากการประลอง 16 มณฑลของพระราชวังฉินยังไม่สิ้นสุดลง อีกฝ่ายไม่มีทางมากวนใจเขาแน่!

ส่วนหลังจากการจบประลอง 16 มณฑลแล้ว เถียนจี้หวี่จะมาหาความจากเขาไหม นั่นก็ต้องดูกันอีกที…

ตัดกลับมาอีกด้าน ณ พื้นที่ภูเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปราวๆ 300,000 ลี้ ในทิศทางตรงกันข้ามกับการเดินทางไปเมืองเฉวี่ยโยวจากเมืองประจำมณฑล…

ร่างหนึ่งที่เหินลอยเหนือฟ้า กวาดตามองลงมาเบื้องล่างอย่างเลื่อนลอย

‘หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองหลิ่วบอกสถานที่ตั้งเพลิงอมตะให้ข้าอย่างละเอียด…ต่อให้ข้ารู้ว่าในแถบภูเขานี้มีเพลิงอมตะซ่อนอยู่ อาศัยระดับพลังวิญญาณที่มี ให้ใช้สำนึกเทวะกวาดหาสิบปีหรือกระทั่งร้อยปี ก็ยังยากจะพบตำแหน่งที่ซ่อนเพลิงอมตะ!’

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยล่องเหนือพื้นที่ภูเขาอันกว้างใหญ่สุดไพสาล ได้แต่กล่าวพึมพำเมื่อเห็นภูมิประเทศสลับซับซ้อน มีภูเขานับพันนับหมื่นลูกเบื้องล่าง…